แปลก็ดี เขียนเองยิ่งดีใหญ่ ขอเอาใจช่วยให้เกิดขึ้นเร็วๆ ค่ะ
แต่อาจารย์ผู้เก่งภาษาอังกฤษเป็นล้นพ้น ท่านไม่สบัสนุนให้เด็กๆ อ่านหนังสือวิชาการที่แปลเป็นไทย ท่านว่ามันมี error อะไรบางอย่าง แต่ noi ว่า อ่านให้เข้าใจลึกซึ้งก่อนแล้วค่อยไปอ่าน text อย่างที่คุณ mito ว่าน่าจะดี
ขอแก้คำผิด "สบัสนุน" = สนับสนุน
การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ นอกจากได้ความรู้แล้วยังเป็นการพัฒนาภาษาอังกฤษของผู้อ่านด้วย แต่ถ้าผู้อ่านมีความรู้ภาษาอังกฤษค่อนข้างจำกัดแล้ว การทำความเข้าใจในเนื้อหาสำคัญก็จะเป็นเรื่องค่อนข้างยาก และใช้เวลาค่อนข้างมาก ในเรื่องเดียวกัน หากมีผู้รู้ช่วยแปลเป็นภาษาไทย การทำความเข้าใจก็จะง่ายขึ้น และสามารถกระจายความรู้ไปได้แพร่หลายมากกว่า ทั้งนี้คงต้องยอมรับความจริงว่าภาษาอังกฤษโดยเฉลี่ยของคนไทย ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำความเข้าใจเนื้อหาภาษาอื่นได้มากนัก ดังนั้นการแปลหนังสือ จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาความรู้ของคนในชาติได้ครับ การเขียนหนังสือย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการแปลแน่นอน เพราะเป็นความรู้ที่เขียนด้วยผู้รู้ชาวไทย แต่ใครจะมีประสบการณ์มากพอจะเขียนหนังสือที่เป็นความรู้เหล่านั้น การเขียนจึงถูกจำกัดวงลงมาค่อนข้างมาก ในขณะที่การแปล ทำได้ง่ายกว่า เพราะเพียงผู้แปลมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่แปล และมีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับที่ดี บวกกับความสามารถในการใช้ภาษาไทยที่ดี ก็เพียงพอที่จะใช้แปลแล้วล่ะครับ เห็นหนังสือที่ญี่ปุ่นแล้ว พอเปรียบเทียบกับเมืองไทย มันเป็นคนละเรื่องกันแบบที่ใช้เปรียบเทียบกันไม่ได้ เห็นแล้วมันกระตุ้นต่อมอะไรอีกหลายต่อม ให้อยากให้มีหนังสือดีๆ อ่านกันเยอะๆ เหมือนเขาบ้าง
เท่าที่ดูจากแผงหนังสือ ตอนนี้หนังสือแปลเยอะมากๆ (แต่ไม่ใช่หนังสือวิชาการในกรณีที่คุณ mitoฯ พูดถึง) ในส่วนตัวก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร รู้สึกลึกๆ ว่าทำไมเราไม่เน้นให้มีนักคิด นักเขียน เขียนหนังสือดีๆ ออกมามากๆ (มีหนังสือออกใหม่ออกมาเยอะมากๆ แต่เป็นแบบคิขุเสียเยอะ)
ทางแก้ที่ยั่งยืนของเรื่องนี้ น่าจะอยู่ที่ ทำอย่างไรให้การเรียนการสอนภาษาอังกฤษบ้านเรา (ซึ่งเรียนตั้งแต่อนุบาลยันมหาวิทยาลัย) มีคุณภาพ เรียนแล้ว สามารถ พูด อ่าน และเขียนได้ดีกว่านี้