กำหนดตัวแปร
ตัวแปรต้น เศษอาหาร
ตัวแปรตาม การเปลี่ยนแปลงของเศษอาหาร
ตัวแปรควบคุม ปิดถังให้สนิท
ตอนที่ 2 การศึกษาวิธีทำสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติ การศึกษาวิธีทำสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูด
กำหนดตัวแปร
ตัวแปรต้น สารชีวภาพ(EM) มะกรูด
ตัวแปรตาม กลิ่นของสารชีวภาพ
ตัวแปรควบคุม ปริมาณสารชีวภาพ ปริมาณกากน้ำตาล ปริมาณน้ำ
ตอนที่ 3 เปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติกับสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูด
กำหนดตัวแปร
ตัวแปรต้น สารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติ สารน้ำชีวภาพกลิ่น มะกรูด
ตัวแปรตาม กลิ่นของห้องน้ำ
ตัวแปรควบคุม ปริมาณที่ใช้ ห้องน้ำ ระยะเวลาในการทดลอง
ระยะเวลาดำเนินการทดลอง
27 มิ.ย.51 – 10 ก.ค.51
สถานที่ทดลอง
1. ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของโรงเรียน
2. ห้องสุขาของโรงเรียน
นิยามเชิงปฏิบัติการ
เศษอาหาร หมายถึง ขยะหรือสิ่งของที่เหลือจากการรับประทานอาหารกลางวันของนักเรียน
สารชีวภาพ(EM) หมายถึง สารที่ได้จากการหมักเศษอาหารผสมกับกากน้ำตาลและหัวเชื้อEMในระยะเวลา 7 วัน
สารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติ หมายถึง สารชีวภาพ(EM) ที่ผลิตได้ ผสมกับกากน้ำตาลและน้ำ หรืออาจเรียกว่า EM ขยายกลิ่นธรรมชาติ
สารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูด หมายถึง สารชีวภาพ(EM) ที่ผลิตได้ ผสมกับกากน้ำตาล น้ำและมะกรูด หรืออาจเรียกว่า EM ขยายกลิ่นมะกรูด
สารชีวภาพ (EM) EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ จุลินทรีย์ในธรรมชาติมี 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพ มีประมาณ 10 % 2.กลุ่มทำลาย เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรค มีประมาณ 10 % 3.กลุ่มเป็นกลาง จุลินทรีย์กลุ่มนี้ หากกลุ่มใดมีจำนวนมากกว่ากลุ่มนี้จะสนับสนุนหรือ ร่วมด้วย
จุลินทรีย์มี 2 ประเภท
1.ประเภทต้องการอากาศ ( Aerobic Bacteria )
2.ประเภทไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic Bacteria )
จุลินทรีย์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันและสามารถอยู่ร่วมกันได้ ได้มีการ นำเอาจุลินทรีย์ที่ได้รับการคัดและเลือกสรรอย่างดีจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อ พืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อม มารวมกัน 5 กลุ่ม ( Families) 10 จีนัส ( Genues ) 80 ชนิด ( Spicies ) ได้แก่
กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกเชื้อราที่มีเส้นใย ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการย่อยสลาย สามารถทำงานได้ดีในสภาพที่มีออกซิเจน คุณสมบัติต้านทานความร้อนได้ดี ปกติใช้เป็นหัวเชื้อผลิตเหล้า ผลิตปุ๋ยหมัก ฯลฯ
กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง ทำหน้าที่สังเคราะห์สารอินทรีย์ให้แก่ดิน เช่น ไนโตรเจน ( N2 ) กรดอะมิโน ( Amino acids ) น้ำตาล ( Sugar ) วิตามิน ( Vitamins ) ฮอร์โมน ( Hormones ) และอื่นๆ เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ดิน
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมัก ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้ดินต้านทานโรค ฯลฯ เข้าสู่วงจรการย่อยสลายได้ดี ช่วยลดการพังทลายของดิน ป้องกันโรค และแมลง ศัตรูพืชบางชนิด ของพืชและสัตว์ สามารถบำบัดมลพิษในน้ำเสียที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษต่างๆได้ 4
กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกตรึงไนโตรเจน มีทั้งพวกที่เป็นสาหร่าย ( Algae ) และพวกแบคทีเรีย ( Bacteria ) ทำหน้าที่ตรึงก๊าซไนโตรเจนในอากาศ เพื่อให้ดินผลิตสารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต เช่น โปรตีน กรดอินทรีย์ กรดไขมัน แป้ง ฮอร์โมน (Hormones ) วิตามิน ( Vitamins ) ฯลฯ
กลุ่มที่ 5 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสร้างกรดแลคติก มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นโทษ ส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศหายใจ ทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพดินเน่าเปื่อย หรือ ดินก่อโรค ให้เป็นดินที่ต้านทานโรค ช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคพืช ที่มีจำนวนนับแสน หรือให้หมดไป นอกจากนี้ยังช่วยย่อยสลายเปลือกเมล็ดพันธุ์พืช ช่วยให้เมล็ดงอกได้ดีและแข็งแรงกว่าปกติอีกด้วย
ลักษณะทั่วไปของ EM
EM เป็นจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มที่มีประโยชน์หรือเรียกว่า กลุ่มธรรมะ ดังนั้น เวลาจะใช้ EM ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอว่า EM เป็นสิ่งมีชีวิต EM มีลักษณะดังนี้
• ต้องการที่อยู่ ที่เหมาะสม ไม่ร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไป อยู่ในอุณหภูมิปกติ
• ต้องการอาหารจากธรรมชาติ เช่น น้ำตาล รำข้าว โปรตีน และสารประกอบอื่นๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
• เป็นจุลินทรีย์จากธรรมชาติ ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารเคมี และยาฆ่าเชื้อต่างๆได้
• เป็นตัวเอื้อประโยชน์แก่พืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
• EM จะทำงานในที่มืดได้ดีดังนั้น ควรใช้ช่วงเย็นของวัน
• เป็นตัวทำลายความสกปรกทั้งหลาย
การดูแลเก็บรักษา
1. หัวเชื้อ EM สามารถเก็บได้นานประมาณ 1 ปี โดยปิดฝาให้สนิท
2. อย่าทิ้ง EM ไว้กลางแดด และอย่าเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิปกติ
3. ทุกครั้งที่แบ่งไปใช้ ต้องรีบปิดฝาให้สนิท เพื่อไม่ให้เชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ในอากาศที่เป็นโทษเข้าไปปะปน
