ความเสี่ยงของวัยรุ่นไทย เอามาให้อ่านป้องกันภัย


เอดส์ รู้จักสิ่งนี้กันดีพอแล้วรึยัง มาศึกษากันดีกว่ากับนานาเอดส์

เชื้อเอดส์พบได้ที่ไหนบ้าง


น้ำทุกชนิดที่ออกจากร่างกายมีเชื้อเอดส์ทั้งนั้นมากบ้างน้อยบ้าง
ที่มีมาก      : เลือด, น้ำอสุจิ, น้ำจากช่องคลอด, ตกขาว,น้ำจากเลือดประจำเดือน, น้ำนมแม่
ที่มีน้อย      : น้ำตา, น้ำลาย, น้ำมูก, เสมหะ
แทบจะไม่มี : อุจจาระ, ปัสสาวะ, เหงื่อ

yushi_01.gif

ทำไมน้ำหลั่งต่างๆจึงมีปริมาณไวรัสไม่เท่ากัน


ไวรัสมันชอบเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือดเพื่อแบ่งตัวและเจริญเติบโต ดังนั้นน้ำใดที่มีเม็ดเลือดขาวหรือเลือดเข้าไปเกี่ยวข้องจึงมีเชื้อไวรัสมาก เช่น เลือด, น้ำจากช่องคลอด, ตกขาว, ประจำเดือน น้ำหนอง น้ำใดที่ไม่มีเลือด หรือเม็ดเลือดขาวปะปนก็มีปริมาณไวรัสน้อย เช่น ปัสสาวะ, อุจจาระ, เหงื่อ เป็นต้น

yushi_01.gif

เชื้อเอดส์อยู่นอกร่างกาย อยู่ได้นานแค่ไหน


เชื้อเอดส์ร้ายก็จริง แต่ใจเสาะครับ ไม่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมภายนอกได้ โดยทั่วไปมันจะอยู่ได้เป็นชั่วโมงหรือแค่ไม่เกินวัน ทั้งนี้อยู่ที่สิ่งแวดล้อม ถ้าถูกความร้อน ความแห้ง กรดด่าง หรือแสงแดด ก็หงิกแล้ว แต่ถ้าได้ที่เหมาะๆ มีความชื้นดีๆ หรือห้องแอร์ที่เย็นเจี๊ยบ (ราวๆ 20 องศาเซลเซียส) ก็อาจอยู่ได้หลายวัน แต่ไม่ถึงสัปดาห์

yushi_01.gif


โรคเอดส์ติดต่อได้กี่ทาง


โดยหลักๆ ก็มี 3 ทาง
1. เลือดและการถ่ายเลือด รวมทั้งใช้เข็มร่วมกัน เครื่องมือที่ไม่สะอาดมีคราบเลือดปนเปื้อน หรือมีบาดแผลแล้วไปสัมผัสกับเลือดหรือน้ำเหลืองของคนมีเชื้อเอดส์
2. ทางการร่วมเพศ รวมทั้งการร่วมเพศระหว่างชายกับหญิง, ชายกับชาย, โดยร่วมเพศทางช่องคลอดหรือทางทวารหนัก ทั้งนี้รวมทั้ง oral sex โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ปากกับอวัยวะเพศชายที่มีเชื้อเอดส์
3. ทางมารดาสู่ทารก (vertical transmission) ส่วนใหญ่จะติดระหว่างการคลอด และส่วนน้อยที่ติดระหว่างอยู่ในครรภ์และระหว่างให้ลูกดูดนมแม่

yushi_01.gif


แบบไหนเสี่ยงที่สุด


รับเลือดซิครับ โดยเฉพาะรับการถ่ายเลือดทั้งขวดติดเกือบ 100% แต่เดี๋ยวนี้เลือดทุกขวดได้รับการตรวจอย่างดีแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวล ส่วนการร่วมเพศ โอกาสติดต่อน้อยกว่าเลือด ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ส่วนการติดจากแม่ไปสู่ลูก ถ้าแม่ไม่ได้รับยาต้านเอดส์ระหว่างตั้งครรภ์ ลูกมีโอกาสติด 25% แต่ถ้ารับยาระหว่างฝากครรภ์โอกาสลดเหลือ 12% และถ้าไม่ให้ลูกกินนมแม่ด้วย โอกาสก็ลดลงเหลือ 8%

yushi_01.gif


สาเหตุการแพร่เชื้อมากที่สุด


แม้เลือดมีโอกาสติดต่อมากแต่ก็ไม่ใช่สาเหตุการแพร่เชื้อมากที่สุด เพราะการให้เลือดไม่บ่อยและได้รับการตรวจแล้ว แต่การมีเพศสัมพันธ์นั้นมีการกระทำที่บ่อยที่สุด จึงเป็นสาเหตุการแพร่เชื้อมากที่สุด

yushi_01.gif


นอกจาก 3 ทางหลักที่ติดต่อแล้ว มีทางอื่นอีกไหม


มีค่ะ แต่ก็น้อย เช่น การปลูกถ่ายอวัยวะ เปลี่ยนไต, ปลูกถ่ายไขกระดูก ผสมเทียม ที่ใช้อสุจิผู้อื่นที่มิใช่สามี โดยไม่ได้ตรวจเลือดเจ้าของอสุจิก่อน ฝังเข็ม เจาะหู สักยันต์ การใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น มีดโกน แปรงสีฟัน ชกมวยมีเลือดออก

yushi_01.gif


ติดหรือไม่ติด มีปัจจัยอะไรบ้าง


เอดส์ไม่ได้ติดกันง่ายๆ อย่างที่เข้าใจกัน ขนาดไปยุ่งกับคนมีเชื้อเอดส์ก็ไม่ได้แปลว่า จะต้องติดเสมอไป มันมีปัจจัยมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ปริมาณไวรัส (viral load) ถ้าสิ่งสัมผัสนั้นมีปริมาณไวรัสมาก โอกาสติดก็มาก ถ้ามีไวรัสน้อยก็มีโอกาสติดน้อย ปริมาณไวรัสเรียงลำดับจากมากไปน้อยดังนี้ เลือด, น้ำอสุจิ, น้ำจากช่องคลอด บาดแผล ผิวหน้ามีหน้าที่ปกป้องร่างกายไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย แต่ถ้าผิวหนังมีรอยแตกเป็นแผลก็มีโอกาส ส่วนเยื่อบุต่างๆ เป็นเยื่อบางๆ เช่น เยื่อบุในปาก ตา ช่องคลอด มีโอกาสเป็นรอยแผลเล็กๆ ได้ จึงต้องระมัดระวังอย่าให้เข้าปาก เข้าตา (เห็นหนังฝรั่งที่เขาใส่แว่นตาไหมครับ, หมอใช้ผ้าปิดปาก) แผลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น แผลเริม แผลริมอ่อน แผลซิฟิลิส ก็เป็นแหล่งรอรับเชื้อเอดส์ได้เช่นกัน
ความบ่อยในการสัมผัส ร่วมเพศกับคนที่มีเชื้อเอดส์ครั้งเดียว อาจไม่ติดก็ได้ หรือถูกเข็มตำครั้งเดียวก็อาจไม่ติดก็ได้ขึ้นกับปัจจัยอื่นประกอบด้วย

yushi_01.gif


พ่อเป็นเอดส์แต่แม่ไม่เป็น ลูกเป็นไหม


ไม่เป็นค่ะ ลูกที่ติดเอดส์จะต้องติดจากแม่เท่านั้น เชื้ออสุจิจากพ่อไม่มีเชื้อเอดส์ค่ะ (ยกเว้นน้ำของอสุจิ)

yushi_01.gif


นมแม่ที่มีเชื้อเอดส์ติดลูกไหม


ติดค่ะ เดี๋ยวนี้เขาห้ามแม่ที่มีเชื้อเอดส์ให้ลูกดูดนม แต่ให้ใช้นมผงแทน ซึ่งได้รับการสนับสนุนแจกนมผงจากกระทรวงสาธารณสุข

yushi_01.gif


อยู่บ้านเดียวกัน ติดกันไหม


ถ้าไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่ติด ถ้าเพียงแค่อยู่บ้านเดียวกัน กินข้าวด้วยกัน จับมือถูกต้องตัวกันตามปกติ นอนเตียงเดียวกัน ใช้ห้องน้ำร่วมกัน ซักเสื้อผ้าร่วมกัน แค่นี้ไม่ติดครับ 


yushi_01.gif


ใช้ห้องน้ำร่วมกับคนมีเชื้อเอดส์...ติดไหม


อุจจาระและน้ำปัสสาวะมีปริมาณไวรัสน้อยมาก จนไม่สามารถติดต่อกันได้ ดีไม่ดีโดนน้ำยาฆ่าเชื้อก็หงิกไปเลย ส่วนน้ำอสุจิหรือน้ำจากช่องคลอดก็ไม่สามารถอยู่ในห้องน้ำได้นาน แม้จะสัมผัสถูกผิวหนังบางส่วนนอกร่างกายก็ไม่สามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ อย่างไรก็ตามการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำทำความสะอาดเป็นครั้งคราวก็จะช่วยได้แยะ เพราะน้ำยาเหล่านี้เป็นตัวฆ่าเชื้อเอดส์โดยตรงทีเดียว

