โต๊ะ.."ความสุข" กับการทำงาน


การนั่งหันหน้าเข้าหากัน..ไม่มีทฤษฎีใดใด..หากแต่ "ใจ" ที่อยากนั่ง..มองเห็นหน้ากัน..และได้พูดคุยกัน.

          การทำงาน..ที่เป็นต้องอาศัยความเป็นส่วนตัว..เฉพาะ แต่ละคนของคนทำงาน ทำให้ "เรา"..ต้องแยกกันนั่งเป็นสัดและส่วน..สะดวกต่อเงื่อนไขการทำงาน...นั่นคือ "ความเป็นส่วนตัวที่คุยเพื่อส่วนตัว".."เงียบและสงบ"...มีห้องประจำและแยกกันนั่ง..ทำให้ไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนัก...เพราะจากการพูดคุย "เชิงบำบัด"...กับ case เสร็จแล้ว..ต้องมีกิจกรรมที่ต้องสะสางกันต่อที่โต๊ะ...ส่วนตัวในแต่ละคนสิ่งที่ขาดหายไป..คือ..การมีปฏิสัมพันธ์..ซึ่งกันและกัน..ความห่างเหินเกิดขึ้น การพูดคุยกันน้อยลง เดินหากันเพื่ออยากพูดคุย ตามประเด็นที่อยากพูดเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น...บางครั้งในความสงบ..แห่งบรรยากาศที่ดูเหมือนมีโลกส่วนตัวของแต่ละคน ทำให้อาจก่อเกิดคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นได้...

          เมื่อ..เรา..กลับมาครบทีม..และรวมทีม..หลังจากที่แยกย้ายกันไปเรียน..ในหลายๆ หลักสูตรบ้าง สิ่งที่ทบทวนสิ่งแรก..คือ..รวมทีม..ที่มีด้วยใจที่อยากทำงาน..พี่เบิร์ด น้องหนุ่ย น้องหนิงเป็นแกนสำคัญ..ในการคิด Project แห่ง "ใจ" นี้ เรามีห้องๆ หนึ่งที่สามารถนั่งรวมกันได้..และจัดตั้งเป็นสำนักงาน / Office เราเน้น..การนั่งหันหน้าเข้าหากัน..ไม่มีทฤษฎีใดใด..หากแต่ "ใจ" ที่อยากนั่ง..มองเห็นหน้ากัน..และได้พูดคุยกัน..ได้ทุกเมื่อ...ที่ต้องการ และหากใครมี case นัดมา..ก็ค่อยลุกเดินไปใช้ห้อง "ให้คำปรึกษา" "ห้องคลายเครียด" "ห้องบำบัดและตรวจรักษา" หรือ "ห้องกระตุ้น" หนึ่งปีเต็มและเศษอีกนิดๆ ที่เรานั่งทำงานกันอย่างนี้...สิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นคือ..เรา "คุย"กันมากขึ้น บางครั้งอาจแทบเรียกว่า "All Time" คุยปรึกษา-หารือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.) ไม่จำเป็นต้องรบกวนเวลางานของใคร..เหมือนเช่นเก่าก่อนที่อยากคุยหรือประชุมทุกคนต้องลุกผละจากงาน..เพื่อมานั่งประชุม..อย่างมีรูปแบบ..หากแต่ใน ณ ปัจจุบันนี้เราเลือกที่จะประชุมกันอย่างไม่เป็นทางการ

 

สิ่งพิสูจน์ที่เกิดขึ้น..เรามีงานที่บรรลุ "เป้า"...และกำไรที่ได้ คือ "ใจ"..ที่สนิทและรักกัน..

ในความเข้าใจ ยิ่งขึ้น

 

 


 

หมายเลขบันทึก: 21147เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2006 15:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
     ห้องทำงานผม (น่าจะเคยเห็นและพอจะจำได้นะท่านเจ้าของบันทึก) เรานั่งรวมกัน กายภาพมี 2 ห้อง เราก็เลือกที่จะเจาะเข้าหากัน เพื่อการปรึกษาหารือ หรือ ลปรร.กันอย่างไม่เป็นทางการ จนมีคำพูดติดตลกว่า "เข้ามาห้องนี้ไม่รู้ใครเป็นหัวหน้า-ลูกน้อง" เพราะเราไม่เน้นเส้นทางดิ่ง แต่เราเน้นและนิยมเส้นทางราบเสมอกัน เราเชื่อว่าทุกคนรู้ไม่เหมือนและไม่เท่ากัน เราจึงเลือกที่จะแชร์กันรู้ และแทนกันได้เมื่อมีใครไม่อยู่สักคน...ผู้มาติดต่อหรือโทรหา จะไม่รู้สึกขัดใจ

ห้องทำงานผมกว้างมากครับ ไม่สามารถถ่ายด้วยกล้องชนิดใดๆ เพราะมันคือโลก  งานหลักๆ(ที่ผมคิดว่าเป็นงานหลัก)คือการคุยกับนักศึกษา ช่วยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ ดังนั้นมันจึงไม่มีฝาผนังกั้น  บางทีเราก็คุยกันข้างสนามบอล บางทีก็คุยกันใต้ตึก บางทีก็ชายทะเล..... ฯลฯ  เวลาคุยกันก็ไม่จำกัดเหมือนกัน (ไม่มีโอทีนะครับ)  ไร้รูปแบบ ไร้สถานที่ที่แน่นอน แต่สมดุล

คุณตุมปัง คุณชายขอบ

เราต่างมีห้องทำงาน..ในหัว "ใจ"..คนทำงาน

สิ่งสำคัญ..ใดใด..

นั่นคือ..ความสุข..ในการได้ทำงานอย่างมีความสุข

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท