18 พฤษภาคม เมื่อคืนนี้มีประชุมกันต่อหลังจากงานบายศรีและโชว์อีแซวจากอีหนูและไอ้หนูเสียงเหน่อ เป็นการประชุมแจ้งข่าวดีและความตั้งใจของอ.ธวัชชัยที่จะทำงานต่อไปให้กับ G2K ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้า 3 ท่าน ซูซาน อ.ธวัชชัย และ ท่านเทพ ฉันรู้สึกประหลาดใจ ก็เขาทั้งสามหนุ่มสาวกว่ารูปค่ะ นี่เป็นสัญญาณแสดงว่า ถ่ายรูปไม่ขึ้นกล้องกันเลยนะนี่ ก็ถ่ายแล้วแก่กว่าตัวจริงนี่นา ที่ประชุมมีการทำ AAR เพื่อช่วยให้ความเห็นแก่ อ.ธวัชชัย หันไปมองรอบๆ เสียดายมากที่มีคนอยู่ไม่มาก มีการวนไมค์รอบ ฉันนั่งฟังไปด้วยไม่นึกว่าจะโดนหางเลขให้พูด จำได้ว่าพอพูดจบมีคนฮือฮาว่าเป็นหมีนะนี่ กิจกรรมได้จบลงเวลาเกือบ 5 ทุ่มค่ะ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับที่พัก ฉันไปที่บ้านใหญ่ เปิดอ่านบล็อกแล้วก็เข้านอน ก่อนจะเข้านอนเห็นแสงจันทร์สวยสว่างน่าดู เลยใช้กล้องถ่ายและส่งภาพเข้าประกวดด้วยค่ะ โชคดีจริงๆได้รางวัลชมเชยมาด้วยละค่ะ
ตื่นเช้าเตรียมพร้อม คิดว่าพ่อครูจะพาเข้าสวน กินขนมรองท้องกัน แล้วพ่อครูก็ระดมพล คาดว่าจะเดินไปกันไกลๆ ที่ไหนได้เดินกันแค่หน้าบ้านใหญ่ วันนี้ได้ยินชื่อไม้แปลกๆหลายต้น เช่น ว่านสาวหลง ต้นกวานฮ็อก เป็นต้น ชัวร์ป๊าดเลยค่ะว่าแค่เดินหน้าบ้านเพียงแค่ 5 เมตร ก็มีเคล็ดหลุดจากพ่อครูบาหลายเรื่อง เรียนรู้กันแล้วกินข้าวเช้ากันต่อแล้วจึงเริ่มอบรมต่อ
วันนี้ไม่ให้นอน แต่ให้นั่งฟังเพลงเพราะๆสักครู่ แล้วให้จับกลุ่มเป็นผึ้งและดอกไม้ ให้คนหนึ่งเป็นดอกไม้นั่งนิ่งๆ รอให้ผึ้ง 2 คนบินมาหา โดยมีกติกา ผึ้งที่บินมาต้องไม่รู้จักกันและไม่รู้จักดอกไม้ พบกันแล้วให้กลุ่มคุยแลกเปลี่ยนกัน เรียนรู้จากเมื่อวานจะมีกลยุทธอะไรไปใช้ในฐานะกระบวนกร คุยครบ 3 คน ก็สลายกลุ่ม และให้ทำซ้ำรอบใหม่ แล้วจัดกิจกรรมสะท้อนรู้สึกอย่างไร โดยใช้กิจกรรมอ่างปลา ซึ่งให้นั่งเป็นวงสองวง วงใน 5 คน ที่เหลือล้อมอยู่วงนอก ให้คนวงในสะท้อนก่อน สะท้อนความรู้สึกที่อยู่ภายในบอกออกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ใครอยากบอกเมื่อไรให้ยกมือว่าจองพูด รอกันได้เรื่อยๆไม่เร่งรัดว่าต้องพูด
วงในพูดครบหมด จึงให้คนวงนอกเข้าไปร่วม สมัครพูดทีละคน 2 คนไปได้เรื่อยตามใจอยาก สังเกตว่าตอนนี้ มีคนร่วมพูดไม่หมด คนที่พูดสะท้อนความรู้สึกให้ได้เรียนรู้ ใจคนเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไรก็มาก คนพูดแลกความรู้ให้คนอื่นแต่ไม่พูดความรู้สึกว่าเป็นอย่างไรออกมาก็พอมีอยู่ จึงได้เรียนรู้อีกครั้งว่า ถ้าใจไม่หลุดออกจากการปกป้องตัวเอง จะแยกความรู้สึกกับความคิดออกจากกันไม่ได้ ประสบการณ์วันนี้ ฉันต้องขอบคุณหลายคน โดยเฉพาะสิงห์ป่าสักที่ทำให้ฉันกระจ่างในใจ รู้ใจตัวเองมากขึ้นว่ารับรู้ความรู้สึกมันทันหรือไม่ หรือว่าสมองมันหลอก ให้รับรู้ว่ามันทันร่ำไป
