นานาเรื่องราวการจัดการความรู้ (๑๐)
สถาบันการเงินตำบล
พลังจัดการความรู้เครือข่ายราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
ไม่บ่อยที่จะเห็นการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่มาปฎิบัติภารกิจร่วมกันแบบเป็นเรื่องเป็นราวกับกลุ่มประชาชนเป้าหมาย โดยไม่ต้องกังวลว่าผลงานจะไปตกอยู่กับหน่วยงานใดเป็นพิเศษ ซึ่งภาพการทำงานร่วมกันลักษณะนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเป็นโครงการนำร่องภายใต้งบผู้ว่าฯซีอีโอ ที่ชื่อว่า โครงการการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน โดยเป็นการทำงานร่วมกันของ 9 หน่วยงานราชการในจังหวัด ที่มีระยะเวลาเพียง 6 เดือน ดำเนินการกับพื้นที่ 3 ตำบลในเขตอำเภอเมือง คือ ต.ท่าไร่ ต.บางจาก และ ต.มะม่วงสองต้น ที่มีความเด่น 3 อย่างนั้นคือ ผู้นำเข้มแข็ง กลุ่มเข้มแข็ง และมีองค์กรการเงิน (กลุ่มออมทรัพย์)อยู่แล้ว และหวังผลที่จะไปขยายต่อกับอำเภออื่น ๆ ในจังหวัด
จัดการความรู้ บูรณาการทำงาน
การดำเนินงานของโครงการนี้มีความตั้งใจที่จะนำการจัดการความรู้เข้าไปเป็นกลไกหลักในการสร้างกระบวนการให้เกิดการทำงานร่วมกันของทั้ง
9
หน่วยงานและคาดหวังผลอันเป็นเป้าหมายหลักหรือหัวปลาอยู่ที่การสร้างความเข็งแข็งให้กับองค์กรการเงินชุมชน
ซึ่งจะโยงไปถึงเป้าหมาย่ใหญ่กว่านั่นคือการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนได้เมื่อฐานชุมชนเข้มแข็ง
โดยมีการจัดการความรู้เป็นกลไกเข้าไปเสริมให้เกิดความเข้มแข็ง
ซึ่งเป้าหมายตรงนี้ได้รับการตอบรับและเปิดไฟเขียวในทางนโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชคนปัจจุบัน
คือ นายวิชม ทองสงค์ ที่เข้าใจเรื่องการจัดการความรู้
และมีวิสัยทัศน์อย่างมากในการทำงานเชิงพื้นที่ที่มีชุมชนและประชาชนในจังหวัดเป็นเป้าหมาย
ผ่าทางตันการทำงานของหน่วยงานในพื้นที่ที่มักต่างคนต่างทำ
ต่างคนต่างเข้าไปหาชาวบ้าน
ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและน่าเบื่อสำหรับชาวบ้านเปลี่ยนเป็นการให้แต่ละหน่วยงานมีภารกิจร่วมกันซึ่งในการนำร่องนี้เลือกทำเรื่ององค์กรการเงินชุมชน
เข้าไปพร้อม ๆ กันและทำงานร่วมกันอย่างมีแบบแผน
มีการตั้งคณะทำงาน(คุณเอื้อ)
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้แทนหรือผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน
ที่จะรับรู้และพูดคุยกันในเรื่องนโยบาย
มีคณะทำงานสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้องค์กรการเงินชุมชน
(คุณอำนวย)ที่มาจากการสมัครของหน่วยงานต่าง ๆ
ที่ทำงานกับพื้นที่
และมีคุณกิจซึ่งก็คือตัวแทนชุมชนหรือกลุ่มกิจกรรมในชุมชนโดยเฉพาะกลุ่มออมทรัพย์
ผลที่จะเกิดขึ้นจากโครงการนี้คือเกิดจากการปฎิบัติของชุมชนโดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่ปรึกษาแนะนำ
จัดการความรู้ในกระบวนการเรียนรู้
จากการจัดเวทีมากกว่า 3 ครั้ง
ซึ่งแต่ละครั้งจะมีการทำความเข้าใจร่วมกัน
สรุปประเด็นการเรียนรู้ ความต้องการ
และแนวทางที่จะเป็นไปได้
ในที่สุดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นที่
บ้านบางสะพาน ต.บางจาก ก็ได้ข้อสรุปที่ว่า คำว่าองค์กรการเงินชุมชน
อาจจะกว้างเกินไปความหมายจริง ๆ
ในตอนนี้น่าจะอยู่ที่การสร้างสถาบันการเงินตำบลมากกว่า
โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะรวมกลุ่มออมทรัพย์ในชุมชนซึ่งถือเป็นแหล่งทุนสำหรับการทำกิจกรรมอย่างอื่น
ๆ ของคนในชุมชนให้มีความเข้มแข็งและมีการจัดการที่โปร่งใสเป็นระบบ
และได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างไร
ในขั้นตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งได้เข้ามาเสริม
เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำ
ในเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของบรรดากลุ่มออมทรัพย์ ต.บางจาก 11
หมู่บ้าน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548
ซึ่งถือเป็นเวทีใหญ่ที่มีประเด็นของการคุยกันใน 4
เรื่องหลักของการสร้างสถาบันการเงินตำบลที่เข้มแข็งขึ้นมาได้
จะต้องมีความรู้เรื่องการทำบัญชี
เรื่องบทบาทคณะกรรมการ เรื่องกรรมบริหารจัดการสินเชื่อ
และเรื่องการติดตาม ทั้งคุณเอื้อ คุณอำนวย คุณกิจ
ต่างแสดงบทบาทของตนเองเต็มที่
โดยคุณเอื้อซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานทั้ง 9
หน่วยงานที่มาร่วมกันทำงานโครงการนี้ภายใต้แกนกลางที่ทำหน้าที่ประสานทุกกลุ่มคือ
ม.วลัยลักษณ์
ก็มากันเกือบครบโดยเฉพาะหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทั้ง พช.
ธ.ก.ส. ธ.ออมสิน กศน. เป็นต้น
ซึ่งผู้นำแต่ละคนก็พยายามสอดแทรกไปให้คำอธิบายแนะนำแก่กลุ่มออมทรัพย์จากทั้ง
11 หมู่
ที่ใช้กระบวนการจัดการความรู้เพื่อร่วมกันหาวิธีบริหารจัดการไปสู่เป้าหมายของการเป็นสถาบันการเงินชุมชน
ในเวทีวันนี้ทีมคุณอำนวยซึ่งก็เป็นตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มาร่วมกันตระเตรียมและดำเนินตามกระบวนการ
โดยเน้นการค้นหาสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ซึ่งหัวใจหลักนั่นคือเรื่องการทำบัญชี การรวมกลุ่ม
วิธีการบริหารจัดการ และการติดตาม
แล้วแบ่งกลุ่มตัวแทนจากหมู่บ้านต่างๆ
ออกเป็นกลุ่มย่อยร่วมกันระดมความคิดความเห็นสรุปความต้องการและร่วมกันหาทางออก
โดยมีพี่เลี้ยงคอยแนะนำดูแลอย่างใกล้ชิด
กระบวนการกลุ่มจึงออกมาค่อนข้างดีมีบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนกันอย่างเห็นได้ชัด
และเป็นบรรยากาศที่คึกคัก
ในแต่ละกลุ่มมีการแลกเปลี่ยนกันอย่างมีอรรถรส
บางหมู่บ้านได้นำเสนอประสบการณ์ที่กลุ่มตนเองได้ทำ
แล้วเอามาแลกเปลี่ยนกัน
บ้างก็เอาตัวอย่างมาให้ดูและลองทำกันจริง ๆ เช่น เรื่องบัญชี
ก็มีการเชิญคนทำบัญชีของกลุ่มที่มีวิธีการที่ดีมาสอน
เป็นการทำบัญชีในแบบของชุมชน เป็นต้น
เมื่อกลุ่มได้ข้อสรุป ทีมคุณอำนวยซึ่งได้สังเกตการณ์ไปในกลุ่มต่าง ๆ
ก็ได้เวียนกันให้ความเห็นต่อการดำเนินการที่ถูกหลักการและเสนอวิธีการที่ชัดเจนและถูกต้องสำหรับการทำสถาบันการเงินตำบลที่ถูกระเบียบและสามารถต่อยอดได้
ซึ่งแต่ละหน่วยก็ได้มารับรู้และให้คำแนะนำในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของตนเอง
ซึ่งแนวทางต่อไปคือจะบูรณาการทุกเรื่องให้ดำเนินไปอย่างถูกต้องได้อย่างไร
ซึ่งก็เป็นโจทย์กลับไปที่ทีมคุณเอื้อจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะแก้ไขให้ชุมชนได้อย่างไร
สำหรับคุณอำนวย
ซึ่งหลัก ๆ คือ จากสำนักงานพัฒนาชุมชน และการศึกษานอกโรงเรียน
ซึ่งทำหน้าจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างเป็นระบบ
โดยก่อนจัดเวทีแต่ละครั้งทีมคุณอำนวยก็จะมีการประชุมและแบ่งหน้าที่
มีการวางแผนเตรียมความพร้อมแบ่งงานกันทำ ภารกิจ
ใครมีความสามารถอะไรก็ไปเสริมซึ่งกันและกัน
ประโยชน์ที่เกิดกับตัวผู้ทำหน้าที่คุณอำนวยคือ
เกิดการเรียนรู้ข้ามหน่วยงาน
รู้จักและเข้าใจการทำหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานและเกิดแนวทางการประสานการทำงานร่วมกันต่อไปได้ในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน
เกิดแนวทางการทำงานกับชุมชนแนวใหม่
เกิดความคิดที่จะเอื้อประโยชน์กับชุมชนมากขึ้น
เกิดบทเรียนและประสบการณ์ทำงานร่วมกันทั้งชุมชนและหน่วยงานภาค
คุณจุรี
บันเทิงจิตร์ (นักพัฒนาชุมชน 6) คุณอำนวย จาก
สนง.พัฒนาชุมชน
เล่าให้ฟังถึงบทบาทการเป็นคุณอำนวยในทีมที่ทำงานร่วมกันทั้ง 9
หน่วยงานว่า มีการแบ่งหน้าที่และเสริมบทบาทซึ่งกันและกัน
ก่อนลงชุมชนก็จะมีการวางแผนเตรียมความพร้อมแบ่งงานกันทำ ภารกิจ
ใครมีความสามารถอะไรก็ไปเสริมซึ่งกันและกัน
สิ่งที่ได้เรียนรู้คือการได้เป็นผู้ช่วยแนะนำและจัดให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันของกลุ่มองค์กรการเงินชุมชนและสมาชิก
และที่สำคัญยิ่งคือการทบทวนที่ทำให้ทราบว่าเขาจุดแข็งอะไรและยังขาดอะไร
ต้องการให้หน่วยราชการเข้าไปช่วยตรงไหน
คุณอำนวยก็ช่วยกันจัดหาความรู้นั้นมาเพิ่มเติม
นอกจากนี้การทำงานร่วมกับคุณอำนวยจากหน่วยงานอื่น
ก็ทำให้เกิดการเรียนรู้ข้ามหน่วยงาน
เพราะจากเดิมแต่ละหน่วยงานต่างคนต่างทำภารกิจของตัวเอง
แต่มีกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มคนเดียวกัน
บางครั้งชาวบ้านก็อาจเบื่อหน่าย
แต่เมื่อรวมกันลงไปทีเดียวนอกจากชาวบ้านจะมาร่วมงานมาร่วมเวทีกันมากขึ้นและกระตือรือร้นกับการมาร่วมงานและแสดงความคิดเห็น
ในการประชุมแต่ละครั้งชาวบ้านจะเตรียมคำถามเตรียมข้อมูลในสิ่งที่เป็นปัญหาหรือต้องการให้หน่วยราชการใด
ๆ ช่วยเหลือก็จะมาพูดมาเสนอกันในเวที
ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนในบทบาทหน้าที่ต่างกันจากทั้ง 9 หน่วยงาน
ซึ่งเวลาชาวบ้านพูดออกมาก็เป็นที่รู้กันว่าเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานไหน
ซึ่งตรงนี้ชาวบ้านชอบมากและยินดีร่วมมือกับเรามากขึ้น
และมีแนวโน้มที่จะทำให้งานพัฒนาชุมชนประสบความสำเร็จ
และแม้โครงการนี้จบลงก็เชื่อว่าชุมชนยังทำต่อไปได้
เพราะไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมกลุ่มออมทรัพย์ซึ่งพวกเขาร่วมกันดำเนินการขึ้นมา
เป็นแกนหลักของชุมชนในการขยายไปสู่การทำกิจกรรมอื่น ๆ
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ก็มีกลุ่มออมทรัพย์เป็นที่พึ่ง
เป็นสิ่งที่เขาดำเนินการเขาทำกันอยู่แล้ว
ไม่มีความเห็น