(ร่างบทความสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซท์ของนรทุนรัฐบาล)
บทความต่อไปนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักเรียนทุนรัฐบาล แต่เป็นความคิดเห็นของนักเรียนทุนคนหนึ่งต่อการยกสถานะทางวิชาการของประเทศเป็นสังคมแห่งองค์ความรู้ ผมนำเสนอบทความนี้ต่อนักเรียนทุนเป็นกลุ่มแรกเพราะผมเห็นว่าสังคมนักเรียนทุนนี้เป็นสังคมวิชาการที่เข้มแข็งที่สุดสังคมหนึ่งของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่มีความสนใจ ความรู้ ประสบการณ์ และพันธมิตรที่หลากหลาย ท้ายสุดแล้วผมเชื่อว่าพวกเราต่างมีอุดมการณ์ลึกๆร่วมกันที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อประเทศของพวกเรา
---------------------------------------------------------------------------------
ก่อนอื่นเราต้องวาดภาพ “ตลาดแรก”ของพวกเราให้ชัดก่อน
เพราะนิยามกว้างๆอย่าง “การปฎิรูปประเทศ”,
“ตลาดนัดคนคุณภาพ”หรือ”ตลาดวิชาการ”ดูจะเป็นนามธรรมเสียจนไม่รู้จะเริ่มยังไง
ไม่รู้ว่าตกลงตลาดจะให้อะไร
…การก่อสร้างตลาดจะไม่มีทางสำเร็จถ้าเรายังไม่เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร
“ตลาดแรก”จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นฐานข้อมูลเชิงบุคลากรเพื่อการวิจัย
…เรื่องที่ใกล้ตัวนักเรียนทุนอย่างพวกเราที่สุดถัดจากเรื่องคลาสที่เทค
รีเสิจที่ทำ วิทยานิพนธ์ที่เขียน ก็คือเรื่อง “จบแล้วไปไหน”
“จบแล้วเป็นยังไงต่อ” “กลับไปไทยแล้วจะทำอะไรได้บ้าง”
จากประสบการณ์ที่ผมได้พูดคุยกับเพื่อนๆพี่ๆนักเรียนทุนด้วยกันหลายระดับ
น้อยคนเหลือเกินที่คิด วางแผน
และเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง
แม้แต่นักเรียนระดับปเอกที่ใกล้จะจบยังรู้เพียงคร่าวๆว่าจะไปบรรจุทำงานที่ไหน
แทบไม่มีใครเลยที่สามารถตอบคำถามประเภทที่ว่า
…ถ้าฉันกลับไปตอนนี้ ฉันจะเริ่มทำโปรเจกอะไรได้บ้าง
…ตอนนี้มีใครทำงานที่เกี่ยวข้องกับที่ฉันอยากจะทำอยู่บ้าง…ก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว
…สิ่งที่ฉันเรียนมาจะเอาไปประยุกต์ใช้กับงานที่ฉันจะไปทำอย่างไรบ้าง
ไม่มีใครหรอกครับที่ไม่อยากมองเห็นทางข้างหน้าอย่างทะลุปรุโปร่ง
แต่พวกเราก็ต่างรู้ดีว่าไม่มีตำราเล่มไหน หรือ
ผู้รู้คนใดสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้
วิธีเดียวที่รู้ก็คือการเป็นคนกว้างขวาง รู้จักคนให้เยอะ
รู้จักตั้งคำถาม และติดตามข่าวอยู่เสมอๆว่า
“ใครไปถึงไหนกันแล้ว”
…แต่จะมีกี่คนมีเวลาเตรียมการได้ขนาดนั้น
อย่างเก่งเราก็รู้จากเพื่อนนักเรียนทุนรุ่นเดียวกันบ้าง
รู้จากรุ่นพี่รุ่นน้องมหาลัยเดียวกันบ้าง
แถมส่วนมากก็ไม่ค่อยมีใครจะคุยเรื่องงานเรื่องซีเรียสพวกนี้กันจริงๆจังๆเวลาพบปะกัน
เราปล่อยให้เรื่องพวกนี้ผ่านไปจนถึงวันที่เราเรียนจบ กลับบ้าน
เริ่มทำงาน
จนเราเริ่มรู้สึกเคว้งอะไรก็ติดขัดไปหมดเราถึงเริ่มสร้างconnection…ใช้เวลาอีกเท่าไหร่ไม่รู้กว่าอะไรๆจะลงตัว
…จะไม่ดีกว่าหรือถ้าจะมี “แหล่งข้อมูลกลาง”ที่จะช่วยให้เราเห็น
“ทีมงาน”ของเราชัดขึ้น
…”แหล่งข้อมูลกลาง”จะบอกเราว่า ณ เวลานี้นักวิจัยชาวไทย
ที่ไหนก็ตามบนโลกนี้ทำอะไรอยู่บ้าง ก้าวหน้าแค่ไหน มีอุปสรรคอะไร
ต้องการความช่วยเหลืออะไร และ ช่วยอะไรเราได้บ้าง
นี่คือสิ่งที่สมาชิกจะได้จาก “ตลาดแรก”ที่เราจะสร้าง
โครงสร้างของ “ตลาดแรก” ที่ผมมองเห็น ประยุกต์มาจาก www.gotoknow.org คือ สมาชิกแต่ละคนมี
bloc ของตัวเอง สามารถสร้าง”ชุมชนบล็อก” และเข้าร่วมชุมชนที่สนใจ
เว็บนี้ต่างจากgotoknowตรงที่จะเน้นไปทางรีเสิจมากกว่าการแสดงความคิดเห็นทั่วไป
เราอาจจะมีwebboardแยกออกมาต่างหากก็ได้
แต่ว่าต้องมีส่วนหนึ่งที่กันเอาไว้สำหรับรีเสิจล้วนๆ
ผมอยากจะเน้นตรงนี้เพราะต้องการให้คนจะสมัครเข้ามาเห็นว่าเว็บนี้มีอะไรโดดเด่น
แตกต่างจากเว็บไซต์รุ่นของนักเรียนทุนทั่วๆไปทีพวกเราเอาไว้คุยเรื่องสัพเพเหระ
เว็บนี้ยังต่างไปจาก www.vcharkarn.com
ที่เน้นการเผยแพร่ความรู้แก่บุคคลทั่วไปเป็นหลัก
ขณะที่เว็บของเราจะเป็นที่ๆคนทำรีเสิจจริงๆจะเข้ามาเพื่อนำเสนอ
ตั้งคำถาม และอภิปราย ผมไม่ได้หมายความว่าจะให้เว็บนี้เป็นตลาดปิด
แต่เราต้องการให้ความเข้มข้นทางวิชาการดึงดูดเหล่ายอดฝีมือที่กระหายความรู้เข้ามากก่อน
ข้อมูลที่นำเสนอบนblocมีอะไรบ้าง? พื้นฐานที่สุดคือ
titleและabstractของเจ้าของbloc
ซึ่งเป็นวิธีง่ายที่สุดที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าคนเขียนสนใจเรื่องอะไร
ทำงานอะไรมาบ้าง และงานชิ้นนั้นน่าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง
…ที่สำคัญกว่านั้นคือ
abstractเป็นสิ่งที่คนทำวิจัยทุกคนต้องเขียนอยู่แล้ว
เพียงแต่ต้องเอามาpostลงไปบนบล๊อกของตัวเองเท่านั้น (ตัดปัญหาเรื่อง
“ไม่มีเวลาเขียน” หรือ “ไม่รู้จะเริ่มเขียนอะไร” ออกไป)
การเผยแพร่งานของตัวเองบนบล็อก เหนือกว่า
การให้หน่วยราชการเป็นคนไปรวบรวมงานพวกนี้ไว้เอง
ตรงที่ผู้สนใจสามรถสื่อสารโต้ตอบกับเจ้าของบล๊อกได้โดยตรง
นอกจากนั้นเจ้าของบล็อกมีอิสระที่จะเข้าถึง ปรับเปลี่ยน
เพิ่มเติมข้อมูลของตัวเอง
คุณทำยังไงก็ได้เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าคุณมีประสบการณ์ มีความสามารถอะไร
กำลังสนใจเรื่องอะไรอยู่ ตอนนี้กำลังทำโปรเจกอะไร มีปัญหาอะไรบ้าง
นี่คือภาพของ “ตลาด”ที่ผมกล่าวถึงในบทก่อนๆ คือต่างคนต่างเป็นพ่อค้า
ที่จะนำเสนอว่าตัวเองมีของดีอะไร
และต่างคนก็ต่างเป็นลูกค้าที่มองหาจุดเด่นที่คนอื่นๆมี
“ชุมชนบล็อก” ที่จะเกิดขึ้นจะมีลักษณะเป็น academic interest group
ชุมชนอาจจะเกิดขึ้นจากสาขาที่เรียนเป็น “ชุมชน physic”
“ชุมชนelectrical engineer” “”ชุมชนinternational relation”
หรืออาจจะเป็นกลุ่มคนหลายๆสาขาวิชาที่สนใจเรื่องเดียวกัน
ทำวิจัยเรื่องที่เกี่ยวข้องกันอยู่ สมมติว่าเรามี “ชุมชนneuroscience”
ในนั้นอาจจะมี นักเรียนชีววิทยา นักศึกษาแพทย์
นักวิศวกรรมการแพทย์(biomedical engineer) หรือแม้แต่นักฟิสิกส์
กับนักคณิตศาสตร์ “ชุมชนบล็อก”จะช่วยให้สมาชิกเริ่มสร้างทีมงาน
เริ่มมองเห็นตัวเองในcontextสังคมการวิจัยของประเทศ
ในระยะยาวเราคาดหวังให้ “ชุมชนบล็อก” เหล่านี้พัฒนาขึ้นมาเป็น
“สมาคมของนักวิจัย”สาขาต่างๆในที่สุด
ต่อไปผมจะพูดถึง Road map ของเว็บที่ว่าบ้าง
-ใครจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมา?
-สร้างแล้วทำยังไงให้นักเรียนทุนส่วนใหญ่ยอมรับ สมัครเข้ามา
และดูแลบล็อกตัวเอง
-ทำยังไงให้interactionในบล็อก เป็นไปอย่างที่เราวาดภาพไว้
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความเห็น