เค้าว่ากันว่า คนที่เข้ามาทำงานในหน่วยพันธุศาสตร์ก็เหมือนเข้ามาตั้งต้นเรียนรู้ใหม่จาก '0' จริงๆแล้วก็ขอบอกว่าเป็นความจริงเนื่องจาก ความชำนาญและเนื้อหาของงานที่ทำยังไม่มีการสอนหรือ training ในสถาบันใดๆในประเทศไทย ทุกอย่างต้องเรียนรู้ใหม่หมด ที่สำคัญต้องอาศัยประสบการณ์ทั้งนั้น... ทางหน่วยฯก็เลยคิดๆกันว่า เอ...ที่ผ่านๆมานี่ หน่วยเราก็มีเด็กๆ (เค้าเรียกตัวเองว่าพวก..Young blood) เข้ามากันอยู่หลายคน อีกทั้งตอนนี้ทั้งทางภาคฯเอง หรือคณะเองก็กำลังทำ functional competency อยู่ ดังนั้น ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่จะ set up functional competency ในเชิงปฏิบัติของนักวิทยาศาสตร์ในหน่วยฯขึ้นมา
ผลดี (ที่คิดว่าเราน่าจะได้รับ)
-ผู้ที่ปฏิบัติงานในหน่วยฯจะได้มีมาตรฐานและเป้าหมายในการพัฒนาตัวเอง
ว่า...เออ..เราก็ทำงานมานานเท่า...นี้แล้วนะ
เราน่าจะมีความรู้ความสามารถแค่ไหน ก็ถ้าไม่ถึง
จะได้พัฒนาตนเองบ้าง
-เวลาประเมินก็ง่าย เพราะเรามีเกณฑ์การประเมินที่แน่นอนแล้ว
(จะได้ไม่เกิดการประท้วงหรือก่อม็อบเหมือนประท้วงรัฐบาล)
ผลเสีย – ยังคิดไม่ออกนิ....
ดังนั้น จึงเกิดเป็น functional competency
ในเชิงปฏิบัติของหน่วยมนุษยพันธุศาสตร์ขึ้นมา ...ตอนนี้ยังเป็น First
draft เท่านั้น แต่ก็คงพอเป็นแนวทางให้ young blood ในหน่วยฯได้บ้าง
(แค่นี้ก็คงรู้แล้วว่า คนเขียนไม่ค่อย young ซักเท่าไหร่นิ...)
- สามารถรับแยกสิ่งส่งตรวจได้ถูกต้อง
- สามารถลงทะเบียนได้
- ลงผลทางคอมฯได้
- ลงผลในสมุดทะเบียนและส่งผลไปยังรพ.ต่างๆนอกเหนือจาก มอ.ได้ถูกต้อง
- Set culture + Harvest และเตรียม slide จากเลือด ไขกระดูก หรือ น้ำคร่ำและชิ้นเนื้อได้ (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
- วิเคราะห์โครโมโซม และจัดทำ Karyotype จากตัวอย่างตรวจที่เป็น เลือด (ยกเว้นการตรวจมะเร็งเม็ดเลือด) และน้ำคร่ำได้ โดย
o จัด group ได้ถูก
o จัดเรียงตามหมายเลขได้ถูกต้อง = 70%
o บอกความผิดปกติในด้านจำนวนได้
o Banding – GTG, NOR, CBG, QFQ ได้เองโดยไม่ต้องมีพี่เลี้ยง
- รู้ขั้นตอนการล้างเครื่องแก้ว และจัดเตรียมฆ่าเชื้อเครื่องแก้วให้เหมาะสมกับการใช้งานได้
- รู้หลักปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย (lab safety- biohazard, chemical hazard, occupational hazard) และสามารถปฏิบัติได้
ประสบการณ์1-2 ปี- set culture และ Harvest และเตรียม slide จาก เลือด ไขกระดูก น้ำคร่ำ ชิ้นเนื้อ ได้ทุกชนิด
- วิเคราะห์โครโมโซม จัดทำ karyotype ได้ถูกต้อง ไม่น้อยกว่า 95 %
- บอกความผิดปกติของโครโมโซมชนิด structural abnormalities ที่เป็น deletion, translocation, isochromosome, inversion, ring chromosome, duplication ได้
- เตรียม media ได้ทุกชนิด ทราบความเข้มข้นของสารเคมีต่างๆที่ใช้ใน lab ได้
- ตอบคำถามเกี่ยวกับ lab ทุกชนิดเช่นวิธีการส่ง การเก็บตัวอย่าง การรายงานผล ฯลฯ ได้ ให้ข้อมูลกับบุคคลภายนอกที่ถามมาได้
- บอกและวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการ set culture เช่น contamination เพราะอะไร ทำไม่เซลล์ไม่โต การ harvestเช่น ทำไมไม่มี mitosis, mitosis ไม่ spread, การ banding ได้ (บอกสาเหตุได้)
ประสบการณ์ 2-5 ปี- บอกความผิดปกติของโครโมโซม ชนิด structural abnormalities ได้โดย ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่ง (band) ที่ผิดปกติได้ และ วิเคราะห์โครโมโซมที่มีความยาว 550-850 ได้ถูกต้อง และสามารถวิเคราะห์โครโมโซมในโรค hematologic Cancer (BM, LK) ได้
- เป็นพี่เลี้ยงสามารถแนะนำวิธีการ Set culture, harvest, banding ได้ สามารถถ่ายทอดความรู้และ supervise ผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง
- Detect ปัญหาและแนะวิธีแก้ปัญหาในการทำ lab เช่น set culture, harvest, banding ได้
- ใน case ที่ผิดปกติ สามารถทำการศึกษาหรือย้อมพิเศษเพิ่มเติม (proper further investigations) ได้ และแปลผล ให้ความเห็น แนะวิธีศึกษาเพิ่มเติม และสรุปผลให้แพทย์ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
- Verify ออกผลได้อย่างถูกต้อง
ประสบการณ์ 5 ปีขึ้นไป- Report ผลโครโมโซมได้ จากตัวอย่างทุกชนิดได้ โดยไม่ต้องมี supervisor และ confirm ความถูกต้องของ karyotype ได้ รวมถึง confirm ผลของผู้ที่มีประสบการณ์น้อยกว่าได้
- ทำงานได้โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของ supervisor สามารถทำงานแทน supervisor/หัวหน้างาน ได้อย่างถูกต้อง
- ให้คำแนะนำ วิธีพัฒนาและปรับปรุงหน่วยงานได้
- วางแผนและริเริ่มโครงการพัฒนางานใน lab ได้
...เฮ่อ...ฟังดูแล้วเหมือนมากมายก่ายกอง แต่จริงๆแล้ว ไม่ยากอย่างที่คิด ผ (ขอให้กำลังใจ)... คราวนี้เราก็จะได้มีมาตรฐานกะเขาซักที ก็กะๆกันว่า ในการประเมินปีหน้า จะเอาเกณฑ์นี้มาร่วมประเมินด้วย (ไม่ประเมินจากการสอบความรู้อย่างเดียว)...
ยอดเยี่ยม และตรงใจมากเลยค่ะ แล็บอื่นๆ น่าจะใช้เป็นแบบอย่าง ว่าแต่คนเขียน เป็น young blood หรือ old blood ค่ะ เขียนได้ขนาดนี้ (ตามมาหลายบันทึกแล้ว) น่าจะแยกวงได้แล้ว
ขณะนี้ก็ทำงานมาเกือบครบปีแล้ว ก็ทำได้หมดแล้ว แต่ไม่ร้อย100% ทุกอย่างครับ