จะมีสักกี่มากคนที่จะตั้งคำถามกับตัวเองว่า..."เรา" กำลังต้องการอะไร...ในชีวิต เพราะต่างวิ่งและแสวงหา...ถึงแม้บางครั้งสิ่งที่แสวงหานั้นจะได้มาครอบครองแล้วก็ตาม...แต่ "มนุษย์" ก็ยังไม่เพียงพอ..ที่จะไขว้คว้า...ในสิ่งนั้นๆ แล้วอะไรล่ะคือสิ่งที่เรากำลังต้องการ...
เหนือสิ่งอื่นใดที่ "มนุษย์" แสดงออก..และรับรู้นั่นคือ..พฤติกรรม คำพูด สีหน้า แววตา ท่าทาง บ่งบอกทางอารมณ์...แล้วภายใต้การแสดงออกนั้น..คืออะไร
เคยมีใครตั้งคำถามหรือไม่..
เพราะอะไรเราถึงมีพฤติกรรมอย่างนั้น..พูดอย่างนั้น...มีอารมณ์อย่างนั้น เพราะอะไร
เราคาดหวังอะไร..ต่อการแสดงออกนั้น เราอยากให้เกิดอะไร..
อยากให้อีกคน ชุมชน สังคม...รับรู้ว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรา
และหากเมื่อเขาเหล่านั้น..รับรู้แล้ว...เรารู้สึกอย่างไร...
หาให้เจอว่าเรารู้สึกอย่างไร..."ดีใจ เสียใจ ผิดหวัง..." หรือว่าอย่างไร
....................
เมื่อหาความรู้สึกเจอ..ถามตัวเองต่อไปอีกสิว่า...ที่รู้สึกอย่างนั้น..เรารู้สึกอย่างไรกับความรู้สึกนั้น (Feeling about Feeling) เช่น "รู้สึกเสียใจที่รู้สึกโกรธ..ให้เพื่อน" ความรู้สึกไม่ใช่ความคิด...เราต้องแยกให้ออก...เช่น.."รู้สึกว่าเขาไม่ชอบเรา" นี่คือความคิด แต่หากเปลี่ยนได้เป็น ---> "เรารู้สึกเสียใจที่เขาไม่ชอบเรา"...หาให้เจอกับความรู้สึกที่ซ่อนอยู่..และยอมรับ..ให้ได้
จากนั้นภายใต้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น...คืออะไร...เราคาดหวังอะไร...และลึกลงไปจากความคาดหวังนั้นล่ะ...คืออะไร..นั่นหมายถึง..จากความคาดหวังดังกล่าว...ส่งผลให้เราเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง....เมื่อเป็นไปตามที่เราคาดหวัง..นั่นคือ..ความอิ่มเอมใจใช่ไหม..และความอิ่มเอมใจนั้นคืออะไร...คือ "ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง..รู้สึกว่าเรามีค่า"..ตรงกันข้าม ลองตรวจสอบอีกครั้งว่า..หากไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง...นั่นทำให้เรารู้สึกไร้ค่าหรือไม่...หากเรายอมรับกับตนเองได้...เราจะเข้าใจตัวเราเองมากขึ้น...เมื่อเราเข้าใจตัวเราเองมากขึ้น...สิ่งที่ตามมาคือ..การมองมนุษย์..อย่างที่เรามองเรา..แล้วเราก็จะเข้าใจเขายิ่งขึ้น
" แท้จริงแล้วเราต้องการอะไร "
Peace within...> Peace between...> Peace among...
ความคิดและความรู้สึก
สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิต
ถ้าเราคิดและทำในสิ่งที่เราคิดว่าดี
เราเองจะเป็นคนตัดสินเองว่าเรามีค่าในตนเอง
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นไปตามที่เราหวังหรือไม่ก็ตาม
เหมือนดังที่ Dr.Ka-Poom ว่า
"ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง..รู้สึกว่าเรามีค่า"
คุณชายขอบ
"ความสุข"..คือ ความเชื่อที่
"มนุษย์" เราต่างวิ่งดิ้นรนและแสวงหา
ขอเพียงแค่เรา...ให้ความหมายได้ว่า..สุขนั้นคืออะไร..ที่เราต้องการ
และไม่เดือดร้อน..ใคร..ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนะคะ...
