(ร่างบทความสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซท์ของนรทุนรัฐบาล)
บทความต่อไปนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักเรียนทุนรัฐบาล แต่เป็นความคิดเห็นของนักเรียนทุนคนหนึ่งต่อการยกสถานะทางวิชาการของประเทศเป็นสังคมแห่งองค์ความรู้ ผมนำเสนอบทความนี้ต่อนักเรียนทุนเป็นกลุ่มแรกเพราะผมเห็นว่าสังคมนักเรียนทุนนี้เป็นสังคมวิชาการที่เข้มแข็งที่สุดสังคมหนึ่งของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่มีความสนใจ ความรู้ ประสบการณ์ และพันธมิตรที่หลากหลาย ท้ายสุดแล้วผมเชื่อว่าพวกเราต่างมีอุดมการณ์ลึกๆร่วมกันที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อประเทศของพวกเรา
----- - - -- - - - - - --- - ------------
“ตลาดนัด”ที่ว่าควรมีลักษณะอย่างไรบ้าง?
ให้อะไรกับเราได้บ้าง?
อย่างแรกสุดตลาดต้องเป็นฐานข้อมูล
อย่างน้อยที่สุดก็คือข้อมูลพื้นฐานของสมาชิกในด้านความถนัด เป็นต้นว่า
สายการทำงาน และประสบการณ์งานที่เคยทำมา
ที่ผ่านมาเรามีแฟ้มรายชื่อหรือเว็บไซต์ลักษณะนี้มากมาย(ทำเนียบนักวิจัย
ทำเนียบนักเรียนทุน ทำเนียบพนักงาน ๙ล๙) แต่ส่วนมากมันจะมีลักษณะเป็น
“Supermarket”
คือมีคนกลางเป็นออกแบบสำรวจและสร้างlistของคนในหน่วยออกมา
ข้อมูลปรากฎส่วนมากจึงเป็นข้อมูลจากมุมมองภายนอกโดยคนสำรวจ เป็นต้นว่า
นายXXX จบสาขาชีวเคมีจากที่นั่นที่นี่ ปัจจุบันเป็นอาจารย์
มีผลงานpublcationได้แก่๑,๒,๓,…
ปัญหาคือคนภายนอกไม่มีทางรู้ดีไปกว่าตัวสมาชิกเอง
สาขาการเรียนหรือการทำงานแยกย่อยเจาะจงลงไปกว่าที่คนๆหนึ่งจะรู้รอบหมด
คนเรียนสาขาเดียวกันจากที่เดียวกันยังไม่ความถนัดไม่เหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น “ความสามารถ”
อันเป็นสินค้าที่แท้จริงไม่ได้จำกัดอยู่ที่สาขาที่เรียน,
งานที่ทำประจำ, หรือหน่วยงานที่สังกัด
“ความสามารถ”มาจากความสนใจและประสบการณ์ส่วนบุคคล
ที่สำคัญ”ความสามารถ”จะกลายเป็นสินค้าก็ต่อเมื่อเจ้าของมันเต็มใจจะใช้เต็มใจจะแลกเปลี่ยนทำประโยชน์
ฐานข้อมูลจึงควรมีความเป็นตลาดนัด ที่แต่ละสมาชิกนำเสนอตัวเอง
เป็นห้องสมุดที่หนังสือแต่ละเล่มคือสมาชิกแต่ละคน
คนกลางเพียงแค่อำนวยความสะดวกเท่านั้น
อย่างที่สองตลาดจะต้องคัดเอา “คนคุณภาพ”
เข้ามา…จำนวนคนในตลาดยังไม่สำคัญเท่าคุณภาพ
“คนคุณภาพ”ไม่ได้นิยามที่ การศึกษา ตำแหน่งงาน อาชีพอะไร
แต่”คนคุณภาพ”สำหรับตลาดคือคนที่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร
และตั้งใจจะผสานความถนัดความรู้ที่มีอยู่เข้ากับกลุ่ม
ตลาดนัดแห่งนี้จึงไม่ควรสร้างขึ้นจากนโยบายประเภทคำสั่งกว้างๆ
…คือสั่งให้คนเข้าไปอยู่ในตลาดในขณะที่เขายังไม่เห็นความจำเป็น
…สั่งในนักเรียน พนักงานทุกคนสร้างฐานข้อมูลของตัวเอง
ซึ่งผลมันก็จะออกมาคล้ายๆกับที่ผมเคยเห็นมาเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เรากำลังฮิตทำ
portfolioกัน คือเราจะได้ฐานข้อมูลที่ใหญ่แต่กลวง
สมาชิกส่วนมากนำเสนอตัวเองแบบขอไปที
การรวมกลุ่มก็ไม่เกิดขึ้นเพราะสมาชิกส่วนมากไม่ได้เข้าตลาดมาเพื่อสร้างกลุ่ม
ดังนั้นคนที่จะผ่านเข้าประตูตลาดไป
คือคนที่อย่างน้อยรู้ความสามารถของตัวเองและเข้าใจว่าการเข้าไปรวมกลุ่มกับคนที่ความสามารถคล้ายๆกันหรือหลากหลายออกไปจะช่วยให้เขาใช้ความสามารถได้ดีขึ้นไปอีก
ทำอะไรได้มากขึ้นไปอีก
ใครที่รู้สึกว่า”ข้ามาคนเดียวไม่เห็นเป็นไร”ก็ไม่ต้องสมัครเข้ามา
สาม ตลาดต้องคึกคัก
คือมีคนเดินเยอะๆมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเยอะๆ
…ข้อสามนี่ต้องตามมาจากข้อสอง:
คุณภาพของคนเป็นเรื่องสำคัญแต่ถ้าคุณภาพดีแล้ว
ปริมาณเยอะด้วยอีกตังหากก็ยิ่งสุดยอด
ในตลาดที่คึกคักก็จะมีสินค้าให้สมาชิกเลือกเยอะและหลากหลาย
โอกาสจะหาคนที่matchกับความต้องการก็จะง่ายเข้า
ความหลากหลายในที่นี้ไม่ได้มีแค่เรื่องความรู้ และประสบการณ์เท่านั้น
แต่รวมไปถึงคุณสมบัติในการสร้างทีมอีกด้วย
…คนบางคนถนัดที่จะทำงานในส่วนของตัวเอง
…เหมือนกับนักดนตรีในวงดนตรี
…คนบางคนถนัดที่จะประสานกลุ่มเอาไว้ด้วยกัน …เหมือนกับconductor
ยิ่งตลาดนัดคึกคักโอกาสที่ทีมงานดีๆจะกำเนิดขึ้นก็ยิ่งเยอะ
เราจะออกแบบตลาดนัดนี้อย่างไร? ตลาดนัดที่จะดึงดูด
“คนคุณภาพ”ทุกหนแห่งให้มารวมตัวกัน
ไม่มีความเห็น