การอ่านตีความ
(การวินิจสาร,พินิจสาร,วินิจฉัยสาร)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการอ่านตีความ
ความหมายและความสำคัญของการอ่านตีความ
การอ่านตีความ
เป็นการอ่านเพื่อหาความหมายที่ซ่อนเร้น
หรือหาความหมายที่แท้จริงของสาร
โดยพิจารณาข้อความที่อ่านว่าผู้เขียนมีเจตนาให้ผู้อ่าน
เกิดความคิดหรือความรู้อะไรนอกเหนือไปจากการรู้เรื่อง
ความสำคัญของการอ่านตีความ
- ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องที่อ่านได้หลายด้านหลายมุม
- ทำให้เห็นคุณค่าและได้รับประโยชน์จากสิ่งที่อ่าน
- ช่วยฝึกการคิดไตร่ตรองหาเหตุผล
- ทำให้มีวิจารณญาณในการอ่าน
ประเภทของการอ่านตีความ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. การอ่านออกเสียงอย่างตีความ (การอ่านตีบท)
เป็นการอ่านแบบทำเสียงให้สมบทบาท
ใส่อารมณ์กับบทที่อ่านและความรู้สึกให้เหมาะสม
2.
การอ่านตีความเป็นการอ่านที่ต้องศึกษาทำความเข้าใจงานเขียนทุกแง่ทุกมุมเพื่อตีความเป็นพื้นฐานของ
การอ่านออกเสียงอย่างตีความ
ความรู้เกี่ยวกับการอ่านตีความ
- เสียง (คำ) และความหมาย
เสียงของคำที่แตกต่างกัน ย่อมสื่อความหมายที่แตกต่างกัน
ผู้อ่านต้องวิเคราะห์ว่าเสียงของคำที่ผู้เขียนใช้นั้น
สัมพันธ์กับความหมายอย่างไร
- ภาพพจน์
ผู้อ่านต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องภาพพจน์
ซึ่งจะช่วยให้การอ่านตีความมีความกว้างขวางลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น
ภาพพจน์ อุปมา อุปลักษณ์ นามนัย อธิพจน์ บุคลาธิษฐาน
เป็นต้น
- สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ในทางวรรณกรรม
หมายถึง สิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งมักจะเป็นรูปธรรม
ที่เป็นเครื่องแทนนามธรรม เช่น ดอกไม้แทนหญิงงาม
พระเพลิงแทนความร้องแรง ฯลฯ แบ่งเป็นลัญลักษณ์ตามแบบแผน
และสัญลักษณ์ส่วนตัว
- พื้นหลังของเหตุการณ์ คือ
ความเป็นไปในสมัยที่งานเขียนเรื่องนั้นได้แต่งขึ้น
รวมถึงลัทธิความเชื่อ สภาพภูมิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์
และความเป็นอยู่ของยุคสมัยนั้น ๆ
- ความรู้อื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการอ่านตีความ ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับประวัติผู้แต่ง
ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ จิตวิทยา ปรัชญา
ศาสนา
- องค์ประกอบที่ทำให้การอ่านตีความแตกต่างกัน ได้แก่ ความสนใจ
ประสบการณ์ จินตนาการ เจตคติ ระดับสติปัญญา ความรู้และวัย
- เกณฑ์การพิจารณาการอ่านตีความ
การตีความงานเขียน ความผิดถูกไม่ใช่เรื่องสำคัญ
อยู่ที่มีความลึกซึ้งกว้างขวางและมีความสมเหตุสมผล
กลวิธีการอ่านตีความ (กระบวนการอ่านตีความ)
- การวิเคราะห์เพื่อการตีความ
หมายถึง การพิจารณารูปแบบเนื้อหา กลวิธีการแต่ง
และการใช้ภาษาของงานเขียน
-
พิจารณารายละเอียดของงานเขียน
จะต้องพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ คือ
2.1
พิจารณาว่าส่วนใดเป็นข้อเท็จจริง เรื่องใดเป็นข้อคิดเห็น
ตลอดจนความรู้สึกและอารมณ์ของผู้เขียน
ซึ่งอาจแสดงออกโดยตรง หรือแสดงออกโดยผ่านพฤติกรรมของตัวละคร
2.2
วิเคราะห์และรวบรวมปฏิกิริยาของผู้อ่านที่มีต่องานเขียน
เป็นการที่ผู้อ่านวิเคราะห์ตัวเอง
2.3 การพิจารณาความคิดแทรก หมายถึง
การพิจารณาข้อความรู้ความคิดที่ผู้เขียนมีไว้ในใจ
แต่ไม่ได้เขียนไว้ในงานเขียนนั้นตรง ๆ
- การตีความงานเขียน นำข้อมูลต่าง ๆ
ประมวลเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจแล้วตีความงานเขียน
ว่าผู้เขียนส่งสารอะไรมาให้แก่ผู้อ่าน
- การแสดงความคิดเสริม
เป็นการที่ผู้อ่านแสดงความคิดของผู้อ่านเอง
โดยที่กระบวนการอ่านตีความนั้นมีส่วนยั่วยุให้คิด เป็นความรู้
ความคิดเห็น ความรู้สึกหรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นใหม่
กลับเมนู