แล้วความสุข...ที่ว่านั้น คุณ "ชายขอบ"
นิยามว่าอะไรคะ ไม่อยาก ลปรร.
ให้ใครคนอื่นๆ..รับทราบล่ะคะ (ยิ้ม)
คุณ "คนข้างนอก"
"ความสงบ"...ในจิตใจ..คือ
สิ่งที่มนุษย์เราปรารถนา..
แต่นั่นก็ไม่ทั้งหมด...แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ดิฉัน...
ต้องการ...คือ..ความรู้สึกที่ว่า.."ฉันรู้สึกมีคุณค่า"...
โดยไม่จำเป็นต้องว่าเพื่อใคร..หากเป็นไปเพื่อตัวเอง
คุณ "ดอกหญ้า"
เชื่อในเรา..ศรัทธาในเรา..
ความเชื่อและความศรัทธาที่มีอยู่..
ไม่ทำให้เดือดร้อน..ทั้งเราและคนอื่น
เท่านี้..ก็เพียงพอ..
สำหรับการดำรงอยู่..เพื่อให้โอกาสตนและคนทั่วไป
Dr.Ka-poom
" ศานติ " ( Peace ) คือ ความสว่าง สะอาด สงบ เย็น แห่งจิต เมื่อใดที่จิต สว่าง สงบ เย็น ก็จะเกิด สุขในใจ และค้นพบตนเอง ตระหนักถึงคุณค่าแห่งตนและคุณค่าแห่งผู้อื่นอย่างเท่าเทียม เมื่อพบ "ตนที่แท้จริง" ก็ไม่ยากที่จะละวาง " ตนที่ถูกร้อยรัดด้วยพันธนาการต่างๆ " เมื่อละวาง " ตนที่ถูกร้อยรัดด้วยพันธนาการต่างๆ " ก็เกิด "ว่าง" เมื่อว่างใยมิใช่มรรคาแห่งการพ้นทุกข์ใดๆ ? และสุขที่แท้ย่อมเกิดขึ้นในใจตน ,คุณชายขอบตอบได้น่าสนใจว่าความสุขคือทำแล้วเราสบายใจเพราะเมื่อใดที่เราทำแล้วเราสบายใจแสดงว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ผิดต่อใคร และเมื่อไม่ผิดต่อใครก็ย่อมไม่มีใครเดือดร้อนเพราะเราเป็นเหตุเช่นเดียวกัน
" Self Esteem " = ความภาคภูมิใจในตนเอง หรือความรู้สึกว่าเรามีคุณค่าเกิดขึ้นได้ 2 ทาง ทางแรก เกิดด้วยตัวเองที่มองตัวเองว่ามีคุณค่าและทางที่ 2 เกิดจากคนรอบข้างเราให้คุณค่ากับตัวเราเอง ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากทางใดทางหนึ่งหรือทั้ง 2 ทางก็ตาม ความรู้สึกที่ตระหนักถึงคุณค่าในตนเองย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีคุณค่าตลอดไป " เชื่อในสิ่งที่ตนคิด มั่นใจในสื่งที่ตนเชื่อ ตัดสินใจด้วยตนเอง...>คุณค่าในตน "
เมื่อใดรู้สึกท้อแท้.. อ่อนแอ..หมดความกล้าหาญ
จำไว้มั่นในดวงมาลย์ " ..ทุกสิ่ง..ต้องการเวลา "
คุณ "คนข้างนอก"
ในเวทีเสมือน..แห่งนี้...สื่อสัมผัสที่มี
เพียงแค่..ผ่านตัวอักษร..ที่ถักทอ...
หากแต่รับ...และสัมผัสได้..
ถึง "มิตรภาพ"...ที่ไม่มีเงื่อนใดใด
ขอบคุณ...ที่คอยอยู่..ณ..ตรงนี้
ในที่เวที..เสมือน..