แนวทางสำคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8
มีแนวโน้มว่าจะนำไปใช้ต่อในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9
มีประเด็นสำคัญ 3 เรื่องคือ 1) เศรษฐกิจพอเพียง 2) ชุมชนเข้มแข็ง และ
3) เกษตรปลอดสารพิษ ซึ่งเส้นทางการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน
จะต้องนำประเด็นสำคัญทั้ง 3
นี้มาประยุกต์ใช้กับชุมชนเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่
9
อีกทั้งยังจะช่วยให้ประชาชนในชุมชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
ทำให้ลดปัญหาทางสังคมเช่น ปัญหาการลักขโมยของผู้อื่น ฉกชิงวิ่งราว
ปัญหาด้านอาชญากรรม เป็นต้น
แนวคิดที่สามารถนำไปปฏิบัติจริงในชุมชนได้โดยอาศัยประเด็นสำคัญทั้ง 3
ประเด็นมีดังนี้
1)
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงมีเป้าหมายชัดเจนคือ การพึ่งตนเองได้
ในระดับที่สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน (Basic minimum
need) เป็นอย่างน้อย
ส่วนวิธีการก็คือการใช้หลักทางสายกลางในแง่ความสัมพันธ์กับมนุษย์โดยจะต้องไม่
ละโมบ เอาเปรียบผู้อื่น
และในแง่ความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
ก็จะต้องดูแลรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมที่ไม่ก่อให้เกิดความสิ้นเปลือง เสื่อมโทรม
เสียหายและเกิดมลพิษ
แต่ในความเป็นจริงแล้วเศรษฐกิจพอเพียงไม่สามารถรับใช้และตอบสนองระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรียุคโลกาภิวัตน์
ในปัจจุบันได้
เนื่องจากปัจจุบันมีการแข่งขันด้านวัตถุและการบริโภคอย่างไม่รู้จักพอ
2)
ชุมชนเข้มแข็ง
การจะเกิดชุมชนเข้มแข็งได้
ต้องมีกระบวนการประชาคมที่อยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมชุมชน นั้นๆ
มิใช่เป็นการผลักดันจากฝ่ายราชการ หรือนักวิชาการ
การพยายามจัดเวทีประชาคมเพียงชั่วครั้งชั่วคราวไม่อาจเกิดกระบวนการประชาคมที่ต่อเนื่องจริงจัง
เพราะเป็นเพียงพิธีกรรมไม่ต่างกับการทอดกฐิน ผ้าป่า
เมื่อเสร็จพิธีแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับไปอยู่บ้านตัวเองแบบ
“ตัวใครตัวมัน”
ที่สำคัญกระบวนการประชาคมจะต้องมีสมาชิกของชุมชนที่มีลักษณะเป็น
“พลเมือง” (Civility) กล่าวคือ 1) มีความเป็นคนดีมีศีลธรรม (ศีลเด่น)
2) มีความสามารถพึ่งตนเองได้ (เป็นงาน) และ 3)
มีสติปัญญารู้จักแก้ไขปัญหาเมื่อต้องเผชิญและคิดอ่านปรับปรุงให้ดีกว่าเดิมไม่หยุดความรู้กับที่
(ชาญวิชา)
แต่ปัญหาของสังคมไทย คือ
สมาชิกของชุมชนส่วนใหญ่มีคุณสมบัติเป็นเพียง“ราษฎร”
(Population) กล่าวคือ ยังขาดคุณสมบัติ 3 อย่างข้างต้น
ดังจะเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ ขาดศีลธรรม ไม่มีแม้แต่ศีลห้า
มุ่งแต่รอรัฐบาลและราชการช่วยเหลือขาด ความคิดพึ่งตนเอง
ตลอดจนไม่ศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจไม่คิดแก้ไขปัญหา อยู่ไปวัน ๆ
ไม่ฝึกฝนตนเอง คุณสมบัติดังกล่าวจึงไม่สามารถเรียกว่า เป็นประชาคมได้
เป็นได้เพียง “หมู่บ้านของราษฎร” เช่นเดียวกับที่เป็นมาเมื่อ 700
กว่าปีที่แล้วเท่านั้น แตกต่างกันที่มีความเจริญทางวัตถุมากกว่า
3)
เกษตรปลอดสารพิษ
เกษตรปลอดสารพิษ คือการเน้นกิจกรรมการเกษตรที่ไม่ใช้สารพิษเลย
แต่ใช้เทคนิคทางชีวภาพในการควบคุมศัตรูพืช เช่น การปลูกพืชหลายชนิด
การใช้สารสะกัดจากธรรมชาติปราบศัตรูเช่น สะเดา ตระไคร้หอม โสน
กระเทียม ฯลฯ
ซึ่งการไม่ใช้สารพิษเลยจะยุ่งยากและได้ผลผลิตน้อยกว่าใช้สารพิษ
เกษตรปลอดสารพิษ ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาอย่างหลากหลาย เช่น
“เกษตรกรรมธรรมชาติ” ที่เน้นหลักการไม่ใส่ปุ๋ยเคมี ไม่ไถพรวน
ไม่ใช้สารเคมีและไม่กำจัดวัชพืช “เกษตรทฤษฎีใหม่”
ที่เน้นหลักการพึ่งพาตนเอง การจัดการน้ำในไร่นาอย่างเหมาะสม
และปลูกพืชผักเพื่อการบริโภคให้พอเพียงและอื่น ๆ
ดังนั้นหากแต่ละชุมชนมีคนในชุมชนที่เข้มแข็งมีการทำอาชีพเกษตรกรรมโดยยึดหลักการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ
ก็สามารถทำให้ชุมชนนั้นสามารถที่จะดำรงอยู่ได้ตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง
ขอบคุณค๊า บ.
พอดีเรียนเรื่องนี้พอดีเลยงะครับ บ.
ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆค๊าบ บ.
^__________^"
ขอบคุนคับ
ขอบคุนจ้า
อาจารย์ให้ทำรายงานเรื่องนี้อ่ะ
หาเจอแล้วโชคดีไป
ผมอ่านแล้วชอบมากเลย ผมทำงานอยู่สายพัฒนาองค์กรชุมชน ผมอยากให้ช่วยวิเคราะห์ เรื่อง การจัดสวัสดิการชุมชนจะเข้มแข็งได้ในความคิดของท่าน เป็นอย่างไร ถ้าไม่ลำบาก e-mail ก็ได้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ (sunan9945@hotmail,com)