( จิ๊กมาจากไฟล์อ.ขจิตค่ะ)
พอถึงตอนบ่าย อาจารย์ให้นอนผ่อนคลาย นอนกันจนหลับไปเลยก็มี หลังจากที่หลับก็ถูกปลุกให้ตื่น ให้ลุกขึ้นนั่งแล้วก็ให้ไปเดินหาธรรมชาติ เลือกดูต้นไม้และมองดูมัน ในขณะดูมันให้ฝึกการฟัง การตามความรู้สึก กิจกรรมตอนนี้แหละที่หมอเบิร์ดหลบไปเรียงอิฐที่หน้าตูบข้างบ้าน คนอีกหลายคนพาตัวไปเลือกต้นไม้
ฉันเดินไปหน้าบ้านนั่งมองต้นกวานฮ็อก แล้วก็พบกับประสบการณ์บางอย่าง เมื่อเริ่มไปมองจะไปมองแบบจ้อง ไม่เห็นตั๊กแตนตัวเล็กบนใบไม้เมื่อเริ่มตั้งใจจ้อง เห็นแต่ใบไม้ใบเดียวไม่เห็นต้นข้างๆ ขอบเขตและแสงดูไม่เห็นจะชัด พอเบนสายตาไปมองอย่างอื่นแล้วหันกลับมามองใหม่ เอ๊ะ! มีตั๊กแตนตัวน้อยอยู่ตัวหนึ่ง มันเกาะใบแน่นเลยนะเวลาลมพัด แสงเงาของใบก็ดูเปลี่ยนไป เห็นต้นที่อยู่ข้างๆขึ้นบ้างแต่ไม่หมด นึกแปลกเลยหันหันไปมองเพื่อนๆ รู้สึกเหมือนมีใจคุยด้วยหนา เพื่อนๆเขากำลังทำอะไรกันอยู่ บางคนคุยกันอยู่ บางคนเดินไปกันหลายคน หันกลับมาดูใบไม้ใหม่อีกหน คราวนี้ไหงมันเห็นทุกต้นเลยละ แม้แต่ตั๊กแตนตัวน้อยเห็นทันทีที่มอง
ภาพแรกที่มองเห็นตอนจ้องมอง
บทเรียนมองครั้งแรกบอกให้ใจมันชัด ว่าผิดถนัดที่คิดว่ามองเห็นหมด เป็นเพราะมีความคิดและความคาดหวัง ความคิดที่สั่งให้จ้องมั๊ง แล้วพอมองใหม่ไม่สั่งให้จ้อง มองมันง่ายๆอย่างไม่ตั้งใจมอง ไม่คาดหวังจะค้นหา คราวนี้พบว่ามันมองเห็นมากขึ้นแนะ พอมองซ้ำอีกทีด้วยใจรับรู้ อ้าวไหงที่เห็นมันมองเห็นหมดทุกต้นรวมทั้งตั๊กแตน หรือนี่มั๊งอิทธิฤทธิ์ที่ใจเปิด จึงมองปร๊าดเดียวเห็นได้ทั้งหมด
ภาพที่มองเห็นแวบแรกตอนเลิกจ้อง
ภาพที่เห็นแวบที่สอง เมื่อมองใหม่
วันนี้วันสูบบุหรี่โลก
เอาอีกแล้ว ต๊าย..เสียดาย เขียนบันทึกดีดีแล้ว save มันก็หลุด เอาใหม่ก็ได้..อิอิ
ชีวิตเราถูกหล่อหลอมมาอีกแบบ โดยเฉพาะการฟัง เรามีเบ้าหลอมอีกแบบหนึ่ง เมื่อมาสัมผัสการมองแบบใหม่ หรือการฟังแบบใหม่และเป็นสิ่งที่ดีดีที่เราได้พบ
เอเมื่อเรากลับไปในสิ่งแวดล้อมเดิมๆตามปกติมุมมองของการฟังแบบนี้จะกลับไปเหมือนเดิมไหม น่าจะเป็นอย่างนั้น
พี่มีโอกาสคุยกับอาจารย์ ว่า..เอ...การที่เราฟังเสียงข้างในต้องเป็นการฝึก และจริงๆคือการฝึกจิตของเรานั่นเองใช่ไหมอาจารย์ อาจารย์เอามือตบเก้าอี้เลย...ใช่แล้วพี่..
เอความจริงเรื่องการฝึกจิตนั้นเป็นเรื่องของศาสนาต่างๆที่สอนเรามานานแสนนานแล้วน่ะซี..อาจารย์ตบเก้าอี้อีกครั้ง แล้วก็ว่าใช่แล้วพี่..
พี่พูดต่อว่า เพียงศาสนาที่เราพบนั้นอ่านตามคำภีร์ หรือภาษาสันสกฤติที่แค่ผ่านหูไปเฉยๆ แต่ ขวัญเมือง นี่เอามาอธิบายใหม่ในภาษาปัจจุบันซึ่งเรารับง่ายกว่า ใช่ไหม...
อาจารย์ตบเก้าอี้อีก ครางนี้เสียงดังขึ้น ใช่แล้วพี่..อาจารย์ว่าเช่นนั้น
แล้วเราไปทำอะไรมาเนี่ยะ..ถึงห่างไกลการฝึกฝนจิตตามหลักศาสนาล่ะ หือ.. อิอิ
พี่บางทรายโชคดีนะที่อาจารย์ตบเก้าอี้ สมัยก่อนพวกเซน พวกเต๋าอาจโดนเคาะหัว อิอิ
เรื่องของจิตใจสามารถอธิบายและศึกษาได้หลายแนวทาง แต่เสียดายที่เรื่องของพุทธศาสนา ธรรมะ ส่วนใหญ่คนไทยเรามาติดอยู่ที่พิธีกรรม ไม่ได้ศึกษาจริงๆจังๆ ทั้งๆที่มีเรื่องดีๆให้ศึกษาเรียนรู้มากเลย
คนที่เรียนรู้ธรรมะ ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิมาก่อน จะเข้าใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
พอเริ่มเข้าใจหลักการก็ยังไม่จบ ต้องฝึกปฏิบัติต่อ ต้องใช้เวลานานพอสมควรแล้วแต่บุคคล
การฝึกปฏิบัติ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับอาจารย์และสหายร่วมแนวทาง ก็จะช่วยให้เข้าใจและพัฒนาได้เร็วขึ้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องฝึกปฏิบัติ อิอิ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ เสียดายไม่ได้ร่วมกิจกรรมจนเสร็จสิ้น ไม่ได้กอดลา หวังว่า คงมีโอกาสอีกครั้ง
สวัสดีครับพี่หมอเจ๊
อ่านบันทึกของพี่ไปเรื่อยเก็บความรู้ไปเรื่อย แล้วก็เสียดายไปเรื่อยเหมือนกันที่ไม่ได้ไป แต่ต้นที่พี่หมอเจ๊เอามาประกอบภาพเป็นต้น แป๊ะตำปึง หรือแป๊ะตำตึง ไม่ใช่ฮวานก๊อกหรือ ฮว่านง็อก หรือกวานฮ็อก พรุ่งนี้จะถ่ายต้น ฮว่านง็อก ให้ดูครับ แต่ผมกินทั้งสองแบบวันละ ๗ ใบ ว่ากันว่ามันช่วยรักษาเบาหวานและความดัน ไม่รู้จริงหรือเท็จ ผมกินมันทั้งสองชนิดมาเป็นปีแล้ว น้ำตาลปัจจุบันเมื่อเช้าวัดได้ ๑๐๐ ล่าสุดค่า HbA1c ก็วัดได้ ๖.๙ ครับ(ช่วงที่ต้อนรับชาว G2K กินเยอะหน่อยเพราะเหนื่อย แล้วที่งานศพพี่ชายคุณแอ๊ดก็เล่นทุเรียนเสียด้วย อิอิ) ความดันปกติ ค่าตับ ไต ไขมัน ยูริค ปกติหมดทุกอย่างครับ แต่ออกกำลังด้วยครับ
สวัสดีครับ
มาชวนไปดู กิจกรรมเด็ก ๆ ที่โรงเรียน ครับ
น่ารักดี ที่นี่ นะครับ