(ภาพถ่าย โดย น้องดิน)
ถึงแม้ทุกวันนี้ ทุ่งนาจะแทบไม่เหลือเค้าบรรยากาศเดิมๆ ให้พบเห็นเหมือนในสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ถึงกระนั้น ผมเองก็ยังมีความสุขที่จะกลับไปเยือนเสมอ หลายคนบอกกับผมว่า "ผมช่างไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเอาเสียเลย อยู่ในเมืองแท้ ๆ แต่ยังเทียวพร่ำบ่นถึงท้องไร่ท้องนาอย่างไม่รู้เบื่อ เมื่อรักและผูกพันอยู่กับวิถีเหล่านี้มาก ทำไมไม่ลาออกไปทำนาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ"
นั่นคือถ้อยคำที่เกิดขึ้นจากมิตรสหายที่คุ้นใจกัน เป็นถ้อยคำแห่งการหยิกหยอกมากกว่าการรำคาญหู ขณะที่ผมเองก็มีความเชื่อเสมอว่า เราเกิดมาจากที่ใด ก็หาใช่ต้องยึดมั่นถือมั่นอยู่กับที่ตรงนั้นเสมอไป วิถีแห่งปากท้องและอาชีพ อาจแปรเปลี่ยนไปตามวิถีแห่งใจของแต่ละคน คนที่เกิดมาในครอบครัวชาวนา ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นชาวนาเสมอไป
และผมก็เป็นกลุ่มคนในประเด็นนี้
แต่อย่างไรก็ตาม การที่ผมไม่สามารถสืบทอดอาชีพของบรรพบุรุษของตนเองได้นั้น ก็คงไม่ใช่ความผิดบาปของการเกิดมาอย่างเสียชาติเกิด แต่เส้นทางชีวิตที่ผมเลือกเดินนั้น ก็ไม่ใช่วิถีที่ทำร้ายจิตใจของพ่อแม่เลยสักนิด ตรงกันข้าม พ่อกับแม่ก็ดูประหนึ่งชื่นชมกับอาชีพการงานของผมอยู่มิใช่น้อย บางทีอาจจะมากเป็นร้อย ๆ เท่ากับการต้องเห็นผมตรากตรำหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินเหมือนท่านก็เป็นได้
แต่ในความเป็นจริง ผมรู้ตัวดีเสมอว่า ผมมาจากที่ใด มีรากเหง้าชีวิตเป็นอย่างไร และการไม่สามารถเป็นชาวนาอย่างสมบูรณ์แบบได้ ก็ไม่ใช่ปมด้อยของชีวิต และนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ผมได้ลืมรากเหง้าของตนเองไปสิ้นแล้ว
ผมยังเป็นลูกชาวนาที่ภูมิใจในความเป็นชาวนาของบรรพบุรุษ ความเป็นท้องไร่ท้องนา ยังคงเป็นกลิ่นสาปที่ไม่เคยจากจางไปจากชีวิต กลิ่นสาปของทุกฤดูกาลแห่งท้องทุ่งติดตามผมไปในทุก ๆ ที่ และในทุก ๆ จังหวะของชีวิต ทุกครั้งที่ฝนโปรยเม็ด ฟ้าลั่นคำราม ผมจะรู้สึกราวกับว่า นั่นคือเสียงเพรียกจากทุ่งนาที่บ้านเกิด ทุกครั้งที่ลมหนาวเสียดแทงผิวเนื้อ ผมก็จะรู้สึกราวกับว่า เพลงเคียวแห่งทุ่งข้าวกำลังเปล่งขับขึ้นอย่างกังวานหวาน เฉกเช่นกับสายลมร้อนที่พัดใบไม้แกรกกราก ผมเองก็จะรู้สึกได้ว่า บัดนี้ถึงเวลาแห่งการไล่ล่ากิ้งก่าอีกครั้ง
วันนี้ท้องนาที่บ้านเกิดเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล ผืนนาที่เคยมีน้ำเอ่อล้นในฤดูฝน ก็ดูจะไม่เหลือริ้วรอยเดิม ๆ เท่าใดนัก ภาพน้ำใส ๆ ในแปลงนาที่ทำให้เรามองเห็นแมงดานา หรือแม้แต่หอยปูปลาว่ายล่องไปตามกอข้าวก็หาดูได้ยากเต็มที ซึ่งภาพเหล่านี้ในวัยเด็กนั้น ผมพานพบได้อย่างดาษดื่น หลายต่อหลายครั้ง ยังเคยย่องเงียบลงไปใช้มือจับสิ่งเหล่านั้นอย่างแสนสุข
หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เราต่างไถคราดกันด้วยเครื่องยนต์ที่มีเสียงคำรามอันหนวกหู การลงแขกดำนาก็เลือนหาย เปิดพื้นที่ให้การจ้างวานเข้ามาแทนที่ จากนาที่เคยลงแรงตนเองอย่างคุ้นเคย ก็กลายกลับให้คนอื่นเข้ามาเช่าลงแรงแทน ขณะที่ตัวเองก็ถอยห่างมารอรับการแบ่งสันปันผลผลิต
เรื่องเหล่านี้เป็นภาพอันคุ้นชินเสียแล้ว สำหรับคนหัวเก่าอย่างผมมักมองว่ามันเป็นความจริงที่แสนเศร้าเสมอ แต่ถึงกระนั้น ผมเองก็ไม่เคยเศร้ากับภาพนี้เนานานนัก เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่า ความเป็นจริงของชีวิต ก็เปลี่ยวเศร้าอยู่แล้วแทบทุกเรื่อง และภาพในอดีตของผมนั้น ก็มีพลังมากพอที่จะปลุกปลอบให้ชีวิตของผมรื่นรมย์ และเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่ลังเล
(พักเหนื่อยใต้ร่มต้นสะเดา)
การหวนคิดถึงท้องทุ่งอันแสนงามในวันเด็ก คงไม่ได้หมายถึงการจมจ่อมกับอดีตกาลอย่างหัวปักหัวปำ และนั่นก็คงไม่ได้หมายถึงการเป็นคนไม่ยอมรับรู้ความเป็นจริงของวันนี้ หากแต่หมายถึง การเตือนตัวเองให้รู้ว่า เรามาจากที่ใด และกำลังเดินทางไปที่ใด ..ด้วยจุดหมายใด ..
ทุกวันนี้ ผมยังคงเป็นลูกชาวนาอย่างเต็มร้อย ผมทำนาบนกระดาษ ขณะที่พ่อแม่พี่น้องยังคงทำนาในท้องทุ่ง ผมเป็นลูกชาวนาที่ไม่ค่อยได้ลงแรงปักดำ หากแต่ลงแรงเป็นเม็ดเงินในบางส่วน และวิถีเช่นนี้ ก็เป็นวิถีเดียวกับอีกหลายชีวิตที่ทำงานในเมืองใหญ่ แต่ไม่มีโอกาสกลับมาทำนาที่บ้านเกิด จึงได้แต่ส่งเงินมาให้คนทางบ้านจับจ่ายใช้สอยเกี่ยวกับการงานแห่งท้องทุ่งแทน
ผมมักมีความสุขเสมอเมื่อได้หวนคิดคำนึงถึงเรื่องราวชีวิตของตนเองท่ามกลางท้องทุ่งที่บ้านเกิด ภาพความเป็นจริงของวันนี้ ผมกลับรู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงไปเพียงกายภาพเท่านั้น ขณะที่จิตวิญญาณของท้องทุ่งนั้นยังคงยืนหยัดทายท้ายุคสมัยอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
ผมมีความสุขเสมอกับการได้กลับบ้าน และยิ่งมีความสุขอย่างมหาศาลเมื่อตนเองได้เหยียบย่างลงไปในท้องทุ่งของตนเอง ยิ่งได้พาคนของความรักตะเลงลุยลงในผืนนาแห่งชีวิต ยิ่งพลอยให้ชีวิตมีความสุขความอิ่มเอมใจเป็นที่สุด
และในทุก ๆ วิถีที่เหยียบย่างไปนั้น ก็เป็นวิถีแห่งใจ หาใช่การสร้างภาพเพื่อปลอบประโลมตัวเอง เพราะเมื่อใดที่ผมแปรเป็นอื่น ๆ ผืนนาทุกตารางนิ้วก็ย่อมรู้และสัมผัสได้เองกระมังว่า ผมแปรเป็นอื่นไปแล้ว - ซึ่งไม่มีวันนั้นสำหรับผมแน่
....
.... ชอบภาพนี้จังค่ะ ...
การเตือนตัวเองให้รู้ว่า เรามาจากที่ใด และกำลังเดินทางไปที่ใด ..ด้วยจุดหมายใด ..
.... เป็นกำลังใจให้คุณแผ่นดิน และครอบครัวค่ะ ....
* เพลิดเพลินกับการงาน อบอุ่นกับกระไออุ่นรักค่ะ ....
โอ้ย เด็กสองคนนี้น่ารักจัง
ขอยืมเป็นลูกชายได้ไหมคะ (อยากมีลูกชายมาก) แต่ชีวิตนี้เป็นแม่มดไปแล้ว...
