ฟังจากโทรทัศน์เมื่อเช้านี้ พระบรมราโชวาทจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงตรัสแก่ ข้าราชการผู้หนึ่งว่า "ถ้าเป็นเหล็กแล้วไม่ถูกตีถูกทุบจนได้ที่แล้ว จะเป็นดาบที่สวยงามแข็งแกร่งไก้อย่างไร" ฟังแล้วรู้สึกตื้นตันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เราโชคดีที่เกิดมาเป็นคนไทยอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ฟังแล้วรู้สึกมีแรงฮึดขึ้นมาได้ทันที บางครั้งเราก็ย่อท้อเหน็ดเหนื่อย แต่ถ้าเราไม่มีความมานะอดทนมุ่งมั่น เราก็คงไม่มีแรงต่อสู้ชีวิตซึ่งหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
เมื่อก่อนเราทำงานอยู่แต่ในโรงพยาบาลก็ทำไปเรื่อยๆ อยู่กับครอบครัวไม่ได้คิดที่จะทำอะไรไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ณ. วันที่เราเข้าไปสัมผัสชีวิตในมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ความมีชีวิตชีวากลับขึ้นมาอีก เหมือนสมัยเรียน ป.ตรี ช่างสนุกเหลือเกินได้พบเพื่อน มีสังคม มองเห็นโลกในอีกมุมหนึ่ง เทอมแรกได้เกรด 4.00 ทำให้หัวใจพองโต บอกกับตัวเองว่าเราก็แน่เหมือนกัน(ถูกอาจารย์ขู่ไว้มาก กลัวอายเด็กๆ ที่มาเรียนด้วยกัน) เราตั้งใจแน่วแน่ว่าจะค้นหาความเป็นตัวเองให้พบ พรสวรรค์ที่มีอยู่ก็คือ "ความมุ่งมั่นและความกล้าเผชิญ"
ช่วงที่ไปเรียนต้องไปกลับเสาร์-อาทิตย์ คุณสามีต้องขับรถไปส่งทุกวัน นั่งคุยกันในรถอยากหาอะไรทำที่เหมาะกับเรา ที่ผ่านมาก็ทำไปเรื่อยๆ เปิดร้านขายยาแผนปัจจุบัน ก็ยังไมสนุกคิดอยากเป็นนักพูดก็มี สรุปแล้วยังคิดอะไรไม่ออก คุณสามีก็เลยบอกว่าใจเย็น ๆ ค่อยๆเก็บประสบการณ์ไป เคยได้ไปดูงานที่ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ จีน มาแล้ว เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก นำมาใช้ประยุกต์กับเราได้หลายเรื่อง
หลังจบ โท...ก็ยังอยากเรียนต่ออีก แต่ต้องเป็นอะไรที่ชอบ ก็เลยสมัครเรียนแพทย์แผนไทยหลักสูตร 3 ปี ระหว่างเรียนก็สนุกสนานพบกับคนหลากหลายอาชีพ ชวนสามีไปเรียนด้วย พาลูกไปเรียนที่ ECC ด้วย ก็ถือเป็นวันครอบครัว มองเห็นอะไรหลายอย่างจากการไปดูงาน ทั้งเวาลมีการจัดงานที่กรุงเทพ ไปดูงานที่พิจิตรบ้านอาจารย์วัชรี และไปดูที่ลำปาง กลับมานั่งวิเคราะห์ความถนัด ความเป็นไปได้ แต่เนื่องจากเราเองมีพื้นฐานตั้งแต่เกิดมาก็อยู่กับยาไทย คุณพ่อเป็นแพทย์แผนโบราณ เราก็ช่วยทำยามาตลอดช่วงวันหยุด สามีเห็นดีด้วย บอกได้เลยถ้าจะทำอะไรให้สำเร็จคู่ชีวิต OK ทำได้เลย และก็เริ่มปรีกษากัน เราวางโครงร่างมาก่อนว่าจะทำอะไรบ้าง แล้วก็เริ่มหาข้อมูล ดูทรัพยากรที่มีอยู่ และแหล่งสนับสนุน ทำSWAT หมดแรงไปพักนึงเพราะต้องใช้งบประมาณมหาศาลสำหรับเรา 10 กว่าล้าน ไม่ใช่เรื่องเล็ก วางไว้ก่อน
ไปอบรมของหอการค้าเรื่อง SME ได้เห็นอุปสรรคของคนที่เคยต่อสู้จนวันนี้มีเงินและทรัพย์สินเป็น 1,000 ล้าน การล้มลุกคลุกคลานโดยเริ่มจากศูนย์ เทคนิคการเขียนแผนโครงการกู้เงิน ก็ช่วยได้มาก กลับมาอ่านหนังสือ คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก พ่อรวยสอนลูกจน กินกบตัวนั้นซะ ใครเอาเนยแข็งของฉันไป ประวัติมหาเศรษฐีในเมืองไทยอีกหลายคน สุดท้ายคู่มือมนุษย์
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครู สอนได้หมดถ้าเราใฝ่รู้ ทุกวันนี้แบ่งเวลาเป็น 3 ส่วน คือ ให้กับงานโรงพยาบาลตอนกลางวันแต่บางที่ก็เอากลับมาทำบ้านบ้าง บางครั้งอยู่เวรผ่าตัดเนื่องจากเป็นวิสัญญีพยาบาลก็จะถูกตามกลางคืนบ่อย (รพ.ชุมชนมีแค่ 2 คน) ช่วงเย็นกลับจากงานจะดูแลลูกให้ทำการบ้านควบคู่ไปกับขายยาที่ร้านเมื่อปิดร้านจะให้ลูกอ่านหนังสือดูทีวีบ้าง และเมื่อลูกหลับ สี่ทุ่มขึ้นไปจึงจะเป็นเวลาส่วนตัว อ่านหนังสือที่อยากจะอ่าน นั่งวางแผน เขียนความฝันของตัวเอง และคิดว่าเมื่อเราหลับและตื่นขึ้นมาสมองแจ่มใสเราจะค่อยๆสานฝันของเราให้เป็นรูปร่างด้วยมือของเราเอง ไม่ต้องรอโชคชะตา ไม่ต้องรอถูกหวย เราไม่มีทุนมากมาย แต่ทำอย่างไรที่จะใช้สมองคิดหาทุนขั้นต้นและทุนระยะยาว สร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง มีหลายคนไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวความล้มเหลว กลัวความผิดหวัง ไม่กล้าเผชิญหน้า แค่คิดก็ทำร้ายความคิดที่สร้างสรรค์ของตัวเองไปหมด แต่สิ่งที่ทำควรคิดให้รอบคอบและมีแผนรองรับความไม่สำเร็จ และต้องฝึกสมาธิไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน สามารถพบกับเรื่องต่าง ๆ ทั้งดีและร้ายได้โดยไม่หวั่นไหว
วันนี้ก็สมควรแก่เวลา เมื่อกี้ลุกไปประชุมพัฒนาคุณภาพคนงานในฝ่ายมา ถ้าว่างจะมาเขียนต่อ ว่าเรากำลังทำอะไร และอีกไม่เกิน 5 ปีเราน่าจะเป็นอย่างไร ความใฝ่ฝันจะเรียนปริญญาเอกก้ยังมีอยู่ แต่คราวนี้ต้องเรียนที่ชอบและนำมาใช้จริงๆ
Nun