yushi_01.gif

กินอาหารกับคนมีเชื้อเอดส์ ติดไหม


ไม่ติดครับ น้ำลายมีปริมาณเชื้อน้อยมากจนไม่ติดต่อกันได้ ถ้าเป็นอาหารร้อนๆ ยิ่งทำให้เชื้อเอดส์ตายเร็วขึ้น แม้เชื้อเอดส์จะลงสู่กระเพาะก็จะโดนกรดในกระเพาะทำลายไป ยังไม่เคยมีรายงานว่ามีคนติดเชื้อเอดส์โดยวิธีนี้ ถ้ากลัวมาก...จะใช้ช้อนกลางก็ดีครับ

yushi_01.gif

ใช้สระว่ายน้ำด้วยกัน จะติดไหม


แม้จะมีเลือด น้ำเหลืองหรือน้ำอสุจิ หรือน้ำจากช่องคลอด น้ำปัสสาวะ ลงไปในสระ มันก็จะถูกเจือจาง (dilute) ไปจนปริมาณไม่เข้มข้นพอที่จะติดต่อได้ และคลอรีนในสระ ก็เป็นตัวฆ่าเชื้อที่ดีอีกด้วย ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ

yushi_01.gif

ใช้เสื้อผ้าร่วมกับคนมีเชื้อเอดส์ ติดไหม


ไม่ติดแน่นอน ไม่ว่าเสื้อผ้านั้นจะซักหรือไม่ซักก็ตาม เพราะเหงื่อ (หรืออาจมีน้ำลายด้วย) ไม่มีปริมาณมากพอที่จะก่อโรคได้ (แม้เรามีแผลก็ตาม) ยิ่งถ้าได้ซักก่อนโดนผงซักฟอก โดนเครื่องซักผ้าหมุนติ้วอย่างนั้นมันก็เวียนหัวตายไปแล้วครับ

yushi_01.gif

โดนกัดล่ะ ติดไหม


ถ้ากัดไม่เข้า กัดเบาๆ แบบหยอกล้อกัน ไม่มีแผลก็ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ถ้ากัดจริงๆ กัดจนมีแผลก็มีโอกาส (แปลว่ามีสิทธิ์ มีสิทธิ์แปลว่าอาจติดก็ได้ ไม่ติดก็ได้) แต่อย่างไรก็ตาม สบายใจได้หน่อยว่า ปริมาณเอดส์ในน้ำลายมีน้อย ถ้าโดนกัดรีบไปล้างก็จะปลอดภัยขึ้น



yushi_01.gif


ทำฟันล่ะ ติดไหม


ถ้าเป็นทันตแพทย์ปริญญา หรือตามโรงพยาบาลก็ไม่มีอะไรต้องห่วง เพราะหมอก็กลัวติดเอดส์เหมือนกัน ดังนั้นหมอเขาจึงต้องทำลายเชื้อและป้องกันอย่างดีที่สุด เครื่องมือเครื่องใช้กับคนหนึ่งแล้ว ต้องมีกรรมวิธีที่จะทำลายเชื้อ ชนิดว่าหมดจรดจริงๆ จึงจะนำไปใช้กับคนไข้รายต่อๆ ไปได้



yushi_01.gif


จะผ่าตัดต้องได้รับเลือด จะปลอดภัยไหม


ปัจจุบันเลือดที่ได้รับจากสภากาชาด หรือของโรงพยาบาลแน่ใจได้เลย ว่าได้ผ่านการตรวจมาแล้วทุกขวดปลอดภัยเกือบ 100%...เอ๊ะหมายความว่ายังไง ก็หมายความว่า ถึงกระนั้นโอกาสตรวจผิดหรือเลือดมีเชื้อแต่ยังไม่ให้ผลบวกก็มี แต่ก็น้อยยยยย....มากๆ ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร ถ้ากลัวมากก็เอาญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ที่ท่านแน่ใจว่าไม่มีเอดส์มาช่วยบริจาคจะปลอดภัยขึ้น แต่ถ้าเป็นเลือดสามล้อ ตุ๊กๆ ที่มารอขายอยู่หน้าโรงพยาบาลอย่าเสี่ยงดีกว่า อาจได้รับของแถมโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ถ้าอยู่ในภาวะฉุกเฉินหรือคับขันไม่มีเลือดจริงๆ แล้วถ้าไม่ได้เลือดต้องตายแน่ๆ ในบัดเดี๋ยวนั้น ถึงจะเป็นเลือดเสี่ยงก็ต้องเอา เป็นเอดส์ตายอีกสิบปีข้างหน้า ดีกว่าต้องมาตายต่อหน้าต่อตาตรงนั้น จริงไหมครับ แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน เช่น คุณจะต้องผ่าตัดที่หมอนัดล่วงหน้านานๆ ถ้าคุณกลัวเอดส์มาก คุณก็อาจไปบริจาคเลือดตัวเองเก็บสำรองไว้ล่วงหน้าก่อนการผ่าตัดไม่นานนัก เมื่อผ่าตัดและต้องใช้เลือดก็เอาเลือดของคุณเองมาใช้ วิธีนี้เขาเรียกAutotransfusion ก็สามารถกระทำได้ครับ