4. การนำ EM ไปขยายต่อควรใช้ภาชนะที่สะอาดและใช้ให้หมดในระยะเวลาที่เหมาะสม
5. ข้อสังเกตพิเศษ
• หาก EM เปลี่ยนเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็นเน่า ถือว่า EM ตาย ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีก ให้นำ EM ที่เสียผสมน้ำ รดน้ำกำจัดหญ้าและวัชพืชที่ไม่ต้องการได้
• กรณีเก็บไว้นานๆ จะมีฝ้าขาวเหนือผิวน้ำ แสดงว่า EM พักตัว เมื่อเขย่าภาชนะฝ้าสีขาวจะสลายตัวกลับไปอยู่ในน้ำเหมือนเดิม นำไปใช้ได้
• เมื่อนำไปขยายเชื้อในน้ำและกากน้ำตาล จะมีกลิ่นหอมและเป็นฟองขาวๆภายใน 2-3 วัน ถ้าไม่มีฟอง น้ำนิ่งสนิทแสดงว่า การหมักขยายเชื้อยังไม่ได้ผล
การประยุกต์ใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน EM ได้รับความนิยมขยายสู่ชาวโลก เนื่องจากเป็นจุลินทรีย์ที่ไม่มีพิษ ภัย มีแต่ประโยชน์ ถ้าสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องและมุ่งเน้นการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งสถาบันวิจัยการเกษตรธรรมชาติของสหรัฐอเมริกาได้ให้คำรับรองเมื่อ ค.ศ. 1993 ว่าเป็นวัสดุประเภทจุลินทรีย์ (Microbial Innoculant) ที่ปลอดภัยและได้ผลจริง 100 % สำหรับในประเทศไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้นำไปวิเคราะห์แล้วรับรองว่าจุลินทรีย์ EM ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ จึงสามารถนำ EM ไปใช้ประโยชน์หลายประการ ดังนี้
1. ใช้กับพืชทุกชนิด
2. ใช้กับการปศุสัตว์
3. ใช้กับการประมง
4. ใช้กับสิ่งแวดล้อม
1. ลดต้นทุนการผลิต
2. ผลผลิตปลอดสารพิษและสารเคมี รักษาสิ่งแวดล้อม
3. ผลผลิตสูงมีคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติดี
4. สุขภาพผู้ผลิต และผู้บริโภคแข็งแรงมีพลานามัยดี
5. ช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและจิตใจของผู้ผลิตและผู้บริโภค พัฒนาคุณภาพชีวิต
6. เป็นวิธีง่ายๆ ใครก็ทำได้
การใช้จุลินทรีย์สด หรือ EM สด หมายถึง การใช้จุลินทรีย์ (EM) จากการผลิต ที่ยังไม่ได้ทำการแปรสภาพ
วิธีใช้และประโยชน์ EM สด
1. ใช้จุลินทรีย์น้ำกับพืช
• ผสมน้ำในอัตรา 1 : 1,000 ส่วน (EM 1 ช้อนโต๊ะ กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร) ใช้ ฉีด พ่น รด ราด พืชต่างๆให้ทั่วจากดิน ลำต้น กิ่ง ใบ และนอกทรงพุ่ม ฉีด พ่น รด ราด ทุก 3 วัน
2. ใช้ในการทำ EM ขยาย จุลินทรีย์น้ำ จุลินทรีย์แห้งและอื่นๆ
3. ใช้กับสัตว์ (ไม่ต้องผสมกากน้ำตาล) 4.ใช้กับสิ่งแวดล้อม
• ใส่ห้องน้ำ - ห้องส้วม ใส่โถส้วมทุกวัน วันละ 1 ช้อนโต๊ะ (หรือสัปดาห์ละ ½ แก้ว) ช่วยให้เกิดการย่อยสลาย ไม่มีกาก ทำให้ส้วมไม่เต็ม
• กำจัดกลิ่น ด้วยการผสมน้ำและกากน้ำตาล ในอัตราส่วน 1: 1 : 1,000 (EM 1 ช้อนโต๊ะ : กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 1 ลิตร) ฉีดพ่น ทุก 3 วัน
• บำบัดน้ำเสีย 1: 10,000 หรือ EM 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร
• ใช้กำจัดเศษอาหาร หรือ ทำปุ๋ยน้ำจากเศษอาหาร • แก้ไขท่ออุดตัน EM 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ 5 – 7 วัน/ ครั้ง
• ฉีดพ่นปรับอากาศในครัวเรือน
• กำจัดกลิ่นในแหล่งน้ำ
- ชีฉีด พ่น หรือราดลงไปในแหล่งน้ำ 1 ลิตร : 10 ลบ.ม
- กลิ่นจากของแห้ง แข็ง มีความชื้นต่ำ แล้วแต่สภาพความแห้ง หรือ ความเหม็น โดยผสมน้ำ 1 : 100 หรือ 200 หรือ 500 ส่วน
- ขยะแห้งประเภทกระดาษ ใบตอง เศษอาหาร ใช้ฉีดพ่นอัตรา EM ขยาย 1 ส่วน ผสมน้ำ 500 ส่วน หรือ EM ขยาย 1 ลิตร : น้ำ 500 ลิตร
EM ขยาย คือ การทำให้ได้จุลินทรีย์ที่แข็งแรง มีประสิทธิภาพเพิ่มจำนวนมาก โดยการใช้อาหารประเภทกากน้ำตาลหรืออื่นๆ ที่ใช้แทนกันได้ ส่วนผสม
1. EM 2 ช้อนโต๊ะ
2. กากน้ำตาล 2 ช้อนตะ
3. น้ำสะอาด 1 ลิตร
วิธีทำ
• ใส่น้ำสะอาดในภาชนะที่เป็นขวดพลาสติกมีฝาเกลียว ตามส่วน
• ใส่ EM ผสมกากน้ำตาลลงในน้ำที่เตรียมไว้ปิดฝาให้มิดชิด
• เขย่าให้ละลายเข้ากัน หมักไว้อย่างน้อย 3 – 5 วัน วิธีใช้
• นำไปใช้ได้เหมือน EM สด และควรใช้ให้หมดภายใน 3 เดือน
• เมื่อครบ 3 วันขึ้นไปนำไปขยายโดยใช้ส่วนผสมข้างต้นได้อีก
การกำจัดขยะ(เศษอาหาร)
วิธีทำ
• เศษอาหารที่เหลือต่อมื้อ/ต่อวัน เช่น เศษข้าว แกงเผ็ด แกงจืด(เฉพาะเศษแกง) ผักทุกชนิด เศษเปลือกผลไม้ เช่นส้ม ชมพู่ ฯลฯ
• ใส่จุลินทรีย์แห้ง (โบกาฉิ) ลงในถัง อัตราส่วน เศษอาหารประมาณ 1 กก. : โบกาฉิ 1 กำมือ
• ทำเช่นนี้สลับกันไปเรื่อยๆ จนเต็มถัง ทิ้งไว้ 7 – 10 วัน
• ทำได้ 2 – 3 วัน เปิดฝาดู จะมีไอน้ำและมีฝ้าขาวๆ คลุม หากทำถูกวิธีจะไม่มีหนอนขึ้นเลย
• นำน้ำสีเหลืองหรือสีส้มไหลอยู่ด้านล่างของถัง รองน้ำไปใช้ประโยชน์ดังนี้
- นำไปผสมน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร หรือน้ำ 1,000 เท่า รดพืชได้
- ล้างพื้นห้องน้ำ – ส้วม แทนสารเคมี
- ใส่ในโถส้วมให้ย่อยสลายกาก แก้ปัญหาส้วมเต็ม
-เทในท่อน้ำทิ้งเพื่อดับกลิ่น ข้อสังเกต น้ำที่ได้จะมีกลิ่นอมเปรี้ยวๆ
วัสดุอุปกรณ์
1.เศษอาหาร 2 กิโลกรัม
2.สารชีวภาพขยาย 300 มิลลิลิตร
3.กากน้ำตาล 300 มิลลิลิตร
4.กะละมังขนาดเล็ก 1 ใบ
5.ตะกร้าพลาสติก 1 ใบ
6.ผ้าบางใช้แล้ว 1 ผืน
7.ทัพพี 1 ด้าม
8.บีกเกอร์ขนาด 200 มิลลิลิตร 1 ใบ
9.ขวดพลาสติกขนาดเล็ก
10.ขวดน้ำดื่มพลาสติก
11.มะกรูด 10 ลูก
12.ถังพลาสติกพร้อมฝาปิด 2 ใบ
13.กระบอกฉีดน้ำ 2 ใบ
ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรจากจุดมุ่งหมายข้อที่ 1
กำหนดตัวแปร
ตัวแปรต้น เศษอาหาร
ตัวแปรตาม การเปลี่ยนแปลงของเศษอาหาร
ตัวแปรควบคุม ปิดถังให้สนิท
ตัวแปรจากจุดมุ่งหมายข้อที่ 2 ตัวแปรจากจุดมุ่งหมายข้อที่ 3
กำหนดตัวแปร
ตัวแปรต้น สารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติ สารน้ำชีวภาพกลิ่น มะกรูด
ตัวแปรตาม กลิ่นของห้องน้ำ
ตัวแปรควบคุม ปริมาณที่ใช้ ห้องน้ำ
ระยะเวลาในการทดลอง
-
