ผู้เขียนได้อ่านบทความนี้จากเน็ต เป็นเทคนิคที่ดี
จึงขอนำบทความนี้เพื่อเผยแพร่นะคะ
คนเราถึงจะมีจุดมุ่งหมายที่ดีงามเพียงไร
แต่ถ้าเราไม่สนใจแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่ยังบกพร่องอื่นๆ ของตัวเอง
พร้อมกันไปด้วยแล้ว
ก็ยากยิ่งที่เราจะสามารถนำพาชีวิตของตนให้บรรลุเป้าหมายดังที่ตั้งใจไว้ได้
เพราะข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนของตนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขนี่เองที่จะคอยเป็นตัวถ่วงความเจริญ
หรือ ทำให้ชีวิตติดตัน หรือถึงขนาดเสื่อมถอยลงไป
ทำให้ไม่ประสบความก้าวหน้าดังที่ตั้งใจไว้
อุปมาเราต้องการจะขับรถไปเชียงใหม่แต่ทว่าสภาพรถที่ขับกลับไม่ดูแล
น้ำมันเติมไม่เต็มถัง ยางหลังรั่วแบน พวงมาลัยฝืด น้ำมันเบรกก็ไม่มี
สภาพรถอย่างนี้ ต่อให้ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะขับไปให้ถึงสักเพียงใด
ก็ไม่มีทางขับไปถึงอย่างแน่นอน ดังนั้น หากเรารู้จักปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเราเองเป็นประจำ
ตลอดจนการกระทำของเราทุก ๆ ด้าน เราก็จะได้ข้อมูลที่ชัดเจน
สามารถนำไปปรับปรุงพัฒนาชีวิตของตนให้ก้าวหน้าอย่างมีดุลยภาพ
(พัฒนารอบด้าน ได้สมดุลย์)
นี้เป็นวิธีการที่ดีที่สามารถพัฒนาชีวิตของเราจะได้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
ไม่ติดขัด ชักช้า หรือ เสื่อมถอย อีกต่อไป
วิธีปรับปรุงชีวิตของตนเองให้ดีพร้อมทุกด้าน
ทุกวันก่อนนอนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม
ที่เหมาะสำหรับการมานั่งทบทวนชีวิตของตนเองที่ได้ดำเนินมาตลอดวันว่าเรายัง
มีอะไรที่ยังต้องแก้ไขปรับปรุงตนเองได้อีกบ้าง
เพื่อพัฒนาชีวิตของตนเองทุกด้านให้ก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน
โดยขอเสนอวิธีคิดดังต่อไปนี้
๑. ให้ถามตัวเองว่า วันนี้ตนเองได้ทำอะไรที่เป็นที่น่าพอใจบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ต่อตนเอง หรือ ผู้อื่น หรือ
การสร้างเสริมสิ่งที่ดีงามให้แก่ตนเอง ให้ทบทวนในใจเป็นข้อ ๆ
เพื่อสร้างความรู้สึกพอใจยินดีปราโมทย์ในสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป
จนรู้สึกเคารพ ตนเองว่า เป็นบุคคลที่เกิดมาแล้วได้ทำสิ่งที่ดีๆ
ฝากไว้กับโลก
ยกตัวอย่าง
๑.
ฉันพอใจที่ได้ตื่นแต่เช้าในวันนี้ไม่ตื่นสายเหมือนวันก่อน
๒.ฉันพอใจที่ทำงานได้เสร็จก่อนเวลาตามนัดหมาย
๓.ฉันพอใจที่ระงับความขุ่นเคืองตอนคุณแม่บ่นได้
๔.ฉันพอใจที่ได้มีน้ำใจทักทายเพื่อนบ้านด้วยวาจาอันไพเราะ
ฯลฯ
๒. ให้บอกกับตนเองว่า ความดีที่ทำไปมันยังไม่พอ
มันต้องทำให้ดีกว่านี้ มากกว่านี้ เป็นทวีคูณ
เพราะถ้าคนเราคิดว่าตัวเองดีแล้ว เก่งแล้วนั่นแหละครับ เขาเรียกว่า "
คนประมาท " ดังนั้นเราจึงควรสร้างความ "ไม่พอใจ" ในความดีที่มีอยู่
คือ ไม่ควรหลงตนเองว่าดีแล้วแต่ควร มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
คิดฝึกฝนพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
นี้เป็นนิสัยประจำตัวของพระพุทธองค์ในสมัยก่อนที่จะตรัสรู้เลยทีเดียว
คือ
"ความไม่สันโดษในกุศลธรรม" ยกตัวอย่างวิธิคิด
๑. คุณเอ นั่งสมาธิเก่งมาก
แต่แกก็สอนตัวเองว่า
" ถึงจะนั่งสมาธิได้ดี แต่ฉันยังโกรธง่ายอยู่เลย ไม่ได้เรื่องหรอก
คงต้องฝึกเมตตาให้มากกว่านี้ "
๒. คุณดวด ขยันทำการงาน จนเจ้านายชมเปาะ
แต่แกก็สอนตัวเองว่า
" ยังขยันไม่พอหรอกแค่นี้
มันต้องขยันทุกลมหายใจถึงจะดี"
๓.
คุณอุ๋ยใจดี มีเมตตา จนเพื่อน ๆ ชมว่าเป็นแม่พระประจำออฟฟิส
แต่คุณอุ๋ยก็เตือนตัวเองเสมอว่า" ใจดี แต่ไม่ค่อยจะใช้สติปัญญา
อย่างเนี้ยนะ โดนเขาหลอกประจำ ไม่ไหวหรอก "
๓.
ให้นึกถึงสิ่งที่บกพร่องของตนเองที่ทำมาตลอดวันว่ามีอะไรบ้าง
และให้สร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ไปทำอีกด้วยการ (หิริโอตตัปปะ)
ยกตัวอย่าง
๑. กินข้าวไม่ล้างจาน "แย่จริง น่าละอายมาก
เอาเปรียบคนอื่นนี่เรา"
๒.จิ๊กเงินแม่ " โห.. เนรคุณสุด ๆ
แม่รู้คงเสียใจแย่เลย "
๓. เปิดดูรูปโป๊บนเน็ต " โรคจิตนี่เรา
ทำไมไม่หาอะไรดีๆ มีสาระดูบ้างล่ะ โตแล้วนะ"
๔. ในกรณีที่เป็นความประพฤติผิดศีลธรรม
ให้คุณรู้จักสร้างความรู้สึกสำนึกผิดในการกระทำที่ไม่ดีของคุณเอง
ด้วยการสารภาพกับใครสักคนหนึ่งที่คุณมีความเคารพ และ ไว้ใจ
การสารภาพสำนึกผิดนี้เองที่จะเป็นการปลดปล่อยจิตวิญญาณของคุณให้พ้นจากความชั่วร้ายต่าง
ๆ ที่ครอบงำคุณมาโดยตลอด และรู้สึกสำนึกผิดจริงๆของคุณที่เคยเปรียบเสมือนมีสิ่งที่คอยมารุกรานชีวิตของคุณย่ำแย่มาตลอดชีวิต
ก็จะค่อยๆ หมดพิษสงลง จนหมดสิ้นไปในไม่ช้า
เทคนิคการปรับปรุงชีวิตให้ดีงาม ทั้งในทางส่งเสริมรักษากุศลธรรม และ
สกัดกั้นกำจัดบาปอกุศล ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
หากคุณได้ปฏิบัติเป็นประจำเครือข่ายชาวพุทธฯ
มีความมั่นใจว่าชีวิตของคุณจะดำเนินไปด้วยความราบรื่นมากขึ้น และ
ประสบแต่ความสุข ความเจริญ
ได้รับความร่มเย็นในบวรพุทธศาสนาไปตลอดกาลนาน ขอให้โชคดีทุก ๆ
ท่านสวัสดี
แหล่งอ้างอิง : http://www.moral.is.in.th/
แหม อ่านเรื่องเดียวกันเลยค่ะ (จาก mthai) ดีจังเลยนะคะ