yushi_01.gif

บริจาคเลือด จะติดเอดส์ไหม


ไม่ติดแน่นอนครับ เพราะเข็มที่ใช้จะใช้เข็มใหม่ทุกครั้งและเครื่องไม้เครื่องมือ ก็ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างดีแล้วทั้งสิ้น เลือดที่รับบริจาคมา จะได้รับการตรวจเอดส์ทุกรายเป็นการทราบผลตรวจเอดส์ฟรีด้วยครับ

yushi_01.gif

สรุปเป็นเปอร์เซนต์การติดได้ไหม


รับเลือดจากผู้ติดเชื้อเอดส์ โอกาสติดมากกว่า 90 % 
ทารกในครรภ์มารดามีเชื้อ โอกาสติด 12-15%แต่ถ้ากินยาป้องกันก็จะลดลงเหลือ 8 %
ร่วมเพศโดยไม่ใช้ถุงยางกับหญิงที่มีเชื้อ โอกาสติด 0.1-1.0 % ต่อหนึ่งครั้ง เพิ่มขึ้นตามจำนวนครั้ง
ร่วมเพศโดยใช้ถุงยางกับหญิงที่มีเชื้อ แต่ถุงแตกหรือหลุด โอกาสติด 0.1-1.0 % ต่อหนึ่งครั้ง เพิ่มขึ้นตามจำนวนครั้ง
ร่วมเพศทางทวารหนักกับผู้ติดเชื้อเอดส์ ไม่ป้องกันโอกาสติดติดเชื้อเอดส์ 0.1 – 3.0%
ฉีดยาเสพติดด้วยเข็มที่มีเชื้อ โอกาสติด 1 % ต่อหนึ่งครั้ง เพิ่มขึ้นตามจำนวนครั้ง
ถูกเข็มที่ขี้ยาทิ้งไว้บนที่นั่งในโรงหนังทิ่มก้น โอกาสติดเชื้อ 0.4 %
บุคคลากรทางการแพทย์ถูกเข็มตำ โอกาสติด 0.5 %


heart_st_line_07.gif

 minigirl9.gif

      สรุปสั้นๆว่า เท่าที่เคยเจอมา ที่ติดเชื้อ HIV ให้เห็นนั้น เป็นประเภทมีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่แล้วไม่ได้ป้องกันเท่านั้น ส่วนที่น้ำไหลั่งมาโดนผิวข้างนอกแล้วติด HIV ยังไม่เคยเจอกรณีที่ใช้ถุงยางอนามัยแล้ว ใช้อย่างถูกต้อง ไม่รั่ว ไม่แตก ไม่หลุด ก็ไม่ต้องไปวิตกกังวลอะไรอีก อวัยวะส่วนที่ถุงยางคลุมไม่ถึง คือตรงโคน อาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นได้ เช่น เริม แผลริมอ่อน ซิฟิลิส โลน หรือโรคผิวหนังอื่นๆ แผลที่ผิวหนังที่จะติดได้ คือแผลสดเท่านั้น (แต่ก็ใช่ว่าจะติดได้ง่ายๆ ) ถ้าแผลแห้งมีเกร็ดเลือดมาปิดแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นแผลสด โดยทางเทคนิคแล้วแผลสดๆมีน้ำเลือดน้ำเหลืองเยิ้ม ก็เป็นช่อทางที่เชื้อ hiv จะเข้าสู่ร่างกายได้ จะถือว่าไม่สดโดยปกติก็หลายชั่วโมงผ่านไปแล้วจึงจะปลอดภัย แผลสดถ้าเป็นแผลลึกหรือแผลใหญ่อาจใช้เวลานานกว่านั้น หนังที่นิ้วหรือหัวหน่าวจะหนากว่าเยื่อบุในท่อปัสสาวะ ในช่องคลอด หรือทวารหนัก โอกาสติดก็มีน้อยกว่า แต่ก็ควรสังวรณ์ นิ้วไม่ซุกซนไว้แหละ                                                              

ที่มา  http://www.ilikemassage.com/spcol/membertalktip.htm

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 21178เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2006 17:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 01:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท