สำหรับการศึกษาดูงานบ.โตโยต้า ที่จัดขึ้นโดยเครือข่าย UKM
ในวันที่ 10 มี.ค.49 นี้
ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นและกระตือรือร้นเป็นพิเศษทำให้มีเตรียมร่างกายและเตรียมใจอย่างเต็มที่
สาเหตุเนื่องมาจาก
1.เป็นการศึกษาดูงานจริงๆ
เป็นครั้งแรกของชีวิตการทำงานตลอดระยะเวลา 6-7
ปีที่ผ่านมา
ซึ่งโดยปกติจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับสถาบันอื่นๆ
ที่มาศึกษาดูงาน NUQA และเครือข่าย UKM
2.มีการตั้งวัตถุประสงค์ไว้อย่างชัดเจนว่าจะนำความรู้
และสิ่งดีดีที่ได้มาเพื่อมาปรับใช้กับมหาวิทยาลัยของเรา
ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับการผลักดัน (กดดันเล็กๆ)
จากท่านอาจารย์วิบูลย์
ก่อนอื่นในฐานะผู้ประสานงานในส่วนของม.นเรศวร ต้องขออภัยคณาอาจารย์และบุคลากรทุกท่านที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันทุกท่าน ที่ดิฉันบกพร่องในการคาดการณ์เวลาและเส้นทางในการเดินทางทำให้การเข้าร่วมศึกษาดูงานครั้งนี้เกิดความล่าช้าไปบ้าง (ซึ่งหวังว่าคงจะได้รับการให้อภัยจากทุกท่านนะคะ) ขอขอบคุณพี่เมตตา (ผู้ประสานงานหลักจากมอ.) เป็นอย่างสูงสำหรับการประสานงานทีดีเยี่ยม และที่ขาดไม่ได้คือพี่วิทยา พขร.ของเราที่สามารถทำเวลาและให้ความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับเราเป็นอย่างดี
สำหรับรายละเอียดของการบรรยายของคุณสุทิน
ท่านสามารถติดตามอ่านรายละเอียดได้จาก blog ของอาจารย์
beeman นะคะ
โดยดิฉันขอเพิ่มเติมในส่วนของ “ทำไมต้องมี Toyota Way 2001”
สรุปได้ 3 ข้อ คือ
1. การเจริญเติบโตของบริษัท Challenge
& Growth
2. ความแตกต่างของภาษา
และวัฒนธรรมของบุคลากรในบริษัท (บ.โตโยต้า
ในประเทศออสเตรเลียมีบุคลากรใช้ภาษาแตกต่างกันถึง 20 ภาษา)
3. เป้าหมายที่จะเป็นที่ 1 ใน Market
share ของทั่วโลก
สิ่งหนึ่งที่ดิฉันคิดว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โตโยต้าประสบความสำเร็จสิ่งหนึ่งน่าจะมาจากที่
โตโยต้าให้ความสำคัญและนับถือความคิดเห็นของคนในทุกระดับ
และสามารถปลูกฝังให้ “พนักงานทุกคนทำงานเหมือนเป็นเจ้าของบริษัท” ประกอบด้วย
- มีนโยบาย no layoff policy
-
กระตุ้นให้พนักงานทุกคนทุกระดับกล้าคิดกล้าเปิดเผยปัญหาทุกปัญหา
(บริหารงานด้วยปัญหาที่ถูกเปิดเผยออกมาจากพนักงาน)
และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การถ่ายทอดวิธีการแก้ปัญหา (ความรู้)
ที่ได้พัฒนาขึ้นมาให้กับผู้อื่นได้นำไปใช้ต่ออย่างไม่หวง
โดยเทคนิคในการแก้ปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ “go to see” คือ
เมื่อพนักงานมีปัญหาตรงจุดใดหัวหน้างานจะต้องพร้อมเข้าไปดูปัญหา ณ
จุดนั้น หาต้นตอ/สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา
และตัดสินใจแก้ไขอย่างถูกต้องโดยโดยไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งในทันที
-
มีค่าตอบแทนและสวัสดิการค่อนข้างสูง
ในช่วงการเยี่ยมชมโรงงานได้พบกับบรรยากาศการทำงานของคนทำงานที่คล้ายได้รับการลงโปรแกรมให้ทำงานในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบอย่างมีสมาธิในทุกวินาที
(การทำงานทุก 2 ชม. จะได้พัก 10 นาที)
ซึ่งดิฉันเองคงไม่กล้าที่จะฟันธงถึงความสุขในการทำงานของคนในโรงงาน
แต่สามารถฟันธงได้ว่าตัวเองมั่นใจในความรู้สึกที่มีความสุขในการทำงานในมน.
มากขึ้นอีกโข
แต่ด้วยการทำงานในแบบโตโยต้าทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มาคุ้มค่าอย่างที่เราเห็น
มาถึงช่วง AAR
ซึ่งท่านอาจารย์ประพนธ์ ได้บอกกับเราว่า ไม่เคยทำ AAR
ในลักษณะนี้ คือ
1. ไม่เคยทำ AAR
ในร้านอาหาร
ซึ่งบรรยากาศทำให้ชวนคาราโอเกะกันมากกว่า
2. ไม่เคยทำ AAR
โดยมีคนร่วมมากขนาดนี้
3. ไม่เคยทำ AAR
ก่อนเวลาทานอาหาร
เพราะความทรมานจากความหิวอาจทำให้เราวอกแวกไปบ้าง
โดยท่านได้ทบทวนโจทย์ของการทำ AAR
ให้เราอีกครั้งคือ
1. ความคาดหวัง / เป้าหมาย
2.
