ภาษาอังกฤษ


1 Present Simple Tense 2 Present Continuous Tense 3 Present Perfect Tense 4 Past Simple Tense 5 Past Continuous Tense 6 Future Simple Tense 7 Question Tag มันเป็นยังไงน้า...
1 Present Simple Tense
2 Present Continuous Tense
3 Present Perfect Tense
4 Past Simple Tense
5 Past Continuous Tense
6 Future Simple Tense
7 Question Tag

เวลาที่เรียนเคยวงสัยกันบ้างไหม ว่ามันเป็นยังไง

ก็เลยเอามาให้ได้ศึกษากัน

 

Present Simple Tense

โครงสร้าง : Subject + Verb 1 + (Object)

หลักการใช้

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ หรือเหตุการณ์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ เช่น

The sun rises in the east. (พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก)

The cat has four legs. (แมวมีสี่ขา)

2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่เป็นปรกตินิสัย หรือการกระทำนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำ

มี Adverb of Frequency แสดง

I have my breakfast everyday. (ผมรับประทานอาหารเช้าทุกวัน)

Everybody wears thick clothes in winter. (ทุกๆ คนสวมเสื้อหนาๆ ในฤดูหนาว)

We go to temple every Sunday. (พวกเราไปวัดทุกๆ วันอาทิตย์)

3.ใช้แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือสภาพที่เป็นปัจจุบัน เช่น

She understands what you say. (เธอเข้าใจที่คุณพูด)

I have four notebooks in the suitcase. (ฉันมีสมุด 4 เล่มอยู่ในกระเป๋า)

4. ใช้แสดงถึงการกระทำในอนาคต ซึ่งตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะปฏิบัติ

The next semester begins in two weeks. (อีก 2 อาทิตย์จึงจะเปิดเทอมหน้า)

He sets sail on Saturday for Samui. (เขาจะออกเรือไปสมุยในวันเสาร์)

หมายเหตุ* อย่าลืมนะว่าถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม S ห้ามลืมกฎข้อนี้เด็ดขาดนะ!!!

Present Continuous Tense

โครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb -ing + ( Object )

หลักการใช้

1. เมื่อการกระทำดำเนินอยู่ในปัจจุบัน (ขณะพูด) และต่อเนื่องมาถึงบัดนั้น และจบในอนาคต เช่น

My uncle is listening to the radio.(ลุงของผมกำลังฟังวิทยุ)

What is he doing? (เขากำลังทำอะไรเหรอ?)

2. การกระทำที่เกิดขึ้น ต้องเกิดขึ้นขณะนั้นจริง เช่น

More and more people are using Internet. (ผู้คนเริ่มเล่นอินเทอร์เน็ตมากขึ้นทุกที)

Accidents are happening more and more frequently. (อุบัติเหตุเกิดขึ้นมากและบ่อยขึ้น)

3. แสดงเหตุการณ์ในอนาคต เกิดขึ้นแน่นอน เช่น

We are planning to go to the beach next week. (พวกเราวางแผนจะไปเที่ยวทะเลอาทิตย์หน้า)

She is going abroad next Tuesday. (หล่อนจะไปต่างประเทศวันอังคารหน้า)

4. ถ้าประโยคเชื่อมด้วย and ( 2 ประโยค) ให้ตัด Verb to be ที่อยู่หลัง and ออก เช่น

My father is smoking a cigarette and watching television. (คุณพ่อของฉันกำลังสูบบุหรี่และดูโทรทัศน)์

*กริยาที่นำมาใช้ใน Tense นี้ไม่ได้!!!*

1. กริยาที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น

I see the beautiful mountain.(ฉันดูภูเขาอันงดงาม) ไม่ใช้ I am seeing the beautiful mountain.

2. กริยาที่แสดงถึงภาวะของจิต, แสดงความรู้สึก, ความผูกพัน ไม่นิยมนำมาใช้ เช่น

I know him very well (ผมรู้จักเขาดี) อย่าใช้ : I am knowing him very well.

He believes that taxes are too high.(เขาเชื่อว่าภาษีแพงเกินไป)

อย่าใช้ : He is believing that taxes are too high.

หลักการเติม -ing

1). กริยาที่ลงท้ายด้วย E ให้ตัด E ทิ้ง แล้วเติม -ing

2). กริยาที่ลงท้ายด้วย EE ให้เติม -ing ได้เลย

3). กริยาที่ลงท้ายด้วย IE ให้เปลี่ยนเป็น Y ก่อน แล้วเติม -ing

4). กริยาที่มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว พยางค์เดียว เพิ่มตัวสะกดอีกตัวหนึ่ง แล้วเติม -ing

5). กริยาที่มี 2 พยางค์ออกเสียงหนักที่พยางค์หลัง มีสระและตัวสะกดตัวเดียว เพิ่มตัวสะกด แล้วเติม -ing

