ไปดู KM โรงเรียนผัก ที่ปทุมธานี
เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ไปดูกิจกรรมพบปะ
สร้างสัมพันธ์และการเรียนรู้จากการทำจริงบนแปลงทดลองพื้นที่ประมาณ 2
ไร่ ของ โรงเรียนเกษตรกร ที่หนองเสือ คลอง 9 ปทุมธานี
ซึ่งมีแกนนำคือ ผู้ใหญ่เทียม(หรือ “เทียน” ไม่แน่ใจ) อายุ 55
ปี เมื่อไปถึงราว 9 โมงครึ่ง
มีเกษตรกรเริ่มทยอยมารวมกลุ่มกันอยู่บนหัวแปลง
มีทั้งหญิงและชายอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปจนถึง 80
กว่าปีก็มี
ผู้ชายแรงดีก็ผลักดันใช้เครื่องไถพรวนดิน
ผู้หญิงและผู้สูงวัยหน่อยก็ใช้มีดถอน
เก็บเศษต้นหญ้า/วัชพืชที่เหลือเหลือ
ทำไปได้สักพักเพื่อนที่มาทีหลังก็เข้าไปช่วยสับเปลี่ยนพร้อมกับบอกให้เพื่อนกลุ่มแรกไปพัก
ยิ่งแดดแรง
เราก็ยังเห็นกลุ่มเกษตรกรเหล่านี้ทำงานกันอย่างแข็งขันและพูดคุย
หยอกล้อกันสนุกสนาน
พร้อมกับเสียงเรียกให้มาพักกินน้ำกันก่อน
ซึ่งหากจะนับหัวคนที่มาร่วมกิจกรรมน่าจะอยู่ราว 40-50 คน รวมทั้งเด็ก
ๆ ที่โรงเรียนปิดเทอมก็ติดตามพ่อแม่มาช่วยด้วย
ภาพที่เห็นทำให้นึกไปถึงวิถีชนบท การทำเกษตรที่มีการช่วยเหลือ
เอาแรงกัน บรรยากาศของคนที่มีความรู้สึกเป็นกลุ่มพวกเดียวกัน
อยากจะคุย อยากจะทักทายกัน
นอกจากผู้ใหญ่เทียม
และเพื่อนเกษตรกรสมาชิกของโรงเรียนเกษตรกรแห่งนี้ที่เมื่อคุยกันไปพักหนึ่งดิฉันถามว่าทำไมไม่ตั้งเป็นโรงเรียนผัก
เพราะกิจกรรมที่ทำและอาชีพของสมาชิกกว่า 70 คน นั้นล้วนปลูกผัก
ทั้งสิ้น แต่พวกเขาบอกว่า เป็นโรงเรียนเกษตรกรน่ะดีแล้ว
และถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่าโรงเรียนเกษตรกรตามแนวพระราชดำริ
เพราะเกิดขึ้นจริงจังจากการเข้ามาส่งเสริมของสำนักงานพัฒนาที่ดินปทุมธานี
สำนักงานเกษตรปทุม
และอีกหลายหน่วยงานภายใต้การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์จังหวัด
(ใช้งบยุทธศาสตร์สนับสนุน)
ซึ่งมีรูปแบบการเข้ามาส่งเสริมอย่างชัดเจนในลักษณะของสิ่งอำนวยความสะดวก
วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ ในการทำเกษตร รวมทั้งวิชาการ
การพาไปศึกษาดูงานที่โน่นที่นี่
โดยสรุปโรงเรียนนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้งบยุทธศาสตร์จังหวัด
ที่เน้นให้ความรู้การฟื้นฟูสภาพดินเสื่อมจากวิกฤติสวนส้มในอดีตให้กลายเป็นดินดีและมีอาชีพเกษตรทางเลือกได้อย่างเหมาะสม
ซึ่งความรู้ที่เกษตรได้ก็มีทั้งวิธีการฟื้นสภาพดิน
การปรับปรุงบำรุงดิน การปลูกพืช/ผัก/ผลไม้ ในฤดูกาลต่าง ๆ
โดยเน้นชนิดพืชที่เหมาะสมกับดิน
ที่สำคัญแม้กลุ่มนี้จะได้ชื่อว่าได้รับความช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิตมาก
แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
พวกเขายังสามารถดำเนินกิจกรรมโรงเรียนเกษตรกรได้อย่างต่อเนื่องแม้จะไม่ได้ความช่วยเหลือด้านงบประมาณจากหน่วยงานใด
ๆ ก็ด้วยจุดแข็งสำคัญคือ แกนนำกลุ่ม ที่ใช้ “ใจ” และ
“การทำจริง” พิสูจน์ให้เพื่อสมาชิกเห็นจนมาเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสมาชิกเก่า-ใหม่ และสมาชิกสมทบจากที่อื่น
(เครือข่าย)ที่มาขอเรียนรู้ดูงานด้วย
โดยกิจกรรมที่โรงเรียนเกษตรกรแห่งนี้ทำก็คือการนัดเจอกันที่แปลงทดลองทุกวันศุกร์
เพื่อร่วมกันปลูกพืชผักตามแผนที่วางไว้
เป็นเวทีของการเรียนรู้ซึ่งสมาชิกกลุ่มอย่างเป็นทางการ 70
คนนั้นแบ่งโครงสร้างการบริหารออกเป็นกลุ่มย่อยอีก 7 กลุ่ม กลุ่มละ 10
คน แต่ละกลุ่มก็มีการแต่งตั้งประธานกลุ่มย่อยอีกทีหนึ่ง
ซึ่งเมื่อเรียนรู้จากแปลงทดลองแล้วก็นำกลับไปบอกต่อกับเพื่อน ๆ
ในกลุ่มย่อย ซึ่งจะนำไปปรับปรุงใช้กับสวนหรือแปลงของตนเองที่บ้าน
ซึ่งกลุ่มย่อยมีการนัดพบกันอีกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
จะเป็นวันไหนก็ตกลงกันเอง
ประเด็นจัดการความรู้ที่เกิดขึ้น
1. จากบริบทชุมชน
สภาพปัญหา และการรวมกลุ่ม
พื้นที่นี้ในอดีตเคยทำสวนส้มเป็นหลักมายาวนานจนเกิดสภาพดินเสื่อม
ส้มวิกฤติ คนก็วิกฤติ
ซึ่งผู้ใหญ่เทียมบอกว่า “จะทนทำสวนส้มอยู่ได้อย่างไร
ยิ่งทำหนี้ก็เพิ่ม บ้านก็หาย ที่ดินก็หาย ส้มกินหมด
เพราะสวนส้มใช้ทุนเยอะ สารเคมีเยอะ โรคมากทั้งส้มทั้งคน”
ทางการก็อยากให้เปลี่ยน เกษตรกรเองก็อยากหาอาชีพใหม่
จึงบรรจบกันว่าจุดเริ่มต้นต้องทำให้ดินดีขึ้นมาก่อน
ซึ่งตรงนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เข้ามาช่วยเหลือให้ความรู้ต่าง ๆ
เพื่อการฟื้นสภาพดิน
ขณะที่สำนักงานเกษตรก็มาให้ทางเลือกด้านการปลูกพืชที่เหมาะสม
กล่าวคือสอนตั้งแต่วิธีการเตรียมดิน การเลือกพืชที่จะนำมาปลูก
(ต้องรู้จักธรรมชาติของพืช) รู้วิธีการผลิตและใช้ปุ๋ยชีวภาพที่เหมาะสม
ใช้วัตถุดิบที่มีในพื้นที่ เช่น รู้ว่าพืชที่รสขม รสเปรี้ยว
รสฝาดสามารถนำมาทำน้ำหมักชีวภาพแทนการใช้ปุ่ยเคมี
ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรสมาชิกทั้งหมดพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
ผลผลิตของเขาดีขึ้น ต้นทุนลดลงกว่า 80% สุขภาพดี
ครอบครัวและชุมชนมีความสามัคคีกัน
พัฒนาการกลุ่มของที่นี่เริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ
ของเกษตรกรที่ปลูกพืชชนิดเดียวกันอาจเพียง 3-5 คน/ครอบครัว
แต่สามารถขยายมาได้ถึงกว่า 70 คนในปัจจุบัน
(ปัจจัยหนึ่งของการรวมกลุ่มที่จำนวน 70 คน
ก็เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ/งบประมาณที่ได้รับ
ซึ่งความจริงกลุ่มนี้มีสมาชิกที่เข้ามาขอร่วมทำกิจกรรมด้วยอีกจำนวนหนึ่งซึ่งพวกเขาให้เป็นสมาชิกสมทบ)
สวนส้มหายไป กลายเป็นแปลงถั่วที่คนย่านนี้ทำกันมาก เพราะตลาดดีต่อเนื่อง |
เด็กน้อยขอมาร่วมด้วยช่วยผู้ใหญ่ |
ปุ๋ยเม็ดที่ได้มาฟรี ใช้กับแปลงทดลอง |
ผู้ใหญ่เทียม แกนนำที่สร้าง"ใจ"ดึงคนเข้าร่วม |
อ่านต่อ ในบันทึกต่อไป
ไม่มีความเห็น