เช้าของเมื่อวาน (๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑) ภายหลังการนั่งเคลียร์งานบนโต๊ะได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผมก็ถือโอกาสหอบหิ้วทีมงานไปเยี่ยมชมนิทรรศการที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์
การแสดงนิทรรศการดังกล่าวนี้ จัดขึ้นเนื่องในโอกาสอันสำคัญ นั่นก็คือการเปิดอาคารหลังใหม่ของคณะสถาปัตยกรรม ฯ ซึ่งได้ฤกษ์ทำพิธีเปิดอย่างเป็นการทางการเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคมที่ผ่านมา
การไปเยี่ยมชมนิทรรศการครั้งนี้ ไม่เพียงต้องการไปศึกษารูปแบบและแนวคิดของการแสดงงานเท่านั้น หากแต่ไปเพื่อเยี่ยมเยียน อ.มงคล คาร์น ด้วยเหมือนกัน เพราะเดิมท่านก็เป็นผู้บริหารในกองกิจการนิสิตมาหลายยุคสมัย และถือได้ว่าเป็นผู้บริหารที่ “ได้ใจ” บุคลากรไปอย่างมากโข ซึ่งนั่นก็รวมถึงการได้ใจนิสิตไปด้วยเช่นกัน
อาจารย์มงคล คาร์น เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า เดิมคณะจะมีแต่เฉพาะนิทรรศการที่เกี่ยวกับด้านหลักสูตรเท่านั้น แต่เพื่อความสมบูรณ์ของความเป็น “คณะ” ที่ประกอบด้วยวิถีการเรียนและกิจกรรมของนิสิต ฟากฝ่ายการพัฒนานิสิตและคุณภาพบัณฑิตจึงเข็นงานนิทรรศการในขั้วตรงข้ามกับ “การเรียน” ออกมาประกบข้างอย่างไม่สะทกสะท้าน ภายใต้ชื่อสั้น ๆ แต่มีพลังว่า “เรียนนอกห้องเรียน”
(มุมนิทรรศการที่เกี่ยวกับหลักสูตร และผลงานของนิสิตในสาขาวิชาต่าง ๆ )
ตอนแรกที่ผมได้ฟังชื่อนี้ ถึงกลับออกมาการสะดุ้ง เพราะชื่อนิทรรศการนั้น ดูคล้ายกับชื่อหนังสือของผมมาก ซึ่งผมตั้งชื่อหนังสือเล่มใหม่ของตนเองว่า “นอกห้องเรียนมหา’ลัย”
อันที่จริง ผมเองก็ลั่นความคิดปรึกษา อ.มงคล คาร์น ไปบ้างแล้วว่า ปรารถนาที่จะแสดงนิทรรศการภาพกิจกรรมของนิสิตอย่างเต็มรูปแบบเสียที เสียดายก็แต่ตอนนี้ ทั้งผมและทีมงานยังแบกรับภาระอื่น ๆ อยู่มาก กอปรกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็ไม่เป็นใจนัก ทุกอย่างเลยต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย เมื่อมีโอกาสเช่นนี้ จึงไม่คิดลังเลที่จะมาเยี่ยมชม เก็บเกี่ยวต้นทุนทางปัญญา เพื่อต่อยอดงานของตนเองให้ดียิ่งขึ้น
(นิทรรศการผลผลิตในห้องเรียนกับการเรียนรู้นอกห้องเรียน)
ผมชอบนิทรรศการชุดนี้มาก ...
ชอบทั้งชื่อ (เรียนนอกห้องเรียน) และชอบทั้งรูปแบบที่นำเสนอ ดูแล้วเรียบง่าย เข้าใจง่าย และมีเสน่ห์ชวนมองเป็นที่สุด และนั่นก็เป็นธรรมดากระมัง เพราะโดยสาขาวิชาชีพ หรือทักษะส่วนบุคคลแล้ว การนำเสนองานในแนวนี้ ย่อมไม่เหลือบ่ากว่าแรงชาวสถาปัตย์อยู่แล้ว
นิทรรศการชุดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงร่องรอยการเดินทางของนิสิตในถนนสายกิจกรรมของชาวสถาปัตย์ มมส. ถึงไม่หยั่งรากลึกลงสู่อดีตนัก แต่ก็มีความชัดเจนในการนำเสนอภายใต้กรอบระยะเวลาอันเป็นปัจจุบันของกิจกรรม โดยแยกกิจกรรมออกเป็นเดือน ๆ แต่ละกิจกรรมก็จะมีภาพที่หลากรสชาติ มีคำบรรยายสั้น ๆ กระชับ ๆ เพื่อให้ภาพแต่ละภาพได้ทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวของมันเองอย่างเต็มที่
ภาพกิจกรรมต่างๆ ถูกอธิบายด้วยความเป็นวัฒนธรรมของชาวสถาปัตย์ มมส. ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสถาปัตย์สัญจร ประชุมเชียร์และรับน้อง ไหว้ครู – ครอบครู ฯลฯ และที่สำคัญก็คือ ภาพแต่ละภาพในห้วงเดือนต่าง ๆ นั้น คือภาพสะท้อนที่เชื่อมให้เห็นวีถีวัฒนธรรมของนิสิตในคณะ ภายใต้กรอบแนวคิด “ฮีตสิบสองคองสิบสี่ - สถาปัตย์ฯ มมส” เมื่อเยี่ยมชมก็จะเห็นความเชื่อมโยงในกิจกรรมแต่ละเดือน ๆ ว่าก่อเกิดและดำเนินไปอย่างไรบ้าง ?
ผมดีใจที่เห็นคณะให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ ดีใจที่คณะไม่พุ่งเป้าไปแต่เฉพาะภาพชีวิตในห้องเรียนตามหลักสูตรเท่านั้น หากแต่ยังตระหนักถึงพลานุภาพของกิจกรรมที่เป็นส่วนหนึ่งในการ “สร้างคน” ของคณะ
และเกี่ยวกับประเด็นนี้ ผมเองก็เคยได้เขียนถึงมาบ้างแล้วว่า เพราะสิ่งที่พบแทบทุกครั้งในวาระสำคัญ ๆ ของมหาวิทยาลัย เราก็มักพบแต่เฉพาะนิทรรศการที่เกี่ยวกับการเติบโตในทางหลักสูตร ตึกเรียนของมหาวิทยาลัย ฯลฯ.... แต่ภาพชีวิตที่เกิดจากการทำกิจกรรมเสริมหลักสูตรของนิสิตนั้น แทบจะเรียกได้ว่า “มีน้อยมาก” .. หรือจะเรียกว่า “ไม่มี” เลยก็ไม่ผิดนัก
ถ้อยคำดังกล่าวนั้น ผมไม่เพียงพูดบนเวทีต่าง ๆ เท่านั้น หากแต่เขียนลงในบล็อก หรือแม้แต่เขียนลงในคำนำของหนังสือทำมือบางเล่มของตนเอง และล่าสุดก็เป็นส่วนหนึ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือเล่มใหม่ (นอกห้องเรียนมหา’ลัย) ที่อยู่ระหว่างการผลิต -
สำหรับผมแล้ว
ผมมองว่านิทรรศการชุดนี้ ไม่เพียงสร้างสีสันให้งานการเปิดอาคารหลังใหม่ของคณะสถาปัตย์ดูไม่แห้งผากนัก ตรงกันข้ามกลับเป็นเสมือนกระบอกเสียงอันทรงพลังที่ป่าวประกาศให้ใคร ๆ ได้รับรู้ว่า “กิจกรรมนิสิต คือ รสชาติชีวิตของปัญญาชน”
และกิจกรรมนิสิต ก็ยังเป็นบทเรียนอันท้าทายที่คนหนุ่มสาวในมหาวิทยาลัยควรมีเวลาที่จะแวะเวียนลงไปสัมผัส (นอกห้องเรียน) บ้าง - มิใช่ทำตัวกรีดกรายอย่างไร้สาระอยู่ตามท้องตลาดและห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนแต่เฉพาะในห้องเรียนอย่างบ้าระห่ำ จนลืมไปเสียสนิทว่า ... ในความเป็นจริงของชีวิตนิสิตนักศึกษานั้น การ “เรียนนอกห้องเรียน” ในมิติของกิจกรรม ก็เป็นคัมภีร์ชีวิตที่ทรงพลัง และมีคุณค่า ไม่แพ้ตำรา หรือห้องเรียนตามหลักสูตรเลย แม้แต่น้อยนิด
เฉกเช่นกับถ้อยคำที่คุณสุริยะ สอนสุระ ได้พูดไว้เมื่อเร็ว ๆ มานี้ ว่า “ปริญญาชีวิต คือ
ทรานสคริปกิจกรรม” นั่นเอง
..........
ภาพเก็บตกการรณรงค์ภายในคณะ ฯ..
ชอบ concept งานแบบนี้ครับ
ศิลปะ และการจัดวาง สำคัญมากกับการจัดกระบวนการเรียนรู้
ยินดีกับตึก สถาปัตถ์ มมส. ครับ
สวัสดีค่ะ
ชอบมากค่ะ ขอไปใช้ที่ รพ นะคะ คงทำให้คนทิ้งขยะถูกทีแน่ๆค่ะ
สวัสดีครับ พี่อ็อด naree suwan
สวัสดีครับ คุณเอก.จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
การนำเสนอ. เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผมและทีมงานยังด้อยประสบการณ์เรื่องเหล่านี้ ทุกวันนี้จึงพยายามศึกษาและพัฒนาตัวเอง
การมีโอกาสได้ดูงานของชาวสถาปัตย์ฯ จึงทำให้เรามองเห็นรูปร่างที่เราควรจะเป็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเมื่อถึงวันนั้น เราก็คิดว่า งานที่เราผลิตออกมานั้น ก็คงไม่ขี้เหร่กระมัง
ขอบคุณครับ
ชอบไอเดียเรื่อง รีไซเคิลค่ะ
... วันนี้เพิ่งลงไปคุยกับชาวบ้านเช่นกันค่ะ
* คือเด็กๆ แยกขยะที่รร. แล้วมาบอกพ่อแม่ที่บ้านด้วยค่ะ
... สิ่งที่น่าท้าทายอีกอย่างคือ ทำอย่างไรให้
ความคิดเรื่องการแยกขยะ นำไปใช้ต่อ ส่งผลต่อองค์รวม
มิใช่แค่เพียง ... นำไปขายแล้วได้ตังค์เท่านั้นค่ะ ...
....
งานศิลป์ การจัดวาง รูปแบบ ภาพต่างๆ เยี่ยมยุทธ์ค่ะ
ดูโดดเด่น ชอบมากๆ ขอบคุณค่ะ ....
นุ้ยcsmsu ครับ...
เท่าที่พี่ทราบ งานชิ้นนี้ก็เร่งรีบไม่แพ้เรา. แต่ข้อสังเกตของนุ้ยก็น่าสนใจ
ไว้ถึงเวลาของเรา. ขอให้ใช้ต้นทุนจากการเยี่ยมชมคราวนี้มาปรับแต่งงานของเราให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้, นะครับ
เพราะพี่ยังไม่ละเลิกความคิดของตนเองที่ว่า สักวันหนึ่งเราก็จะแสดงนิทรรศการในทำนองนี้เหมือนกัน
มีทั้งภาพถ่าย..ประกอบคำบอกเล่าสั้น ๆ ...
ภาพประกอบบทกวี ..
จากนั้น ก็ชวนน้องนิสิต มาเล่นดนตรี. อ่านบทกวี ฯลฯ..
พี่ว่า..
น่าสนใจมากเลยนะ
สวัสดีครับ พี่ แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช
ผมไปคณะสถาปัตย์ จะทิ้งอะไรก็ลังเลเสมอ เพราะต้องเตือนสติตัวเองเสียก่อนว่า ขยะในมือเป็นชนิดไหน. ประเภทอะไร
คณะสถาปัตย์รณรงค์เรื่องนี้ได้เยี่ยมมาก. เอาจริงเอาจัง และดูเหมือนกำลังประสบความสำเร็จไม่ใช่ย่อยเลยทีเดียว
นี่เป็นอีกโปเจคที่ผมคิดว่า "ดีงามต่อสังคม" และควรค่าต่อการเอาเป็นแบบอย่างมาก ๆ
...
ขอบคุณครับ.
กราบนมัสการพระคุณเจ้า ฯ . tukkatummo
ขณะนี้ก็กำลังติดตามผลการดำเนินงานของคณะสถาปัตย์อยู่เหมือนกัน แต่เท่าที่รับรู้ข้อมูลมาก็คือ.. ผู้บริหารคณะเอาจริงเอาจังกับเรื่องเหล่านี้มาก ...
ผมเองก็ได้แต่ยกธงเชียร์อยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว..
...
สวัสดีครับ คุณปู poo
การเชื่อมต่อจากโรงเรียนไปสู่ครัวเรือนในเรื่องขยะ โดยมีนักเรียนนำแนวคิดไปสานต่อที่บ้านนั้น ถือว่าเป็นกลวิธีที่น่าสนใจมาก เด็ก ๆ จะเป็นตัวอย่าง หรือเป็นภาพสะท้อนในเรื่องนี้ต่อผู้ปกครองได้อย่างน่ารัก.
ซ้ำยัง สร้างนิสัยให้สม่ำเสมอ ทั้งที่บ้านและโรงเรียน. -
การต่อยอดทางความคิดที่มองว่า ขายขยะแล้ว ไม่ใช่แค่นำเงินไปใช้สอยเฉย ๆ นั้น ผมเองก็เห็นด้วย บางโรงเรียนเห็นทำเป็นธนาคารขยะ ฝากออมเป็นชิ้นเป็นอัน รวมถึงขยายผลโดยการนำไปให้เด็ก ๆ กู้ยืมไปประกอบอาชีพที่บ้านร่วมกับผู้ปกครองเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มี หรือแม้แต่การนำไปเป็นต้นทุนในการแปรรูปอื่น ๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
ผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องเหล่านี้มากนัก แต่ก็เห็นด้วยกับแนวคิดที่คุณปูได้นำเสนอ -
ขอบคุณครับ