มาเยี่ยม คุณแผ่นดิน
เห็นภาพท้องนา ให้นึกถึงเมื่อครั้งตนยังเป็นเด็กเหมือนเจ้าสองคนผูน่ารักนี่ละ
เดินลุยท้องนา เลี้ยงควาย นอนเถียงนา อาบน้ำในห้วยใสไหลเย็นเห็ปลาปูเลยละนี่
สวัสดีครับ คุณน้อง.พิชชา
ผมว่ามนุษย์โชคดีมาก ที่เกิดมาพร้อมกับความทรงจำอันวิเศษ เราสามารถจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเรา หลายเรื่องผ่านพ้นไปตามยุคสมัย แต่สำหรับความทรงจำของชีวิต กลับแจ่มชัดอย่างไม่เลือนลาง
หลายคนมองว่าผมมองโลกในแง่ร้าย ประหนึ่งสรุปว่า ปัจจุบันดูจะไม่รื่นรมย์เท่าใดนัก แต่ความจริง ผมไม่ได้หมายความว่า ปัจจุบันจะเต็มไปด้วยแง่มุมอันอัปลักษณ์เสียทั้งหมด ตรงกันข้ามผมกลับอยากจะบอกคนเหล่านั้นว่า .. ผมหลงใหลความงดงามในวัยเยาว์ของชีวิตต่างหาก -
....
ขอบคุณครับ
ดิฉันเองก็ไม่ได้เลือกอาชีพแม่ค้า เหมือนอาชีพของแม่...เพราะชอบการเป็นผู้ให้ความรู้ ชอบการชี้แนะ ให้คำปรึกษา เริ่มจากชีวิตครู จนมาสู่วิชาชีพศึกษานิเทศก์ในวันนี้
อาชีพแม่ค้าส่งผลต่ออาชีพของตัวเองในวันนี้อย่างไรบ้าง...
หลายเรื่องที่วิสัยของแม่ค้า(ที่ดี) ซึ่งตัวเองคุ้นชินในวัยเด็ก (ประถม-มหาวิทยาลัย) เมื่อครั้งช่วยครอบครัวค้าขาย เป็นประโยชน์ นำมาปรับใช้กับการงาน หรือแม้แต่วิถีชีวิตของวันนี้ ....
ก็เช่น....
ไม่เอาเปรียบลูกค้า ค้าขายด้วยความซื่อสัตย์ ไม่คดโกง .... (ไม่โก่งราคา ไม่โกงกิโล ไม่หลอกลูกค้า ฯลฯ)
อดทน หนักเอา เบาสู้ (เพราะบ้านเราไม่มีลูกจ้าง ต้องช่วยกันยกของ ส่งของ ฯลฯ ให้ลูกค้า)
เอาใจเขามาใส่ใจเรา บริการลูกค้าให้ดี...
ประหยัด อดออม เก็บเล็กผสมน้อย เพื่อจะได้มีทุนขยายการค้า สิ่งนี้ส่งผลให้เราเป็นคนที่มีวินัยในการใช้เงินในวันนี้
ยังมีอีกหลายเรื่องค่ะ ที่ตัวเองได้จากอาชีพแม่ค้า เชื่อว่าอาจารย์เองก็เช่นกัน วิถีชีวิตชาวนาได้แทรกอยู่ในจิตและกายของอาจารย์เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิดหรือการปฏิบัติ
ดูจากภาพแล้ว อาจารย์คงหวังให้วิถีชาวนา ได้แทกซึมลงในจิตและกายของน้องแดนกับน้องดินด้วยเช่นกัน วิถีที่ได้ใกล้ชิดกับแม่ธรณี...และ...แม่โพสพ เป็นความสุขที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาส น้องแดนกับน้องดินโชคดีที่มีโอกาสนี้ค่ะ
ระลึกถึง...และชื่นชมในวิถีชีวิตและการงานของอาจารย์เสมอค่ะ
การไต่ตามหาความสุขที่แท้ของชีวิต
บางทีการกลับไปที่จุดเริ่มต้น
อาจทำให้เรามองเห็นความงดงามของปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
..............................
ชื่นชมจากใจครับพี่
พี่เจี๊ยบเป๊ะมากเลยค่ะ
ดำนาเป็นด้วย หญิงแกร่งจริงๆ
อิจฉาอีกแล้ว...
น้องสองคนน่่ารักมากๆ ค่ะ
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบลอกนะคะ จะพยายามกลับมาเขียนเรื่องดีๆ อีก แต่ตอนนี้ยุ่งกับตัวเองจนหัวหมุนไปหมดเลย จนเวลามันสับสนไปหมด เว้นว่างไม่ได้เข้ามาเสียนาน
เป็นกำลังใจให้พี่เหมือนกันค่ะ สู้ๆ กับการทำงานต่อไปนะคะ
สวัสดีครับ naree suwan
ขอบคุณวาทกรรมแห่งชีวิตนี้นะครับ อ่านแล้วประทับใจมาก
ธุ อาจารย์ค่ะ..
ต้อมไม่ได้มีอาชีพครูเหมือนพ่อ(ที่อยากเป็นชาวสวน) และก็ไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นช่างเย็บผ้าเหมือนแม่ หากแต่ต้อมก็เป็นตัวเอง..ทำมาหาเลี้ยงชีพของตัวเองได้ด้วยตัวเอง (ตัวเองเยอะจัง) และมีความฝันอยากเป็นชาวสวนด้วยค่ะ เพราะรู้สึกว่าเวลาได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าแล้วมีความสุข ถึงแม้จะไม่รู้จักต้นไม้ทุกต้น ดินทุกก้อนก็เถอะ อีกไม่นาน..ต้อมก็คงจะได้เป็นชาวสวนเต็มตัว
สวัสดีค่ะ คุณน้าพนัส หนูก็เป็นคนหนึ่งที่มีรากเหง้าลูกชาวนาขนานแท้ เห็นรูปน้อง 2 คนแล้ว ก็ถึงตอนที่เป็นเด็ก เมื่อได้ไปนากับพ่อแม่ที่ไร ก็จะชอบทำตามที่ท่านทำ ตอนนั้นคงจะเป็นเพราะความสนุกแบบเด็กๆๆ โดยไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้รู้ว่าท่านเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องก้มๆๆเงยๆๆ ตลอดช่วงทำนา ไม่เคยเลยลืมรากเหง้าที่เก่าแก่ ไม่เคยแค่ใครจะมองว่ามันต่ำ ไม่เคยสนใครจะว่าทำนานแล้วตัวดำ ไม่เคยขำ"รากเหง้า"กำเนิดตน
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
* ... ทักทายจากบ้านปักษ์ใต้ค่ะ
* คุณแผ่นดินสบายดีนะคะ
ช่วงนี้ทางอิสานฝนตกหนักเลย บ้านคุณแผ่นดินโดนน้ำท่วมไหมคะ
* ...
* ช่วงนี้อยู่ที่บ้านค่ะ แล้วก็คิดว่าตัวเองคงไม่สามารถเป็นชาวไร่ ชาวสวน อย่างพ่อแม่ได้เช่นกันค่ะ ..
แต่อย่างน้อยที่สุด เราจะไม่ขายมรดก และผืนดิน ที่ท่านทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายแน่นอน ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ. ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี
วันที่ผมพาสองหนุ่มไปดำนานั้น พวกเขาร่าเริงมา และนั่นอาจจะหมายถึงได้ทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย หรือไม่ก็คล้ายกับว่า เขามีเลือดเนื้อและวิญญาณในเรื่องนี้อย่แล้ว
ผมยกให้นะครับ...สำหรับสองหนุ่ม ว่าแต่จะรับมือไหวหรือเปล่าเท่านั้นเอง เพราะทั้งสองมีวีรกรรมชวนปวดหัวยิ่งนัก
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ นุ้ยcsmsu
ปีนี้ ผ่านหน้าฝนมาจนถึงการเก็บเกี่ยว- ยังไม่มีโอกาสได้เขียนบันทึกเที่ยวทุ่งเลยสักบท
ส่วนภาพที่เห็นนี้ ไม่ใช่ภาพดำนานะ แต่เป็นภาพที่กำลังงมหอย..ต่างหาก
สองหนุ่มน้อย ลุยหมหอยให้คุณย่า ได้เยอะพอสมควร พอดีที่นามีน้ำท่วมขังดี มีปลา มีหอยให้จับให้เก็บเรื่อยมา
....
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ ..
ท้องไร่ท้องนา เป็นต้นกำเนิดจิตวิญญาณของผมโดยแท้เลยครับ ชีวิตทุกวันนี้เหมือนถูกโอบรัดด้วยกลิ่นอายของท้องทุ่ง
ในยามทุกข์ ก็จะหาเวลากลับบ้านไปพักฟื้นและเติมกำลังใจจากท้องทุ่งที่บ้านเกิด
การพาลูกๆ กลับไปท่องเล่นในบรรยากาศเช่นนั้น ก็เพื่อให้เขาได้รับรู้ถึงเรื่องราวอันเป็นชีวิตของบรรพบุรุษ เขาจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยกกับวิถีชีวิตเหล่านี้ ...
.....
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
มาดูความน่ารักของหลานสองคนค่ะ...อ่านบันทึกนี้แล้วทำให้นึกถึงภาพตอนเป็นเด็กๆค่ะ...รากเหง้าของเรามาจากเมล็ดข้าวของแผ่นดิน...ลูกชาวนาเช่นกันค่ะ
เมื่อถึงเวลาที่อาจารย์อายุมากกว่านี้หรือหยุดงานในเมือง และเด็กๆเรียนจบมีงานทำ พี่ดามั่นใจนะว่าอาจารย์มาอยู่ตรงที่เล่ามานี้แน่นอนค่ะ เด็กๆดูมีความสุข สนุก 2 คนพี่น้องน่ารักมากค่ะ