ผมไปถึงศิริราชก่อนเวลา จึงไปขออ่านวารสารที่หอสมุดศิริราช ไม่ได้เข้าหอสมุดมานาน ได้มีโอกาสเข้าค้นหาวารสาร รู้สึกเหมือนกลับบ้าน รู้สึกว่ามีวารสารใหม่ๆ ที่ผมไม่เคยเห็น เยอะมาก หยิบ Science & Medicine, Vol 10, No. 2, April 2005 มาพลิกๆ ดู พบบทความเชิงบทบรรณาธิการ ชื่อ The Optimist เขียนโดย Howard M. Spiro ([email protected]), Program for Humanities in Medicine, Yale University School of Medicine จึงได้โอกาสนำมาบันทึก
บทความนี้เป็นการสะท้อนความหลังสู่ปัจจุบันของหมอแก่อายุกว่า ๘๐ ปีของสหรัฐอเมริกา ว่าสมัย ๕๐ – ๖๐ ปีก่อนหมอคือพ่อพระแม่พระของคนไข้ หมอว่าอะไรคนไข้เชื่อหมด เป็นช่วงเวลาที่เชื่อกันว่าหมอรู้หมดว่าจะทำอะไรแก่คนไข้ได้บ้าง ท่านบอกว่าไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน หมอตัดสินใจให้การดูแลต่างกันสำหรับคนไข้ที่มีอายุต่างกัน แต่เดี๋ยวนี้หมอตัดสินใจให้การดูแลต่างกันเพราะคนไข้กระเป๋าหนักต่างกัน
สมัยก่อนหมอทำงานภายใต้หลัก authority ของหมอ
สมัยนี้ทำงานภายใต้หลัก autonomy ของคนไข้
หมอต้องแบ่งปัน authority กับคนไข้
หมอต้องบอกกล่าวความจริงทั้งหมดแก่คนไข้
ความท้าทายคือ
ความจริงของคนไข้ไม่ใช่เรื่องที่มองได้มุมเดียว
หรือเป็นเรื่องชั้นเดียว ในความเป็นจริง
ความจริงเกี่ยวกับคนไข้มีความซับซ้อนมาก และมองได้หลายมุม
ตีความได้หลายระดับ การบอกความจริงทั้งหมด
ทำได้หรือไม่ และบอกแล้วส่วนไหนเป็นคุณ
ส่วนไหนเป็นโทษ แก่คนไข้ และมุมมองของแพทย์
กับมุมมองของทนายความหรือนักกฎหมายก็แตกต่างกัน
ความจริงที่เป็นอมตะก็คือหน้าที่ของหมอ คือ “To cure sometimes, to comfort always.”
วิจารณ์ พานิช
๒๒ มีค. ๔๙
หอสมุดศิริราช
ไม่มีความเห็น