6). กริยา 2 พยางค์ต่อไปนี้ เพิ่มตัวสะกดเข้ามาแล้วเติม -ing หรือไม่ก็ได้

[แบบอเมริกัน] : travel => traveling, quarrel => quarreling

 [แบบอังกฤษ] : travel => travelling, quarrel => quarrelling

Present Perfect Tense Subject

โครงสร้าง: Subject + Verb to have + Verb ช่อง 3

หลักการใช้

1. การกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินเรื่อยมาจนปัจจุบัน เช่น

I have lived in Chiang Mai since 1979.(ฉันอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ตั้งปี ค.ศ. 1979)

I have studied English for ten years.(ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลา 10 ปี)

2. เหตุการณ์เพิ่งสิ้นสุดลง มีคำว่า just, already, yet เช่น

I have already finished my homework. (ผมเพิ่งทำการบ้านของผมเสร็จ)

He has not read that book yet.(เขายังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้นเลย)

3. เหตุการณ์ที่เกิดในอดีต และสิ้นสุดแล้ว แต่ผลของเหตุการณ์ก็ยังมีมาจนปัจจุบันใน เช่น

I have read them before.(ฉันเคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน)

The servant has cooked her dinner.(คนรับใช้ทำอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว)

4. การกระทำซึ่งเริ่มต้น และสิ้นสุดในอดีต แต่อาจเกิดได้อีก มี Adverb of Frequency ด้วย เช่น

I have visited Los Angeles twice.(ผมไปเที่ยวลอสแองเจลลิสมา 2 ครั้ง)

หลักการใช้ Yet, Just, และ Already

Yet (ยัง) ใช้ในประโยคปฏิเสธเสมอ วางไว้ท้ายประโยค

Just (เพิ่งจะ) Already (เรียบร้อยแล้ว) ใช้ในประโยคบอกเล่า วางไว้หน้ากริยาหลัก

*อย่าลืม!!! ต้องแม่นในการผันกริยาช่องที่ 3*

Past Simple Tense

โครงสร้าง: Subject + Verb ( Past Form ) + ( Object )

หลักการใช้

1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุดแล้ว มี Adverb บอกเวลาในอดีตกำกับด้วย เช่น

She saw you yesterday. (หล่อนเห็นคุณเมื่อวานนี้)

I went to Berline last year. (ผมไปเบอร์ลินเมื่อปีที่แล้ว)

2. เหตุการณ์หนึ่งกระทำเป็นประจำในอดีต แต่บัดนี้ไม่ได้ทำอีก เช่น

When he was young, he was very clever. (เมื่อตอนเขายังเด็ก เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก)

I used to get up early in the morning. (ฉันเคยตื่นนอนตอนเช้าตรู่ ( ปัจจุบันไม่ได้ตื่นเช้าแล้ว )

3. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาหนึ่งในอดีต และระยะเวลานั้นได้ล่วงเลยมาแล้ว เช่น

They lived there during last spring.(พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว)

I heard the blacksmith working all day long.(ฉันได้ยินช่างตีเหล็กทำงานตลอดทั้งวัน)

4. ใช้แสดงถึงการสมมุติหรือข้อแม้ ในปัจจุบันหรือในอนาคต ตามหลังคำว่า If, Unless, Wish เช่น

If I were you I would love her. (ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะรักเธอ)

Past Continuous Tense

โครงสร้าง: Subject + was, were + V-ing + Object

หลักการใช้

1. ใช้ในเหตุการณ์ที่แสดงอาการกำลังกระทำในอดีต เช่น

They were speaking in the bookstore.(พวกเขากำลังพูดอยู่ในร้านขายหนังสือ)

She was going to post office.(หล่อนกำลังจะไปที่ทำการไปรษณีย)์

2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่องกันในอดีต เช่น

What were you doing all last summer? (เธอทำอะไรตลอดฤดูร้อนที่แล้วเหรอ?)

I was enjoying myself at the seaside.(ผมรื่นเริงกับการเที่ยวทะเล)

3. เหตุการณ์เกิด 2 เหตุการณ์ ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งดำเนินก่อน และเหตุการณ์ที่สองมาแทรก

มีหลักการ คือ เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ใช้ Past Con เหตุการณ์หลังใช้ Past Sim เช่น

When I returned home, she was playing pingpong. (ตอนฉันกลับบ้าน เธอเล่นปิงปองอย)ู่

4. เหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต ต้องใช้ Past Con ทั้งคู่ มีคำว่า while หรือ as มาเชื่อม เช่น

I was playing while you were studying. (ฉันกำลังเล่นในขณะที่เธอกำลังเรียน)

5. เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ ณ เวลาจุดใดจุดหนึ่งในอดีตที่ระบุไว้ชัดเจน เช่น

They were cleaning the room at eight o'clock yesterday.(พวกเขาทำความสะอาดห้อง 8 โมงเมื่อวาน)

6. ใช้ในการสมมุติ เป็นข้อแม้ การคาดคะเน แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง เช่น

What would you do if it was raining? (คุณจะทำอย่างไรถ้าฝนกำลังตก?)

