ผ่านช่วงเวลาที่ยุ่งยากและยุ่งเหยิงในการทำงานมาได้ครึ่งทางแล้ว รู้สึกว่าหมดพลังในร่างกายไปเยอะ แต่ก็ต้องอดทน เพื่อความสำเร็จในวันข้างหน้า ขึ้นต้นชื่อบันทึกว่า "ไม่รู้ว่าจะเล่าจบหรือเปล่า" เพราะ ต้องรีบกลับที่พักในเมือง พอดีมีเวลาสัก 5 นาที เลยชะแว๊ปเข้ามาเขียนบันทึกสักหน่อย รู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ได้เล่าอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้ฟังค่ะ เพราะ ไม่ค่อยมีเวลา (ขอเน้นว่าไม่ค่อยมีเวลาจริงๆค่ะ) ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องกลุ่มเกาะคาที่ผู้วิจัยกับอาจารย์ไปมาเมื่อวานนี้ให้ฟังค่ะ แต่เรื่องค่อนข้างยาว (ทั้งๆที่เนื้อหาก็ไม่มีอะไรมาก) ก็เลยไม่รู้ว่าจะเล่าได้จบหรือเปล่าในช่วงเวลาที่เหลือนี้
ขอเล่าตั้งแต่การเตรียมตัวของผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์เลยก็แล้วกันนะคะ การเตรียมตัวไปลงพื้นที่กลุ่มเกาะคาครั้งนี้ ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์ก็เตรียมตัวเหมือนกับไปที่กลุ่มเถิน ทั้งๆที่พวกเรารู้ว่าธรรมชาติของกลุ่มทั้ง 2 กลุ่มนี้ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง แต่ด้วยความที่พวกเราประสบการณ์น้อย ยอมรับว่าไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยหรือจัดการกลุ่มนี้อย่างไร ก็เลยเตรียมไปซะเต็มที่ สิ่งที่เตรียมไป คือ
1.เตรียมตัว แม้จะทำงานยุ่งทั้งวัน แต่พวกเราก็เตรียมตัวไปกันอย่างดี วางแผนก่อนไปเล็กน้อยถึงปานกลาง ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องพยายามทำให้กลุ่มรู้สึกว่าเราเป็นมิตร อยากเข้ามาทำงานร่วมกัน
2.เตรียมใจ แน่นอนว่ากลุ่มนี้คงไม่เหมือนกับกลุ่มเถินอย่างแน่นอน อะไรก็ยังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่าง คนทำงานก็ไม่ค่อยมี แต่สิ่งที่มี คือ ใจที่เต็มที่กับการทำงาน พวกเราก็เลยเตรียมใจ คือ ไม่คาดหวังอะไรมาก เพราะ กลัวว่าหวังมากจะเสียใจมาก
3.เตรียมวัสดุอุปกรณ์ โดยเฉพาะเอกสาร เตรียมไปทั้งหมด 3 ชุด คือ
3.1แบบประเมินตนเองของคุณกิจ
3.2แบบประเมินตนเองของคุณอำนวย
3.3เอกสารเกี่ยวกับเป้าหมายของโครงการ
แม้พวกเราจะเตรียมเอกสารกันไปเต็มที่ แต่ในที่สุดแล้วก็ไม่ได้ใช้อะไรเลย ซึ่งการที่ไม่ได้ใช้นั้นเป็นการตัดสินใจของพวกเราเอง แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้เอกสารอะไร แต่เราก็ได้งานมาชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นการตกลงใจของกลุ่มเอง แม้ว่าจะยังคงเป็นแผนภูมิภาคสวรรค์ แต่ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์เชื่อว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นอย่างนี้ มีอะไรเกิดขึ้น บทสรุปจะเป็นอย่างไร พรุ่งนี้ (ถ้ามีเวลาและโอกาส) จะเข้ามาเล่าให้ฟังค่ะ
ปล. : ทีมลำปางที่ไปร่วมประชุมที่ตราด (หลายคน) ฝากผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์ให้ช่วยส่งข่าวให้ทีมกลางทราบค่ะว่า ยังไม่ลืมที่สัญญากับอาจารย์ตุ้มเอาไว้ว่าจะเขียนความรู้สึกที่เข้ามาร่วมประชุมครั้งนี้แล้วส่งไปให้อาจารย์ตุ้ม ทุกคนกำลังขมีขมันในการเขียนใหญ่เลย ดูเหมือนว่าอุปสรรคใหญ่ไม่ใช่เรื่องของเวลาหรือเรื่องไม่อยากเขียน แต่เป็นเรื่องความความมั่นใจมากกว่า แทบทุกคนจะคิดว่าตัวเองเขียนหนังสือไม่เป็น กลัวเขียนไปแล้วอาจารญ์ตุ้มจะอ่านไม่รู้เรื่อง หรือไม่เข้าใจ ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์ก็เลยบอกว่าให้เขียนมาเถอะ ไม่ต้องกลัว เหล่าบรรดาอาจารย์ทั้งหลายผ่านการอ่านงานมาแล้วนับไม่ถ้วน นักศึกษาก็ไม่ได้เขียนดีไปกว่าชาวบ้านหรอกค่ะ อย่ากังวลใจไปเลย
ไม่มีความเห็น