beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

โรงเรียนผู้ปกครอง <๑> : นิทานเรื่องความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด


ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด : มีความรู้มากแต่ไม่รู้จักใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์

  

   
   

ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

มีความรู้มากแต่ไม่รู้จักใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์

 

ความรู้   มีมากล้น  เรียนมา
ท่วมหัว  มิอาจพา  ช่วยได้
เอาตัว   โดยปัญญา  มิอาจ  ทำแล
ไม่รอด   เสียทีไซร้  ที่ได้ศึกษา

 

      มีผู้ปกครองจำนวนมากที่นิยมส่งลูกตัวเองไปเรียนพิเศษ หรือกวดวิชา ทั้งนี้เพราะมีความคิดว่าลูกตัวเองจะได้เก่งและสอบแข่งขันสู้เด็กคนอื่นได้   บางทีพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะลืมนึกถึงความรู้สึกของลูกว่าสุขหรือทุกข์อย่างไร

      เด็กที่มีชีวิต เต็มไปด้วยการเรียนย่อมเกิดอาการเบื่อหน่ายธรรมดา และเห็นการอ่านหนังสือเป็นเรื่องที่ไม่สนุก และอาจส่งผลเสียให้เด็กล้า และไม่ชอบการเรียนยิ่งขึ้น

      การเรียนของเด็กจะพัฒนาได้ดีขึ้น เราต้องฝึกฝนให้เด็กรู้จักการพึ่งพาตนเอง ทำอะไรได้ด้วยตนเอง ฝึกให้คิดเป็นโดยใช้เหตุผลประกอบ ถึงแม้ว่าในระยะแรกเด็กจะคิดเข้าข้างตนเองก็ตาม แต่เด็กจำเป็นต้องมีประสบการณ์หลายอย่างตามธรรมชาติ

      ในการใช้ชีวิตประจำวัน เราต้องฝึกให้เด็กช่วยงานในบ้าน ฝึกความรับผิดชอบ พ่อแม่อาจฝึกให้เด็กทำไปทีละน้อย จากง่ายไปสู่ยาก เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าตนทำได้และเกิดความภาคภูมิใจ เมื่อเด็กทำได้ เราก็กล่าวคำชื่นชม เพราะเด็กต้องการได้รับความชื่นชมจากพ่อแม่มากกว่าการแสดงอารมณ์ไม่พอใจ

     นอกจากนี้ประสบการณ์ การเล่นของเด็ก การทัศนศึกษา การสังเกต ล้วนเป็นการเรียนรู้ ซึ่งมาจากความเป็นอยู่ในทุกๆ วัน มิใช่ได้มาจากการเรียนหนังสือในห้องและเรียนพิเศษเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

     ชีวิตของเด็กจะพัฒนาเติบโตได้อย่างสมบูรณ์  ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างรวมๆ กัน เด็กที่มีชีวิตเอาแต่เรียนย่อมขาดทักษะในการดำเนินชีวิตหลายอย่าง เช่น พัฒนาทางด้านร่างกาย ทักษะการใช้ประสาทสัมผัส ทักษะทางด้านสังคม การปรับอารมณ์ มนุษยสัมพันธ์ การตัดสินใจและการแก้ปัญหา

     เมื่อเด็กไม่มีโอกาสเป็นตัวของตัวเอง พ่อแม่คอยทำให้ทุกอย่างเพื่อให้เด็กทุ่มเทกับการเรียน เด็กขาดภูมิคุ้มกัน ไม่สามารถเผชิญและแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการดำเนินชีวิต  

     พ่อแม่ผู้ปกครอง จึงไม่ควรถือผลการเรียนเป็นเรื่องใหญ่ มากกว่าการเอาใจใส่จิตใจของเด็ก ทั้งนี้เพื่อพัฒนาเด็กให้มีกำลังใจ เกิดความรัก และไว้วางใจพ่อแม่ เมื่อมีเรื่องใดที่ตัดสินใจไม่ได้ จะได้มีพ่อแม่เป็นที่ปรึกษา

     ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เป็นพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความภูมิใจในตนเอง พึ่งตนเองได้ แม้เด็กไม่ได้เป็นคนที่เรียนดีมีความรู้มาก แต่กำลังใจจากครอบครัวจะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้การดำเนินชีวิตก้าวหน้าและดีขึ้น

     ความรู้เป็นสิ่งดี แต่ก็ไม่ได้เป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพหรือความสำเร็จของชีวิต ดังคำกล่าวที่ว่า "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" ดังตัวอย่างนิทานต่อไปนี้ (ดัดแปลงจากนิทานของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา)

 

   

เด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นชาวเกาะ บ้านอยู่ในชนบทแห่งหนึ่ง
เขาเรียนเก่งมาก ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศอยู่หลายปี จบปริญญาเอกเป็นด็อกเตอร์

พอเขากลับมาเมืองไทย จึงได้กลับไปเยี่ยมบ้าน.
บ้านของชายหนุ่มอยู่อีกฟากหนึ่ง เขาไม่มีทางไป
ต้องนั่งเรือข้ามไป ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง...

ชายหนุ่มไปพบชายแจวเรือจ้าง ชื่อลุงป้อม ให้ช่วยพาข้ามฟาก

ชายหนุ่ม "เรือที่ใช้เครื่องยนต์...ไม่มีหรือลุง?"
ลุงป้อม "ไม่มีหรอกหลานชาย...ที่นี่มันบ้านนอก...ห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว...

ชายหนุ่ม  "โอ้.. มันล้าสมัยมากเลยนะลุง..โบราณ..มาก
ประเทศที่ผมไปเรียนอยู่นั้น เขาใช้เครื่องบินกันแล้ว.. ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก ไปส่งผมฝั่งโน้นคิดเท่าไรลุง...?"

ลุงป้อม  "60 บาทครับ..."
ชายหนุ่ม  "ตกลง...ไปเลยลุง"

ในขณะที่ลุงแจวเรือ...
หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัยความก้าวหน้าความศิวิไลช์ของต่างประเทศให้ลุงฟัง

ชายหนุ่ม  "ผมว่าเมืองไทย...เมื่อเทียบกับประเทศที่ผมไปเรียนแล้ว..ล้าสมัยมาก ไม่รู้คนไทยอยู่กันได้ยังไง ทำไมไม่พัฒนา ตามเขาให้ทัน... ลุงใช้คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ตเป็นไหม?"

ลุงป้อม  "ลุงไม่รู้จักหรอก ไอคอมพิวต้ง คอมพิวเตอร์อะไรนี่...ใช้ไม่เป็นครับ.."

ชายหนุ่ม  "โอ้โฮ...ลุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะชีวิตของลุงน่ะหายไปแล้ว 25 %...เอ้อแล้วลุงรู้ไหมว่าเศรษฐกิจของโลกตอนนี้เป็นยังไง ทำไมราคาน้ำมัน มันขึ้นเอา ขึ้นเอา...แทบทุกวัน?"

ลุงป้อม  "โอ้ เรื่องนี้ลุงก็ไม่รู้หรอก.."
ชายหนุ่ม  "ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไปแล้ว...50 %"

ชายหนุ่ม "ลุง ลุง..กลับมาเรื่องข้าวไทยบ้าง ลุงรู้ไหมว่าทำไมราคาข้าวในตลาดโลกถึงแพง?"
ลุงป้อม  "ลุงไม่รู้หรอกหลานเอ๊ย.. ชีวิตของลุง รู้อยู่อย่างเดียวว่า ทำยังไงถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น..."

ชายหนุ่ม "ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงน่ะ หายไปแล้ว...75 %"


พอดีช่วงนั้น...ท้องฟ้ามืดครึ้ม

ลุงป้อม-คนแจวเรือ แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า   "ดูเมฆดำนั่นซิพ่อหนุ่ม พายุคงจะมาในไม่ช้า"

ลุงป้อม  "นี่พ่อหนุ่ม..เรียนหนังสือมาก็เยอะ..จบดอกเตอร์มาจากต่างประเทศ ลุงบังอาจถามอะไรสักหน่อยได้ไหม...?"
ชายหนุ่ม  "ได้ซิ...จะถามอะไรหรือลุง...?"

ลุงป้อม  "พ่อหนุ่มว่ายน้ำเป็นไหม...?"
ชายหนุ่มพูดอย่างตกใจกลัว  "ว่ายน้ำ.. ผมว่ายน้ำไม่เป็นหรอก...ลุง"

ลุงป้อม "อะไรกัน คุณว่ายน้ำไม่เป็น.. คุณจบจากต่างประเทศ คุณรอบรู้ออกมากมาย  แต่ทำไมไม่เรียนวิชาว่ายน้ำด้วยเล่า  อีกประเดี๋ยวเถอะ  คุณจะรู้ว่าชีวิตของคุณกำลังจะหายไป 100 % แล้วหละพ่อหนุ่ม"

พายุพัดจัดขึ้น   เรือลำน้อยถูกคลื่นและลมพัดโยนขึ้นๆลงๆ
ในไม่ช้าก็ถูกคลื่นและพายุกระหน่ำจนเรือพลิกคว่ำ
ลุงป้อม-คนแจวเรือจ้างว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย   
แต่ทว่าด๊อกเตอร์ผู้น่าสงสาร จมหายไปใต้กระแสน้ำอันไหลเชี่ยวนั้น

     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : บางครั้งคนเรามีความรู้ตั้งมากมาย แต่เมื่อเกิดสถานการณ์คับขันขึ้นมา ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตตัวเองได้ อย่างที่โบราณเขาว่าไว้ "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" ดังนี้แล

อ้างอิง

 

beeman by Apinya

มนุษย์ผึ้งมหัศจรรย์  
神奇的蜂爷
  
(shen2  qi2  de1  feng1  ye2)

 

ของแถมจาก http://www.watsomanas.com/board/viewtopic.php?t=13

 

 

หมายเลขบันทึก: 189855เขียนเมื่อ 23 มิถุนายน 2008 19:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
จิตตีย์พร ตันติกูล

อึ้มห์!! ที่หนูเรียนมานี่ไช้ไปถึง 10% รึยังหนอ 555555

สงสารคนสอนจัง ฮือๆ !_!

ขอบคุณ หนูแก้มแหม่ม ที่เข้ามา Post ข้อคิดเห็นครับ..อิอิ

  • เรามาเรียนกันทำไมกันครับ ยังเป็นคำถามยอดฮิต
  • หลังๆ มานี่ นิสิตคนหนึ่งต้องใช้เงิน 4-5 แสนบาทกว่าจะเรียนจบปริญญา 4 ปี
  • เหนื่อยแทนคนเป็นพ่อแม่จังครับ..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท