วันนี้เป็นวันประชุมเครือข่ายฯสัญจร ครั้งที่ 3/2549 ซึ่งองค์กรออมทรัพย์ชุมชนเกาะคาเป็นเจ้าภาพ ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวและบรรยากาศต่างๆให้ฟัง เป็นธรรมเนียมทุกครั้งที่ผู้วิจัยจะต้องเล่าถึงบรรยากาศรอบๆที่ประชุมก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก่อนที่จะเล่าบรรยากาศ ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์ก็ขอสารภาพผิดก่อนว่า วันนี้เรา 2 คนไปสายค่ะ ปกติเริ่มประชุมประมาณ 10.00น. ซึ่งวันนี้ก็เริ่มตามเวลาปกติค่ะ แต่เราทั้ง 2 คน ไปถึงประมาณ 10.30น. สาเหตุที่ไปถึงช้า เนื่องจากพวกเรามัวแต่นั่งบำบัดกลุ่ม (ความจริงต้องเรียกว่าบำบัดคู่ค่ะ เพราะ มีกันแค่ 2 คน) เรื่องงานที่มหาวิทยาลัยอยู่ค่ะ ก็เลยไปถึงช้า ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์นั่งคุยกันว่า รู้สึกว่าที่ทำงานของเรา รวมทั้ง งานวิจัยของเรา จะพบสิ่งที่เหมือนกันอยู่หลายอย่าง แต่อย่างหนึ่งที่เห็นชัดเจน คือ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน คงจะเข้าทำนอง "ทีเอ็งข้าไม่ว่า ที่ข้าเอ็งอย่าโวย" มั้งค่ะ ซึ่งบรรยากาศและความรู้สึกอย่างนี้ไม่ดีเลยค่ะ เหมือนต่างฝ่ายต่างก็รอเวลาที่จะแก้แค้นกัน เมื่อเจออย่างนี้ทำให้ยิ่งตอกยำความรู้สึกของผู้วิจัยที่ว่า อำนาจนั้นไม่เคยเข้าใครออกใคร ผู้วิจัยยังไม่เคยเห็นใครที่มีอำนาจแล้วนิสัยไม่เปลี่ยนเลย และไม่เคยเห็นใครที่จะอยู่ในอำนาจได้ยั่งยืน คงกระพัน สักวันหนึ่งเขาและเธอเหล่านั้นก็ต้องหมดหรือลงจากอำนาจ ดูเหมือนว่าความจริงข้อนี้เป็นที่รับรู้กันอยู่ทั่วไป แต่ทำไมเขาและเธอเหล่านั้น เมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ จึงไม่พยายามที่จะทำความดี ทำให้ดี เพื่อที่ว่าอย่างน้อยที่สุดเมื่อเขาและเธอเหล่านั้นหมดหรือลงจากอำนาจ จะได้ลงอย่างสง่างาม ไม่ต้องให้ใครว่า (ด่า) ตามหลัง
มาเข้าเรื่องของเราดีกว่าค่ะ วันนี้ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของกลุ่มเกาะคาค่ะ พวกเรามาที่นี่หลายครั้งแล้ว ก็อย่างที่เคยเขียนบอกเล่าให้ฟังนั่นแหละค่ะว่ากลุ่มนี้ยังไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันเท่าที่ควร คณะกรรมการที่ทำงานเป็นหลักมีอยู่เพียง 2 คน คือ พี่เบิ้ม (นายกิตติพร นกต่อ) และพี่พิกุล (นางพิกุล นกต่อ) ซึ่งแกนนำทั้ง 2 คนนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาเท่าที่ควรค่ะ (แต่จากนี้ไปคงจะดีขึ้นค่ะ) มาในวันนี้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน คือ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพค่ะ เนื่องจากมีป้ายแสดงข้อมูลด้านต่างๆของกลุ่มแล้ว (แม้ว่าจะยังไม่ได้ลงรายละเอียดก็ตามค่ะ) ที่สำคัญ คือ มีป้ายแสดงโครงสร้างคณะกรรมการด้วย (แม้จะยังเป็นโครงสร้างภาคสวรรค์ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานภาคสวรรค์นี้คงกลายเป็นความจริงค่ะ) เห็นแค่นี้ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์ก็ชื่นใจแล้วค่ะ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผู้วิจัยรวมทั้งอาจารย์พิมพ์สามารถยืนยันได้ว่าเป็นผลมาจากการประชุมเครือข่ายฯสัญจรค่ะ เพราะ การประชุมเครือข่ายฯสัญจรทำให้กลุ่มต่างๆเห็นว่ากลุ่มที่รับเป็นเจ้าภาพมีการพัฒนาในด้านใดบ้าง เมื่อเห็นตัวอย่างแล้วก็นำกลับมาพัฒนาในพื้นที่ของตนเองค่ะ แม้ว่ากลุ่มนี้จะทำได้ไม่เต็มรูปแบบนัก แต่ก็เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้วค่ะ
ปล. พวกเราถ่ายภาพมาให้ดูด้วยค่ะ แต่เอาลงไม่เป็นค่ะ ทั้งๆที่พยายามหลายครั้งแล้ว ยังไงก็พยายามจินตนาการไปก่อนก็แล้วกันนะคะ แล้วถ้าเรามีเวลามากกว่านี้จะพยายามใหม่ค่ะ
ไม่มีความเห็น