การเรียนแบบโครงงาน คือ การสร้างสรรค์ผลงาน ลักษณะใดลักษณะหนึ่งโดยนักเรียนเป็นผู้วางแผน ลงมือปฏิบัติ และเสนอผลงาน ด้วยตนเอง มีครูหรือผู้ชำนาญการ/ผู้เชี่ยวชาญเป็นที่ปรึกษา
วิธีเรียนแบบโครงงาน เป็นการเน้นที่กระบวนการคิด ค้น แสวงหาคำตอบ การประเมินผลโดยการสังเกตการณ์ทำงาน และการรายงานผล แทนการทดสอบแบบเดิม
การเรียนรู้ด้วยด้วยการทำโครงงานมีหลายประการ เช่น
1. สร้างความสำนึกและรับผิดชอบในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
2. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนาและแสดงศักยภาพตามความสามารถตนเอง
3. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้ในเรื่องที่สนใจได้ลึกซึ้งกว่า
การเรียนในห้องตามปกติ
4. ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหา การตัดสิน
รวมทั้งการสื่อสาร
5. ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์
6. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครู และชุมชน
ประเภทของโครงงาน
โครงงานโดยทั่วไปแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ 4 ประเภท ได้แก่
1. โครงงานสำรวจหรือรวบรวมข้อมูล ผู้เรียนที่จัดทำโครงงานประเภทนี้ มีจุดประสงค์เพื่อสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังศึกษา หรืองานที่กำลังทำ โดยมีระบบในการจำแนกและนำเสนอเพื่อความชัดเจน วิธีการใช้อาจเป็นการสัมภาษณ์ การใช้แบบสอบถาม
การสำรวจจากสภาพจริง เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงหรือส่งเสริมเพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นเช่น ศึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลที่มีในท้องถิ่น
2. โครงงานประเภทศึกษาค้นคว้า ผู้เรียนที่จัดทำโครงงานประเภทนี้ มีจุดประสงค์เพื่อแสวงหาความรู้ ตรวจสอบข้อเท็จจริง พิสูจน์ทฤษฎีหรือเรื่องเล่าต่างๆ จากการศึกษาค้นคว้าทั้งจากแหล่งวิทยาการต่างๆ เช่น ห้องสุด สถาบันการศึกษา แหล่งเรียนรู้ประเภทเอกสาร เช่น ตำรา รายงานการค้นคว้าทางวิชาการหรือเอกสารทางวิชาการและตัวบุคคล ได้แก่ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องนั้นโดยตรง ซึ่งเป็นแหล่งที่มีอ้างอิงข้อมูลชัดเจนและเชื่อถือได้ ผลที่ได้จากการค้นคว้าอาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วน แต่เมื่อปรับปรุงแก้ไขวิธีการที่ถูกต้องจากผู้สอนแล้ว ก็สามารถเป็นแม่แบบแม่บทในการเรียนหรือการศึกษาค้นคว้าเพื่อแสวงหาความรู้ด้วยตนเองในระดับชั้นที่สูงขึ้นหรือนำใช้ในชีวิตจริงได้ เช่น ศึกษาประวัติความเป็นมาของขนมประเพณีสารทเดือนสิบ
3. โครงงานทดลอง ผู้เรียนที่จัดทำโครงงานประเภทนี้ มีจุดประสงค์เพื่อ ศึกษาความเป็นไปได้ซึ่งการทดลองอาจมีหลายขั้นตอนเพื่อให้ได้ข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจในเบื้องต้นแล้วจึงมีการศึกษาค้นคว้าต่อไป เช่น การใช้น้ำตาลฟรุตโทสในขนมไทย อัตราส่วนของไข่เป็ดและไข่ไก่ที่ทำให้ขนมทองหยิบมีลักษณะที่ดี เป็นต้น
4. โครงงานสิ่งประดิษฐ์ ผู้เรียนที่จัดทำโครงงานประเภทนี้ จะไดัรับการส่งเสริมให้สร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์หรือพัฒนาชิ้นงานโดยสิ่งที่ผู้จัดทำโครงงาจะได้รับคือส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์โดยการสังเกต วิเคราะห์กลวิธีในการจัดการต่างๆ แล้วพัฒนาหรือสร้างชิ้นงานขึ้นใหม่เพื่อสนองความต้องการของสังคมตามความรู้ความสามารถที่มีอยู่หรือที่ได้รับจากบทเรียน เช่น การบรรจุภัณฑ์ที่ลดภาวะโลกร้อน
การนำโครงงานไปประยุกต์ใช้ เช่น การแปรรูปอาหารในท้องถิ่น วิถีการดำเนินชีวิตด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คิดเป็น คิดดี คิดสร้างสรรค์ คิดอย่างเศรษฐกิจพอเพียง ประหยัดและอดออม ฯลฯ
การคิดและเลือกโครงงาน
การคิดหัวข้อเรื่องที่จะทำโครงงาน นักเรียนควรเป็นผู้ที่คิดเองและเลือกหัวข้อเรื่องด้วยตนเอง โดยทั่วไป หัวข้อที่นักเรียนคิดนั้นจะได้มาจากสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวของนักเรียน หัวข้อของโครงงานควรบ่งชัดว่าศึกษาอะไร และควรมีความแปลกใหม่หรือมีแนวการศึกษาแปลกใหม่ ซึ่งเป็นการแสดงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ นอกจากนั้นควรต้องคำนึงถึงประโยชน์ของเรื่องที่จะศึกษาแปลกใหม่ ซึ่งเป็นการแสดงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ นอกนั้นควรต้องคำนึง ถึงประโยชน์ของเรื่องที่จะศึกษาด้วย จึงจะทำให้โครงงานนั้นมีคุณค่ามากขึ้น
วิธีการคิดหัวข้อเรื่อง
- สังเกตสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวหรือในชุมชนว่า มีอะไรที่น่าจะนำมาทำโครงงานได้
- สำรวจอาชีพในท้องถิ่น แล้วนำอาชีพนั้นมาอภิปรายร่วมกันว่ามีอะไรน่าสนใจ น่าศึกษา
- งานอดิเรกของนักเรียนหรืออาชีพเสริมในครอบครัว
- สำรวจความเชื่อของคนในท้องถิ่น อาจรวบรวม ค้นคว้าหรือวิเคราะห์
- ค้นคว้าเรื่องราวจากเอกสารต่างๆ เรื่องที่เป็นปัญหา แนวทางที่คนอื่นทำไว้แล้ว
- ฟังและชมรายการทางวิทยุ โทรทัศน์ มีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจ น่าศึกษา
- ศึกษาโครงงานที่ผู้อื่นทำไว้แล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดความคิดใหม่
การเลือกหัวข้อเรื่อง
- หัวข้อเรื่องควรมีความยากง่ายเหมาะสมกับระดับความรู้ของนักเรียน
- มีความแปลกใหม่ น่าสนใจ
- มีความเป็นไปได้ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเปล่า
- มีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง ไม่กว้างเกินไป
- มีแหล่งความรู้ที่จะศึกษาค้นคว้า มีผู้ทรงคุณวุฒิที่ให้คำแนะนำได้
- มีวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ศึกษา อาจมีในโรงเรียนหรือจัดหามาได้ ราคาไม่แพงหนัก
- มีความปลอดภัย
- ใช้เวลาไม่มากนัก อาจเป็น 1-2 เดือน เพื่อสามารถรวบรวมและสรุปความรู้ได้
ไม่มีความเห็น