*หมายเหตุ :กรุณากลับไปอ่าน Present Continuous เรื่องกริยาที่นำมาใช้ใน Tense ไม่ได้ด้วยนะ*

Future Simple Tense

หลักการใช้

การกระทำในอนาคต เช่น He will travel to Singapore next year. (เขาจะไปเที่ยวสิงคโปร์ปีหน้า)

หลักการใช้ (be) going to แทน will หรือ shall

1. ใช้ (be) going to + V1 แสดงความตั้งใจ แทน will และ shall เช่น

She is going to buy a car next month.(หล่อนจะซื้อรถยนต์เดือนหน้า)

2. ใช้ (be) going to + V1 แสดงการคาดคะเน แทน will และ shall เช่น

I think it is going to rain.(ฉันคิดว่าฝนจะต้องตก)

3. ใช้ (be) going to + V1 แสดงข้อความซึ่งเชื่อว่าเป็นจริงโดยไม่สงสัย แทน will และ shall เช่น

His wife is going to have a baby.(ภรรยาของเขาจะมีลูกแล้ว)

ห้ามใช้ (be) going to + V1 ในกรณีต่อไปนี้

1. เหตุการณ์ที่เป็นอนาคตอันแท้จริง ต้องเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น

I will be twenty-one next year. ผมจะมีอายุ 21 ในปีหน้า (ห้ามใช้ :I am going to be twenty-one next year.)

2. ในประโยคที่เชื่อมด้วย If ใช้ได้เฉพาะ will และ shall เท่านั้น

John will be successful if he tries hard.(ห้ามใช้ :John is going to be successful if he tries hard.)

3. กริยาที่แสดงการรับรู้ เช่น

I will remember this experience forever.(ห้ามใช้ :I am going to remember this experience forever.)

I wish you would love me one day. (ฉันหวังว่าเธอจะรักฉันซักวันหนึ่ง)

Question Tag

Question Tag คือ การตั้งคำถามท้ายประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธ

หลักการตั้งประโยคคำถาม

1. ถ้าประโยคหน้าเป็นบอกเล่า Tag ต้องเป็นปฏิเสธ

2. ถ้าประโยคหน้าเป็นปฎิเสธ Tag ต้องเป็นบอกเล่า

3. ต้องใส่ Comma คั่นระหว่างประโยคหลักกับ Tag เสมอ

4. ตัว Tag ต้องเป็นกริยาช่วยเสมอ

5. หากไม่มีกริยาช่วยในประโยคหลัก ใช้ V. to do มาช่วย

6. กริยาช่วยตรง Tag ต้องใช้รูปย่อเสมอ ไม่มีรูป amn't I ใช้ aren't I แทน

7. กริยาช่วย ต้องเปลี่ยนตาม Tense ที่ประโยคหลัก

8. ประโยคคำสั่ง ขอร้อง เชื้อเชิญ ตรง Tag เติม คำว่า will you ได้เลย

ข้อควรจำในการทำ Question Tag .

1. ถ้าประโยคหน้าขึ้นต้นด้วย That is, This is ส่วน Tag ใช้ isn't it? หรือ is it

2. ถ้าประโยคหน้าขึ้นต้นด้วย There is/ are/ was/ were ส่วน Tag ใช้ V. to be ตามประธานและ Tense + there

3. ถ้าประโยคหน้าขึ้นต้นด้วย These/ Those are ส่วน Tag ใช้ aren't they หรือ are they แล้วแต่กรณี

4. ถ้าประโยคหน้าเป็นประโยคความซ้อน ส่วน Tag ให้เอากริยาในประโยคหลักนะ

5. ถ้าประโยคหน้ามีคำที่ให้ความหมายเชิงปฏิเสธ ส่วน Tag นั้น ต้องเป็นบอกเล่า เช่น Nothing is interesting, is it?

 เป็นยังไงกันบ้างเห็นว่าส่วนมากจะงงกันไปอ่านเจอเลยเอามาฝาก

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 21182เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2006 17:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 15:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
นางสาวพัชรินทร์ สร้อยสูงเนิน

อยากจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับหลักการ  การใช  too...

การใช้  very   การใช้  so....

ช่วยให้รื้อฟื้น ความรู้ได้ดีครับ บางทีตอนเรียนไม่ค่อยเข้าใจ พอกลับมาดูใหม่ทำให้เข้าใจได้ดีขึ้น

ต้องขอบคุณอาจารย์มากครับ

อยากได้ประโยคคำสั่งค่ะช่วยนำมาทีค่ะ          ขอขอบคุณค่ะ

ครูให้เติมคำให้สมบูรณ์จากประโยคที่กำหนดให้

แต่ไม่รู้ว่าจะเติมเป็น Present Perfect Tense

หรือ Present Perfect Continuous Tense

ซึ่งมีประโยคดังนี้

1.We(not be) there lately.

2.I (write) three letters this morning.

3.How long you (work) with that company?

4.They (play) basketball for two hour.

ช่วยหน่อยนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณครับอาจารย์ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท