beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

ข่าวดีและข่าวไม่ดีของกลุ่มผู้เลี้ยงผึ้ง


เนสท์เล่ อนุมัติซื้อน้ำผึ้ง จำนวน 100%ของที่ขอไป น้ำตาลและน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตขึ้นราคา

ข่าวดี : เมื่อเช้านี้ (9 มีนาคม 2549) เวลาประมาณ 9 โมงเศษ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งภาคเหนือตอนล่างแห่งประเทศไทย อ.เสวก พ่วงปาน โทรมาจากอุตรดิตถ์ บอกว่า "เนสท์เล่ อนุมัติถังบรรจุน้ำผึ้ง จำนวน 970 ถัง (100% ของที่ขอไป)"

ขยายความ ความหวังของกลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งก็คือ การขายน้ำผึ้งลำไยให้กับบริษัทเนสท์เล่ เนื่องจากให้ราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งปีที่แล้วสมาชิกในกลุ่ม ได้รายละไม่กี่ถัง คำว่า "ถัง" หมายถึง ถึงขนาด 200 ลิตร ซึ่งเมื่อบรรจุน้ำผึ้งความชื้น 21 % จะได้น้ำผึ้งหนัก 275 กิโลกรัม (ชั่งเป็นน้ำหนักจะยุติธรรมกว่าตวงเป็นปริมาตร) ซึ่งหมายความว่าปีนี้ กลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งภาคเหนือตอนล่างแห่งประเทศไทยกับกลุ่มสหกรณ์ผู้เลี้ยงผึ้งอุตรดิตถ์ จะส่งน้ำผึ้งให้บริษัทเนสท์เล่ได้ประมาณ 267 ตัน หรือ 270,000 กิโลกรัม ซึ่งเทียบกันไม่ได้กับปีที่แล้ว ผลพวงน่าจะมาจากการจัดการกลุ่มที่มีระบบมากยิ่งขึ้น (ใช้หลักการของ KM เข้าไปช่วยจัดการ)  สำหรับปีนี้ผู้เลี่ยงผึ้งของกลุ่มแต่ละคนก็จะขายน้ำผึ้งได้เงินหลักแสนกันถ้วนหน้า (มีคนสมหวัง ก็ต้องมีคนผิดหวังบ้างเป็นธรรมดา)

หมายเหตุ : วันที่ 10 มีนาคม 2549 เวลาประมาณ 15.30 น. อ.เสวกได้โทรมาบอกว่า เนสท์เล่จำเป็นต้องเสียคำพูด อนุมัติถังให้กลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งภาคเหนือตอนล่างแห่งประเทศไทยเหลือเพียง 70 ถึงเท่านั้นครับ...ปวดหัว

ข่าวไม่ดี : เมื่อวานราคาน้ำตาลทรายในประเทศขยับขึ้นราคา ราคาควบคุมมาอยู่ที่ 17.50-18.50 บาทต่อกิโลกรัม หมายความว่า ผู้เลี้ยงผึ้งซึ่งแม้จะซื้อน้ำตาลราคาถูกอยู่แล้ว ก็จะต้องควักกระเป๋าเงินจ่ายเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 3 บาท นอกจากนั้นน้ำมันดีเซลยังขยับราคาอีก 40 สตางค์ รวมความแล้ว ผลผลิตน้ำผึ้งแต่ละกิโลกรัมของปีที่แล้วซึ่งต้นทุนการผลิตอยู่ที่กิโลกรัมละ 42 บาท จะต้องเพิ่มไปเป็นประมาณ 45 บาท ครับ แต่ผลพวงเหล่านี้จะไม่กระทบกระเทือนผู้บริโภคเท่าไหร่ เพราะน้ำผึ้งราคาขายปลีกคงยังไม่กล้าขยับขึ้นราคา ครับ..

ขยายความ อ.หมอวัลลภ ถามมาว่า (ตรงแถบสี) เอาน้ำตาลไปทำอะไรในกระบวนการเลี้ยงผึ้ง น้ำตาลทราย (Sucrose) ใช้หลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวน้ำผึ้ง คือ พอเราเอาน้ำผึ้งออกจากรังผึ้ง เช่น เอาน้ำผึ้งลำไยออกจากรังผึ้งในเดือนมีนาคมต่อเดือนเมษายน ผึ้งในรังก็จะอยู่ไม่ได้เพราะคนเลี้ยงผึ้งเอาน้ำหวานที่เขาจะสะสมไว้กินในรังทั้งปี ออกไปหมดแล้ว คราวนี้เราก็ต้องเสริมน้ำตาลให้เขาเพื่อให้เขาอยู่รอดไปถึงฤดูกาลเก็บน้ำผึ้งรอบใหม่ ครับ

    ขอให้เข้าใจว่า น้ำผึ้งเป็นน้ำหวานจากดอกไม้ที่ผ่านกระบวนการบ่มให้เป็นน้ำผึ้งสุกในรังผึ้ง เป็นของธรรมชาติ แม้จะเป็นผึ้งเลี้ยงแต่น้ำผึ้งในรังก็เป็นของธรรมชาติ 100 % ไม่มีการใส่น้ำตาลทราย ลงไปในกระบวนการเก็บน้ำผึ้งครับ (สำหรับผู้ที่มีความซื่อสัตย์/จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ)

Note : จ่ายเงินค่าถัง 11 มีนาคม รับถัง 14 มีนาคม 2549

 

หมายเลขบันทึก: 18263เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2006 17:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กรกฎาคม 2013 15:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์
  • ขอขอบคุณอาจารย์ที่กรุณาให้ความรู้เสมอมา...
  • ข้อความต่อไปนี้คัดลอกจากบันทึกของอาจารย์...
  • "...ผู้เลี้ยงผึ้งซึ่งแม้จะซื้อน้ำตาลราคาถูกอยู่แล้ว ก็จะต้องควักกระเป๋าเงินจ่ายเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 3 บาท..."
  • ตรงนี้เข้าใจว่า การเลี้ยงผึ้งคงจะมีการใช้น้ำตาลเสริมน้ำหวานดอกไม้ตามธรรมชาติ เป็นการทำน้ำหวานให้ผึ้งกิน ไม่ทราบว่า เข้าใจถูกหรือไม่
  • ถ้าอาจารย์ไม่อธิบาย คนอ่านอาจจะเข้าใจผิด คิดว่า มีการปลอมปนน้ำหวานเข้าไปในน้ำผึ้ง
  • ขอความกรุณาอธิบายว่า ใช้น้ำตาลทำอะไร
  • ขอขอบคุณ... 

    ขอบคุณอ.หมอวัลลภมากครับที่กรุณาถามคำถามนี้เข้ามา เพราะอาจจะทำให้มีความเข้าใจคลาดเดลื่อนได้ครับ ผมได้แทรกข้อสงสัยไว้ในบันทึกเรียบร้อยแล้วครับ คงทำให้เข้าใจดีขึ้น

   ขอย้ำว่า น้ำตาลทราย เอามาใช้เลี้ยงผึ้งเพื่อเพิ่มประชากรในฤดูขาดแคลนน้ำหวานในธรรมชาติ ซึ่งมีระยะเวลาประมาณ 7 เดือน ในรอบ 1 ปี (และใน 7 เดือนนี้ ไม่มีกระบวนการผลิตน้ำผึ้งแต่อย่างใด)

   ส่วนน้ำหวานในธรรมชาติ ที่ผึ้งจะเเก็บมาเป็นน้ำผึ้ง มีระยะเวลารวมกันประมาณ 5 เดือน ในรอบ 1 ปีครับ (แล้วคนเลี้ยงผึ้งก็ขอแบ่งเอาน้ำผึ้งที่เขาเก็บเอาไว้ใช้ตลอดปี ออกจากรังเกือบหมด ทำให้เขามีอาหารไม่พอใช้ จึงต้องเสริมน้ำตาลครับ)

นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์
  • ขอขอบคุณอาจารย์สมลักษณ์ที่กรุณาแนะนำจนเข้าใจดี
  • สรุปคือ น้ำผึ้งที่พิษณุโลกมีคุณภาพดี และเป็นอาหารธรรมชาติ ไม่มีการปลอมปนน้ำหวาน
  • ตรงนี้เองที่ผมคิดว่า เกิด "หน้าต่างแห่งโอกาส (window of opportunity)" ขึ้น และเป็นโอกาสแห่งการวิจัยด้วย
  • ขั้นตอนให้อาหารเสริมผึ้งนี้...ถ้าเราศึกษาวิจัย "อาหารเสริม" สำหรับผึ้งได้ เช่น
    (1). น้ำหวานควรมีความเข้มข้นเท่าไร (osmolarity)
    (2). ควรมีการเสริมสารอาหารอื่นๆ เข้าไปบ้างหรือไม่ เช่น วิตะมิน แร่ธาตุ ฯลฯ
  • ถ้าเป็นคนเรา... การนำน้ำตาลไปใช้จะมีการดึงโพแทสเซียม (potassium / K) เข้าเซลล์ และใช้วิตะมินบี 1 เพิ่มขึ้น
  • ถ้าเป็นผึ้งจะใช้อะไร... (ไม่มีความรู้ -> เกิดโอกาสแห่งการวิจัย)
  • ถ้าให้อาหารเสริม...ผึ้งมีรสนิยมอย่างไร ชอบกินอาหารเสริมหรือไม่ อะไรทำนองนี้
  • มีกลิ่นอะไรที่จะแต่ง "น้ำหวาน" ให้ผึ้งชอบมากขึ้นหรือไม่
  • ขอขอบคุณอาจารย์ และขอให้ผึ้งไทยมีน้ำหวานพอกินตลอดปี

เรียนอ.หมอวัลลภ

   ผมว่าน่าสนใจทีเดียวที่จะมาหาหัวข้อวิจัยทางบล็อกครับ คือ

  1. ประโยชน์ของน้ำผึ้งช่วยบำรุงประสาท ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับที่คุณหมอเล่ามาคือ คือในเซลล์ประสาทภาวะปกติมีการสะสม potassium/K เอาไว้ ถ้าน้ำผึ้งช่วยในการสะสม Potassium/ K การสะสม K มีประโยชน์ในการบำรุงประสาท คือทำให้เซลล์ประสาทอายุยืนขึ้นหรือไม่
  2. เรื่องน้ำผึ้งกับเบาหวาน น้ำผึ้งมีส่วนช่วยคนเป็นเบาหวานได้หรือไม่ ถ้าได้ไปทำอย่างไร
  3. หากท่านผู้ใดมีความรู้เรื่องเหล่านี้ก็มาลปรร.กันบ้างครับ เพื่อหาโจทย์วิจัย..ครับ
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์
  • เรียนอาจารย์สมลักษณ์...
  • ขออภัยที่ลืม ไม่ได้กลับมาอ่านคำตอบของอาจารย์
    ขออภัยอีกครั้ง
    รวมเป็นขออภัย 2 ครั้ง...ต่างกรรมต่างวาระ
  • ขอตอบปัญหาของอาจารย์อย่างนี้
  • (1). โปแทสเซียม (K) ช่วยในการทำงานของร่างกายแทบทุกส่วน เท่าที่ทราบ...ยังไม่มีเกลือแร่อะไรที่ทำให้เซลล์ประสาทอายุยืน และไม่ควรกินเกลือแร่ชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกิน เพราะมีแนวโน้มจะเป็นอันตรายมากกว่าเป็นคุณ(ประโยชน์)
  • (2). เรื่องร่างกายนี่น่าสนใจครับ...
          มีอาหารที่ดี แต่ไม่มีอาหารที่วิเศษ
          ดูเหมือนจะเข้ากับสำนวนที่ว่า
          ของดี "ดี" ได้เพราะอาศัยความ "พอดี"
          คนดี "ดี" ได้เพราะรู้จักความ "พอดี"...
  • (3). เท่าที่ทราบ... น้ำตาลแต่ละชนิดไม่ต่างกันมากนักสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน
  • (4). เรียนเสนอให้อาจารย์ถามผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลเทพธารินทร์ครับ > www.theptarin.com
  • (5). ใน gotoknow มีชุมชนที่สนใจเรื่องเบาหวานมากถึง 3 ชุมชน ท่านเหล่านี้สะสม ส่งเสริม และสร้างสรรค์องค์ความรู้ไว้มาก เรียนเสนอให้อาจารย์ติดต่อดู...ที่นี่ >
  • http://www.gotoknow.org/dmcharingexperience ;
    http://www.gotoknow.org/dmcommune ;
    http://www.gotoknow.org/panadda
  • (6). การลองใช้ search engine เพื่อทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับน้ำผึ้ง+เบาหวานเพิ่มก็น่าจะดี เช่น honey+DM (diabetes mellitus), หรือหาชนิดของน้ำตาลในน้ำผึ้งแต่ละตัว+DM... อาจจะได้คำตอบที่นำไปสู่คำถามใหม่ของการวิจัยได้ทีเดียว
  • ขอขอบคุณ...
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์
  • blog โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ซึ่งมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเบาหวานมากอยู่ที่นี่ครับ... >>>
  • http://www.gotoknow.org/dmtheptarin

ขอขอบคุณ คุณหมอวัลลภครับ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท