(ร่างบทความสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซท์ของนรทุนรัฐบาล)
บทความต่อไปนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักเรียนทุนรัฐบาล แต่เป็นความคิดเห็นของนักเรียนทุนคนหนึ่งต่อการยกสถานะทางวิชาการของประเทศเป็นสังคมแห่งองค์ความรู้ ผมนำเสนอบทความนี้ต่อนักเรียนทุนเป็นกลุ่มแรกเพราะผมเห็นว่าสังคมนักเรียนทุนนี้เป็นสังคมวิชาการที่เข้มแข็งที่สุดสังคมหนึ่งของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่มีความสนใจ ความรู้ ประสบการณ์ และพันธมิตรที่หลากหลาย ท้ายสุดแล้วผมเชื่อว่าพวกเราต่างมีอุดมการณ์ลึกๆร่วมกันที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อประเทศของพวกเรา
---------------------------------------------------------------------------------
เจ้ามือสร้างตลาดนัดจะประกอบด้วยนักเรียนทุน
และหน่วยราชการลงขันลงเเรงกัน
…นักเรียนเก้าส่วน หน่วยราชการหนึ่งส่วน
พวกเรารู้ดีว่าเราควรจะพึ่งหน่วยราชการให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
พวกเราถือว่าหน่วยราชการเป็น”ปัจจัยภายนอก”ที่ควบคุมไม่ได้
..ไหนจะกฎระเบียบยุบยับ …ไหนจะการเมืองข้างในที่พวกเราไม่รู้
ที่สำคัญที่สุดนี่คือความรับผิดชอบของพวกเรานักเรียนทุนด้วยกันเอง
แต่ผมก็ยังเชื่อว่าเราต้องการกำลังจากหน่วยราชการ
“หนึ่งส่วน”อยู่ดี
…อย่างน้อยที่สุด เราต้องการหน่วยราชการมาเพิ่ม “น้ำหนัก” หรือ
“ความขลัง”…ถ้าท่านผู้อ่านนึกไม่ออกว่าผมกำลังพูดถึงอะไร
ลองอ่านสองตัวอย่างข้างล่างนี้ดูนะครับ
หนึ่ง :
…blahblahblah(อย่างที่ผมพล่ามมาตอนแรกๆ)
คณะผู้ก่อตั้งเล็งเห็นว่า project XXXX
ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรานักเรียนทุนรัฐบาล
และต่อประเทศชาติของพวกเราดังนั้นของให้เพื่อนๆนักเรียนทุนรัฐบาลผู้สนใจเข้าร่วมติดต่อคณะผู้ก่อตั้ง…และประชุมพร้อมกัน…
ลงชื่อ นายXXXXX
สอง:
… blahblahblah(อย่างที่ผมพล่ามมาตอนแรกๆ)
สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา และ
สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคมเล็งเห็นความสำคัญของโครงการดังกล่าว
ขอให้นักเรียนทุนรัฐบาลผู้สนใจร่วมก่อตั้งprojectXXXXติดต่อทางสสนรหรือนายxxxxโดยตรง
ความสำคัญของหน่วยราชการคือ ความสามารถในการประชาสัมพันธ์
การออกมาrecognize หรือประกาศยอมรับโดยหน่วยราชการทำให้โครงการดูใหญ่
เป็นโครงการระดับชาติ โครงการที่น่าจะเป็นไปได้
แทนที่จะเป็นแค่”ไอเดียที่ฟังดูน่าสนใจ”
ของนายXXXXกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆหนึ่ง…ทั้งๆที่กลุ่มผู้ก่อตั้ง ออกแบบ
วางไอเดียจะเป็นกลุ่มนักเรียนกลุ่มเดียวกันนี่เอง
…ปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จ คือ
ภาพลักษณ์ของความสำเร็จ..ผมเชื่ออย่างนั้น
เมื่อสี่สัปดาห์ก่อน(3มีนาคม’48)
ผมมีโอกาสสนทนากับท่านอัครทูตวิสูตร
ประสิทธิ์ศิริวงศ์ (อัครราชทูตฝ่ายการศึกษา
ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน) เกี่ยวกับหัวข้อที่ว่า
“ทำยังไงถึงจะช่วยให้นักเรียนทุนแต่ละคน รู้ได้ว่า
นักเรียนทุนคนอื่นๆ…ในอเมริกาหรือที่ไหนก็ตามบนโลก เรียนอะไรกันอยู่
ทำวิจัยอะไรกันอยู่
ชำนาญด้านไหน?…ทำยังไงจึงจะช่วยให้พวกเราเห็นทีมงาน
เพื่อนร่วมงานในอนาคต?”
ไอเดียหนึ่งที่ออกมาจากใครสักคนในวงสนทนาคือ
น่าจะเริ่มจากให้oeadc(office of educational affair—royal Thai
embassy—D.C.) เป็นตัวกลางรวบรวมข้อมูลเหล่านี้
จากเดิมที่เรามีแค่ข้อมูลว่า”ใคร ทุนอะไร สาขาอะไร”
…ทีนี้เพิ่มขึ้นมาเอาให้แต่ละคนที่ทำรีเสิจอยู่ส่งtitle
กับabstractเข้ามารวมกันที่เว็บของoeadc
เพื่อจะจัดทำเป็นแหล่งข้อมูลกลางให้ผู้สนใจสืบค้น
…สามสัปดาห์หลังจากนั้นประกาศ
“ขอความร่วมมือส่งหัวข้อและสรุปย่อวิทยานิพนธ์” ปรากฎอยู่บน www.oeadc.org
…ถึงแม้ว่าความพยายามจะสร้างห้องสมุด abstract ออนไลน์จะยังห่างไกลจาก
“ตลาดความรู้ในอุดมคติ” ที่เราอภิปรายมาในบทความนี้อยู่มาก
แต่ว่านี่เป็นก้าวแรกที่กลุ่มนักเรียนทุน และหน่วยราชการเห็นตรงกันว่า
“การจัดการความรู้” จะนำไปสู่ผลประโยชน์ร่วมกัน
…เราจะขยายผลจากก้าวแรกนี้อย่างไร?
…จาก
”ประกาศขอความร่วมมือส่งหัวข้อและสรุปย่อวิทยานิพนธ์”…สู่ตลาดความรู้เต็มรูปแบบ
ไม่มีความเห็น