วิธีการดำเนินงาน
ตอนที่ 1 ศึกษาวิธีการทำสารชีวภาพ(EM)จากเศษอาหาร
วิธีการทำสารชีวภาพ(EM)จากเศษอาหาร
1.เก็บเศษอาหารจากโรงอาหารของโรงเรียน
2.นำเศษอาหารคลุกกับสารชีวภาพขยายและกากน้ำตาลคนให้เข้ากันในกะละมัง
3.ปิดฝาให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้า ทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ จะได้น้ำสารชีวภาพ(EM) ที่เป็นหัวเชื้อ(จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ)
ตอนที่ 2 ศึกษาวิธีการทำสารน้ำชีวภาพ
วิธีการทำสารน้ำชีวภาพ
วิธีที่ 1 การทำสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติ
1. นำสารชีวภาพ(EM) ปริมาณ 150 มิลลิลิตร ผสมกับน้ำเปล่า 5 ลิตร ในถังพลาสติก
2. เติมกากน้ำตาล 10 มิลลิลิตร คนให้เข้ากัน
3. ปิดฝาทิ้งไว้ 1 คืน ได้สารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติ
วิธีที่ 2 การทำสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูด
1. นำสารชีวภาพ(EM) ปริมาณ 150 มิลลิลิตร ผสมกับน้ำเปล่า 5 ลิตร ในถังพลาสติก
2. เติมกากน้ำตาล 10 มิลลิลิตร คนให้เข้ากัน
3. หั่นมะกรูดและ บีบเอาน้ำใส่ลงไปทั้งเปลือกมะกรูดและน้ำมะกรูด
4. ปิดฝาถัง ทิ้งไว้ 1 คืน ได้สารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูด
ตอนที่ 3 เปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารน้ำชีวภาพกับสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูด
การทดลองครั้งที่ 1
นำสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วม ห้องสุขาห้องที่ 1ให้ทั่ว และนำสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูดไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วมให้ทั่ว ห้องสุขาที่ 2 ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง สังเกตและบันทึกผล
การทดลองครั้งที่ 2
นำสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วม ห้องสุขาห้องที่ 1ให้ทั่ว และนำสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูดไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วมให้ทั่ว ห้องสุขาที่ 2 ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง สังเกตและบันทึกผล
การทดลองครั้งที่ 3
นำสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วม ห้องสุขาห้องที่ 1ให้ทั่ว และนำสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูดไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วมให้ทั่ว ห้องสุขาที่ 2 ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง สังเกตและบันทึกผล
การทดลองครั้งที่ 4
นำสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วม ห้องสุขาห้องที่ 1ให้ทั่ว และนำสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูดไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วมให้ทั่ว ห้องสุขาที่ 2 ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง สังเกตและบันทึกผล
การทดลองครั้งที่ 5
นำสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วม ห้องสุขาห้องที่ 1ให้ทั่ว และนำสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูดไปฉีดบริเวณพื้นและบริเวณโถส้วมให้ทั่ว ห้องสุขาที่ 2 ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง สังเกตและบันทึกผล
1.สรุปผล
ตอนที่ 1 การศึกษาวิธีทำสารชีวภาพ(EM)จากเศษอาหาร
พบว่า เศษอาหารสามารถนำมาทำสารชีวภาพ(EM)ได้ โดยมีจุลินทรีย์ประเภทเชื้อราทำหน้าที่ย่อยสลายเศษอาหารให้กลายเป็นสารชีวภาพ(EM)
ตอนที่ 2 การศึกษาวิธีทำสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติและการศึกษาวิธีทำสารน้ำชีวภาพ กลิ่นมะกรูด
พบว่า สารชีวภาพ (EM) สามารถนำมาขยายทำเป็นสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติได้ โดยการนำสารชีวภาพ(EM)ที่ทำได้ผสมกับกากน้ำตาลและน้ำตามอัตราส่วน จะได้สารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติและเพิ่มมะกรูดลงไปจะได้สารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูด
ตอนที่ 3 เปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารชีวภาพกลิ่นธรรมชาติกับสารชีวภาพกลิ่นมะกรูด
พบว่า สารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติ มีประสิทธิภาพในการดับกลิ่นเทียบเท่ากับสารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูด เพราะสามารถดับกลิ่นเหม็นของห้องสุขาได้เหมือนกัน และห้องสุขาที่ใช้สารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติไม่มีกลิ่นหอม แต่ห้องสุขาที่ใช้สารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูดที่มีกลิ่นหอมของมะกรูด ทั้งนี้เพราะว่ามะกรูดมีสารให้ความหอมจึงทำให้สารน้ำชีวภาพกลิ่นมะกรูดมีกลิ่นหอมกว่าสารน้ำชีวภาพกลิ่นธรรมชาติ
2.ประโยชน์ที่ได้รับ
1.สามารถนำขยะประเภทเศษอาหารมาทำสารชีวภาพ
2.สามารถนำสารชีวภาพไปกำจัดกลิ่นเหม็นของห้องสุขา
3.ช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน
4.นำความรู้ไปเผยแพร่ให้ผู้อื่น
5.ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสร้างองค์ความรู้
6.สร้างเจตคติที่ดีต่อวิชาวิทยาศาสตร์
3.ข้อเสนอแนะ
1.ห้องสุขาที่ใช้ทดสอบประสิทธิภาพไม่ควรเปิดให้นักเรียนใช้ในระหว่างการทดสอบ
2. สารน้ำชีวภาพที่ได้อาจนำไปทดลองปรุงแต่งกลิ่นผลไม้ชนิดอื่นๆหรือกลิ่นของใบไม้
3. เศษอาหารที่นำมาใช้จะเป็นเศษอาหารที่ไม่มีน้ำผสมอยู่หรือมีน้ำผสมอยู่ก็ได้
4.ไม่ควรนำสารชีวภาพมาฉีดโดนตัวคนหรือสัตว์โดยตรง
5. ควรจะนำสารชีวภาพ(EM) ที่ผลิตได้ ไปทดลองใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆด้วย
อาจารย์คับ ผมได้อ่านแล้วชอบดี แต่ว่า อ่านไปอ่านมาก็งง อยู่นะครับ
ตัวผมเองก็สนใจเรื่อง สาร EM อยู่เหมือนกันครับ
ถ้าเป็นไปได้ ขอ รูปภาพประกอบด้วยได้ไหม ครับ อาจาร์
ขอบคุณครับ
ดีจังค่ะ
เด็กๆได้เรียนรู้ ควบคู่ไปกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
น่าสนใจมากค่ะ
เคยมีคนทำขยะเปียกให้เป็นปุ๋ยด้วย em แล้วเรียกว่าขยะหอม แล้วหอมจริงมั๊ยคะ
โครงงานนี้มีประโยชน์มากนะคะ
ครูเบญตอบครูเตือน
เศษอาหารก็จัดเป็นขยะเปียกค่ะ สารน้ำชีวภาพที่ได้ครูเตือนสามารถนำไปเป็นปุ๋ยก็ได้ค่ะ โดยผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน น้ำ5 ลิตร :สารชีวภาพ 1ช้อนโต๊ะค่ะ ดิฉันใช้รดต้นไม้ที่บ้านโดยเฉพาะต้นกล้วยไม้ออกดอกสวยงามและไม่เป็นโรคราต่างๆด้วยค่ะ และที่ได้ใช้ประโยชน์มากที่สุดคือใช้ฉีดบริเวณที่ลูกชาย(ลูกหมา)ฉี่รดไว้ด้วยค่ะกลิ่นจะไม่มีให้รำคาญเลยค่ะ แหม!อยากให้ครูเตือนนำไปลองใช้จัง รับรองว่าได้ผลดีจริงๆค่ะ ทำไม่ยากเลยค่ะแต่ได้ประโยชน์มากมาย ทำครั้งเดียวต่อไปก็นำไปขยายได้ตลอดเอาไปแจกชาวบ้านไว้ใช้ในครัวเรือนจะดีมากเลยค่ะ ของดิฉันลูกศิษย์เก่าเขาเป็นร้านซื้อของเก่านำไปฉีดดับกลิ่นได้ผลดีค่ะ
แล้วจะลงภาพขั้นตอนการทำให้ดูนะคะ ที่ครูเตือนถามมาว่าหอมไหมคะ ถ้าเป็นกลิ่นธรรมชาติกลิ่นจะเป็นแบบเหมือนมีกลิ่นเหล้าค่ะ แต่ครูเบญจะให้นักเรียนลองทำสูตรกลิ่นมะกรูดค่ะเพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจของผู้ใช้กลิ่นธรรมชาติพบว่ากลิ่นมะกรูดใช้ได้ผลดีมีกลิ่นหอมของมะกรูดเป็นที่พึงพอใจมากกว่ากลิ่นธรรมชาติค่ะ แต่กลิ่นธรรมชาติจะเหมาะสำหรับการนำไปทำปุ๋ยค่ะ
คุณครูค่ะ โครงงานมันมี 5 บทไม่ช่ายเหรอ
แล้วบทที่ 3 หายไปไหนค่ะ
น่าจะมีรูปด้วยน่ะค่ะ
จะได้สมบูรณ์แบบอ่ะค่ะ
อิอิ
สวัสดีค่ะหนูอ่านเจอตัวอย่างโครงงานของครู
แล้วจะขอคัดลอกไปทำส่งครูที่โรงเรียนบ้าง
แต่คัดลอกไม่ได้เลยค่ะ
โครงงานของครูมีสาระเนื้อหาดีมากเลยค่ะ
ที่หายไปเป็นบทที่ 4 ผลการทดลอง อยากให้นักเรียนหรือผู้สนใจลองฝึกปฏิบัติจริงๆจะเกิดประโยชน์มากๆเลยค่ะ
ดีมากๆเลยค่ะขอบคุณสำหรับข้อมูล
ครูเบญจาคะ ตอนนี้หนูกำลังจะทำโครงงานอ่ะค่ะ แต่คิดไม่ออกซักทีว่าจะทำเรื่องอะไรดีอ่ะค่ะ ทำไงดีคะ
ดีมากค่ะ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง บางทีคนรุ่นหลังอาจจะนำไปเป็นต้นแบบได้นะคะ
ยากจังครับ
ดีมากๆเลยครับ ให้ความรู้เต็มไปหมด
ดีมากเลยค่ะจะได้ให้คนที่สนใจทำกันทคลองได้ค้นคว้าและนำไปไช้ในทางที่ดีและถือว่าเป็นประสบการณ์ด้วยค่ะ
ดีมากจะได้ให้คนที่สนใจได้ค้นคว้า
รักเธอคนเดียว
ีีีีีีรักจามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โครงงานนี้เคยได้รับรางวัลหรือเปล่าคะเพราะเท่าที่อ่านเเล้วเป็นงานที่ดี
ทำให้เด็กอย่างเรารู้จักการคิดให้เป็นระบบเเละรู้จักการวางเเผนเองเป็น
ผมอยากรู้ว่าการนำดินตามธรรมชาตมาทำให้เกิดจุลินทรีย์ดีมัยครับและอยากดูเอกสารอ้างอิงด้วย
ถ้าจะเอาเฉพาะเปลือกหรือเศษผลไม้ได้ไหมค่ะที่แม่ค้าปลอกทิ้งเอามาทำได้มั้ยจ๊ะ
ทำไมบทที่5 ไม่มีอภิปรายผลการทดลองหล่ะค่ะ--"
ทำไมไม่มีบทที่ 4