ได้อะไรตรงตามวัตถุประสงค์บ้าง
3.
อะไรที่ไม่ได้ตามความมุ่งหวัง
4.
อยากจะนำเอาอะไรกลับไปทำที่มหาวิทยาลัย
AAR
ความคาดหวัง
/ เป้าหมาย
1. ในฐานะผู้ประสานงาน
คาดหวังว่าการเดินทางไปศึกษาดูงานครั้งนี้จะทำให้ผู้ร่วมเดินทางได้รับความสะดวกให้มากที่สุดตั้งแต่ก่อนเดินทาง
เริ่มออกเดินทาง จนกลับถึงที่หมาย
(ซึ่งก็บกพร่องไปบ้างอย่างน่าให้อภัยนะคะ)
2. ในฐานะผู้เข้าร่วมศึกษาดูงาน
เนื่องจากดิฉันอยู่ระหว่างการมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการวางระบบการจัดการความรู้ของมน.
จึงหวังว่าจะนำความรู้ที่ได้ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติมาปรับเข้ากับบริบทของมหาวิทยาลัยในการจัดทำแผนดังกล่าว
เพื่อให้บุคลากรในมน. เป็นบุคคลเรียนรู้ เพื่อให้
มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการเรียนรู้
ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้
ได้อะไรตรงตามวัตถุประสงค์บ้าง
1.
ได้เห็นภาพรวมของการจัดการความรู้ของโตโยต้า
โดยเฉพาะในเรื่องการให้ความสำคัญกับบุคลากร
อะไรที่ไม่ได้ตามความมุ่งหวัง
1.
ไม่ได้ทราบเทคนิคในการพัฒนาคนให้เป็นบุคคลเรียนรู้อย่างที่ได้บรรยายไว้
2.
ไม่ได้เห็นคลังความรู้ที่โตโยต้าได้รวบรวมมาจากบุคลากร
(ซึ่งเป็นเรื่องที่เค้าให้ความสำคัญค่อนข้างมาก)
อยากจะนำเอาอะไรกลับไปทำที่มหาวิทยาลัย
1.
นำสิ่งที่ได้กลับไปเป็นส่วนหนึ่งของการวางระบบการจัดการความรู้ของมน.
เพื่อให้บุคลากรของมน. มี DNA .ในแบบของเรา
2.
เป็นตัวคูณที่ดีที่จะนำความรู้กลับไปฝาก NUKM Staff
ที่ไม่ได้มากับเราต่อไป
สรุปได้ว่าช่วงเวลาที่เป็นประโยชน์สูงสุดอีกช่วงหนึ่ง คือ
ช่วงของการทำ AAR
ซึ่งดิฉันได้รับประโยชน์มากขึ้นตามจำนวนของคนที่มากไปด้วย
และสิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ อุปสรรคต่างๆ
ไม่สามารถจำกัดความคิดผู้เข้าร่วมทุกท่านได้
ยอดเยี่ยมเลยตูน สำหรับบันทึกนี้ กระทัดรัด ชัดเจน ได้ประเด็นสำคัญ อยากให้มีการบันทึกทำนองนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
แต่ขอแนะนำนิกนึง คำว่าอย่างน่าให้อภัยแนะนำให้คนอื่นเขาพูดน่าจะดีกว่า ตัวตูนเองน่าจะพูดทำนองว่าข้าสมควรตาย
ก่อนอื่น ขอแสดงความยินดี ค่ะ กับรางวัล ที่เพิ่งได้หมาด ๆ งานนี้ มอ. สบายจัง อ่าน AAR ของ มน. แล้วเอามาสังเคราะห์ และสรุปรวมของคนอื่น ๆ เพิ่มเติมจากที่จดไว้ อีกไม่มากนัก เป็นการช่วยกัน สังเคราะห์ สิ่งที่ได้เรียนรู้ ดูมาจริง ตลอดปีนี้ มอ.ฐานะฝ่ายเลขานุการเครือข่าย แอบอายนิด ๆ ที่ (ทำไงดีให้ เราใช้ blog ได้ แบบหลาน ๆ มน.) คงต้องเป็นโจทย์ให้คิดหลายตลบ ที่จริงก็คิดมาหลายตลบแล้วหล่ะ แต่หาเวลา จับเข่าคุยกับกรรมการฯ อยู่ มีอะไรที่เป็น เคล็ดลับดี ๆ โปรดถ่ายทอด
ก่อนอื่น ขอแสดงความยินดี ค่ะ กับรางวัล ที่เพิ่งได้หมาด ๆ งานนี้ มอ. สบายจัง อ่าน AAR ของ มน. แล้วเอามาสังเคราะห์ และสรุปรวมของคนอื่น ๆ เพิ่มเติมจากที่จดไว้ อีกไม่มากนัก เป็นการช่วยกัน สังเคราะห์ สิ่งที่ได้เรียนรู้ ดูมาจริง ตลอดปีนี้ มอ.ฐานะฝ่ายเลขานุการเครือข่าย แอบอายนิด ๆ ที่ (ทำไงดีให้ เราใช้ blog ได้ แบบหลาน ๆ มน.) คงต้องเป็นโจทย์ให้คิดหลายตลบ ที่จริงก็คิดมาหลายตลบแล้วหล่ะ แต่หาเวลา จับเข่าคุยกับกรรมการฯ อยู่ มีอะไรที่เป็น เคล็ดลับดี ๆ โปรดถ่ายทอด