เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำโครงการทำ cai ระดับชั้นอนุบาล ก้ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะทำแบบไหน แต่เมื่อได้รับมอบหมายงานมาแล้วก็ต้องทำให้ได้ ไม่มีอะไรใต้โลกใบนี้ที่ครูไทยทำไม่ได้ อาจารย์แนะนำว่า จะต้องศึกษาทฤษฎีต่างๆ ในการทำ cai ระดับชั้นอนุบาล ศึกษาความต้องการของช่วงวัยอนุบาล
แล้วก็ได้หัวข้อมาว่าจะทำ cai ภาษาอังกฤษ เรื่อง ภาษาน่ารู้ สำหรับเด็กอนุบาล 3
โดยมีทฤษฎีและจิตวิทยาการเรียน ดังต่อไปนี้
1. ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
2. ทฤษฎีปัญญานิยม
3. ทฤษฎีโครงสร้างความรู้
1. ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
จอห์นล็อค ( John Lock. 1964) เชื่อว่าเด็กเรียนร้โดยการฝึกซ้ำ ๆ โดยการปฏิบัติ เด็กจะต้องได้รับแรงจูงใจจากภายนอก
ธอร์นไดค์ (Thorndike. 1966) เชื่อในสิ่งเร้าตอบสนอง องค์ประกอบพื้นฐานของการเรียนรู้ ประกอบด้วยกฎความพร้อม กฎการฝีกหัด และกฎแห่งผล
สกินเนอร์ (Skinner. 1967) การใช้เทคนิคเสริมแรงทางบวกมากกว่าทางลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมแรงในทันทีให้แก่ผู้เรียน
2. ทฤษฎีปัญญานิยม เป็นทฤษฎีทีทำให้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนการสอน ในลักษณะสาขา ของ Crowder จะทำให้ผู้เรียนมีอิสระในการควบคุมการเรียนของตนเอง
3. ทฤษฎีโครงสร้างความรู้ มีแนวคิดว่า โดยมีการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม
ในการสร้าง cai ครั้งนี้ได้นำแนวคิดจากนักจิตวิทยาพฤติกรรมนิยม ที่แน้นเรื่องการให้นักเรียนตอบคำถาม และให้รางวัลทันทีในรูปของคำเฉลย เช่นการให้แรงเสริม สร้างเงื่อนไขการตอบ การปรัปพฤติกรรมลงโทษหรือตัดออก หรือเทคนิคการทำให้เลือนหายไป มาออกแบบโครงสร้างเนื้อหา แนวคิดจากนัจิตวิทยาปัญญานิยม มาออกแบบโครงสร้างเนื้อหา โดยเรียนจากเรื่องที่ง่าย ไปหายาก ตอบตอบผิดสามารถกลับมาเรียนได้อีก ซึ่งเป็นการเชื่อโยงความรู้เก่ากับความรู้ใหม่ตามแนวคิดนักจิตวิทยาโครงสร้างความรู้