10. อยู่ให้เพื่อนและเพื่อนบ้านรัก : สร้างเกราะคุ้มกันภัยตลอดชีวิต


เพื่อนในที่ทำงานและเพื่อนบ้าน สำคัญสุด ๆ ในชีวิตเรา ถ้าเพื่อนในที่ทำงานและเพื่อนบ้าน "รักเรา" เราจะอยู่อย่างปลอดภัยตลอดชีวิต

       เมื่อผมเริ่มชีวิตการทำงานใหม่ ๆ หลังจากจบปริญญาตรี ครั้งหนึ่งผมได้เล่าให้คุณแม่ฟังเกี่ยวกับนิสัยของเพื่อนคนหนึ่งว่า เป็นคนไม่มีน้ำใจ เห็นแก่ตัวมาก(หรือเรียกว่า นินทาเพื่อนนั่นแหละครับ)  เท่านั้นแหละ...เป็นเรื่อง....ถูกคุณแม่สอนเสียยกใหญ่

       แล้วลูกล่ะ...ดีนักหรือ   ลูกไม่มีข้อเสียหรือ....มองเฉพาะข้อดีของเขาก็ได้นี่ลูก.............แม่ถามให้ผมคิดและเริ่มสอน

       ลูกจำไว้น่ะ ...เพื่อนร่วมหมวดวิชาหรือเพื่อนที่ทำงาน สำคัญมาก   บางครั้งสำคัญกว่าญาติพี่น้องเสียอีก เพราะเขาอยู่ใกล้เรา(ญาติพี่น้องอยู่ไกลเรา)....ถ้าลูกเป็นลม ล้มพับลง ณ ที่ทำงาน หรือเกิดปัญหาใด ๆ ในชีวิต เกิดอุบัติเหตุใด ๆ  ในที่ทำงาน  คนที่จะช่วยลูกคนแรกคือ เพื่อนร่วมงานที่นั่งโต๊ะติดกัน เขาคือคนสำคัญในชีวิตเรา  ให้มองเขาในทางที่ดี เลือกคบในสิ่งที่ดี  เอื้ออาทรต่อเขา และดีต่อเขาตลอดเวลา  แล้วลูกจะปลอดภัย  เมื่ออยู่ในที่ทำงาน.....แม่สอนเสียยืดยาว

       นอกจากเพื่อนที่ทำงานแล้ว...เพื่อนบ้านน่ะลูก สำคัญสุด ๆ ในชีวิตเรา ถ้าเพื่อนบ้านทั้ง 4 ทิศ รักเราหมด  บ้านของลูกและครอบครัวลูก จะปลอดภัยที่สุด ปลอดภัยตลอดชีวิต จนถึงรุ่นลูก ๆ ของลูกเอง.....แต่ถ้าเพื่อนบ้านเกลียด แม้เราจะมีบ้านใหญ่โต มีระบบป้องกันแน่นหนา  จงรู้เถอะว่า บ้านเราหาปลอดภัยไม่

       วิธีการที่จะทำให้คนรอบข้างรักเรา คือ มองเขาในทางที่ดี  ดีต่อเขา  เอื้ออาทรต่อเขา  ไม่พยายามมองสิ่งที่เป็นลบในตัวเขา   ถ้าใครมาเล่าสิ่งที่เป็นลบของเพื่อนเรา  หรือของเพื่อนบ้าน  หากหลีกเลี่ยงได้...อย่าฟังเลย จะดีที่สุด...โดนแม่เทศนาเสียแล้วเรา

       คำสอนของแม่ ป. 4  ดังกล่าวข้างต้นนี้ ช่วยให้ผม เลิกนินทาเพื่อน เลิกนิสัยพูดถึงเพื่อนในเชิงลบ  มองแต่สิ่งดีดีของเพื่อน  ทำดีต่อเพื่อนในที่ทำงาน  เอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมงานและเพื่อนบ้าน...แน่นอน ผมเห็นแก่ตัว คือ ต้องการให้ตนเองปลอดภัย ทั้งในที่ทำงานและที่บ้าน  เพื่อให้เพื่อนในที่ทำงานและเพื่อนบ้าน เป็นเกราะคุ้มกันภัยที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตเรา....หากท่านต้องการทดสอบว่าที่ผมพูดจริงหรือไม่  ท่านลองไปนินทาเพื่อนผมให้ผมฟังดูซิครับ...ผมจะบอกท่านว่า เออน่ะ...คนเราคงไม่ดีไปทุกอย่างหรอก คุณไม่ต้องมาเล่าผมหรอก  ผมดูเพื่อนผมออกน่ะ และผมก็ไม่อยากฟังสิ่งที่เป็นลบของเพื่อนผม(สิ่งที่คุณกำลังจะเล่าให้ผมฟัง มันคงจะไม่ใช่  Best Practices  แน่ ๆ แต่เป็น Bad Practices ซึ่งไม่รู้ว่าจะเก็บไปทำไม)...แต่..ถ้าคุณไปชมเพื่อนผมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผมอยากฟังน่ะ  เพราะมันอาจเป็น Best Practices ที่ผมอาจเลี่ยนแบบได้บ้าง ในอนาคต

      

หมายเลขบันทึก: 181768เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2008 17:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 00:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีค่ะ ท่านดร.สุพักตร์

- เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำสอนของคุณแม่ท่านอาจารย์ค่ะ แต่บางคนมักมองข้ามความสำคัญของคนใกล้ตัว

- ขอบคุณค่ะ

  • ขอบคุณมากครับ คุณจตุรัส
  • คำสอนข้างต้นมีผลทำให้คนใกล้ตัว คนที่ทำงานด้วยกัน เกลียดผมน้อยลงครับ และทำงานมีความสุขมากขึ้น

สวัสดีคะท่านดร.สุพักตร์

  • มาอนุญาตเรียนรู้คำสอนของคุณแม่ด้วยคนนะคะ
  • ขอบคุณมากคะ
  • สวัสดีครับ คุณก้ามปู
  • ยินดีมากครับ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบกรณ์
  • ผมสนใจเรื่องการโอน สถานัอนามัย ไปสังกัด อบต.อยู่นะครับ

เป็นคุณแม่ที่สุดยอด แม่ของอาจารย์มีฐาณะการศึกษาดีกว่าแม่ผมเยอะ เพราะท่านจบป๔ คนจบระดับนี้ในยุคนั้นถือสุดยอดแล้วในสายตาของคนใต้ เพราะคนสวนใหญ่ไม่เรียนกัน แม่ผมก็ไม่ได้เรียนหนังสือเลย เหมือนๆกับพ่อผม แต่ท่านทั้งสองขายทุกอย่างที่ขายได้เพื่อให้ผมและพี่ชายเรียนหนังสือ ปัจจุบันพี่ชายผมจบ ป เอก แล้วที่มาเลย์ และอีกไม่นานผมก็คงจะจบเหมือนกัน ก็ดีใจมากที่มีพ่อแม่เช่นนี้ แต่คุณแม่ได้เสียชีวิตเมื่อสิบปีที่แล้ว สมัยผมกำลังศึกษา ป โท ที่เมืองนอก ผมไม่ทันที่จะเห็นหน้าแม่เป็นครั้งสุดท้าย เพราะไม่เงินเป็นค่าเครื่องบิน ดีใจด้วยกับอาจารย์ ผมชอบบล็อกนี้มากวันหลังจะเข้ามาอ่านอีกครับ

สวัสดีครับ อาจารย์ abukaisan

  • ดีใจครับ ที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน  ผมกับอาจารย์มีอาชีพเดียวกัน คือสร้างลูกศิษย์ 
  • ยิ่งนานวัน กระบวนการสร้างลูกศิษย์ก็จะยากยิ่งขึ้น ต้องอาศัยเทคนิคและประสบการณ์มากขึ้น
  • ประสบการณ์ที่ผมได้จากคุณแม่หลายอย่าง ผมพยายามนำมาใช้กับการสร้างลูกของผม แต่ยอมรับครับว่า "ยากจริง ๆ" แต่ผมก็โชคดีมาก ที่ลูก ๆ เป็นเด็กดีมาก ทั้ง 2 คน(ผมมีลูก สาว 2 คน ครับ)

ครับ อาจารย์ ยุคไร้พรมแดนเป็นยุคที่ท้าทาย สมัยผมยังเด็กผมก็ชอบหนีโรงเรียนเหมือนกัน (ไม่อยากจะบอกเลย) แต่หนีไปเล่นนกเล่นปลาตามประสาคนสมัยนั้น แต่ปัจจุบันเด็กจะหนีโรงเรียนไปพึ่งยานรก ดีใจด้วยกับลูกๆของอาจารย์ที่ได้คุณพ่อสุดยอดครับ

สวัสดีค่ะ

คุณแม่พี่น่ารักนะ ปัจจุบันท่านอายุเท่าไรคะ

ชื่นชมคุณแม่พี่มากค่ะ วันหลังเชิญครอบครัวพี่ไปตราดนะคะ

เคารพเสมอ น้องตา

อมรรัตน์

  • ขอบคุณมากที่เข้ามาติดตามอ่าน น้องตา สบายดีน่ะ
  • คุณแม่เสียตั้งแต่ปี 2544 ครับ ตอนนี้เหลือแต่คุณพ่อ(อายุย่าง 90 ปี แล้ว ...ยังแข็งแรง)
  • ทำไมถึงบอกว่าเชิญไปตราด ขณะนี้ กลับไปอยู่ที่ตราดหรือ

สวัสดีค่ะ

ยังอยู่หอวังเหมือนเดิมค่ะ งานมากแต่ก็สนุก

อยากทำอะไรที่มันเป็นงานครู สัมผัสนักเรียนจริงๆๆ

มากกว่าเอกสารแสดง ชวนพี่และครอบครัวไปเที่ยวค่ะ

หากมีเวลา อ่านเรื่องครอบครัวที่อบอุ่นแล้วสบายใจดี เรื่องคุณแม่พี่

ตาอ่านเรื่องหลังจากที่ถามไปแล้ว จึงมาทราบว่าท่านเสีย

คุณพ่ออายุยืนและยังแข็งแรงดีนะคะ

เคารพเสมอ น้องตา

อภิศักดิ์ จันทร์สนาม

เรียน รศ. ดร.สุพักตร์

ฟังเรื่องราวของท่านแล้วผมเกิดแนวคิดในบันดล ต่อไปจะเลิกนินทาคน จะเลิกมองแต่ข้อเสีย แต่จะดูข้อดีเขามาทำและเรียนแบบ ขอบคุณจริงๆครับท่าน

ทองย่อม สาครสูงเนิน

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ ผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์ การวิจัยและพัฒนา ปี 2551 ตอนแรกผมไม่เข้าใจ พออาจารย์ ไปที่ม.ราชภัฏ มหาสารคาม วันนี้ 28 ธ.ค.53 ผมจึงถึงบางอ้อ ในหลายๆเรื่อง อาจารย์พูดชัดเจน เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องวิจัย และผมประทับใจคำสอนของ คุณแม่ของท่าน ผมเกลียดการพนัน ก็เพราะแม่ผมสอนผมเช่นกัน ผมไม่ยุ่งกับอบายมุขทุกชนิด แต่คนรอบข้าง ( ผอ.รรด้วยกันในศูนย์ มีหลายคนที่กระทำตนไม่เป็นแบบอย่างแก่นักเรียน และครู ดื่มเหล้า ในเวลาราชการ ผมอยู่ในท่ามกลางคนดื่มเลยอึดอัดมาก ส่วนใหญ่ไม่สนใจงานวิชาการ อยากให้อาจารย์เสนอแนะแนวทางการพัฒนาตนเองและเพื่อนร่วมงาน โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ เป็นสถานศึกษาพอเพียงแบบอย่าง ปี 2552 ผมกำลังทำวิจัยเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คุณธรรมเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และจิตสาธารณะ ช่วยอาจารย์ชี้แนะ แนวทางด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับ

  • เลือกเรื่อง จิตสาธารณะก็ได้ครับ โดย
  • ออกแบบ "ชุดกิจกรรมพัฒนาคุณลักษณะด้านจิสาธารณะ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 โรงเรียน.....จังหวัดมหาสารคาม" (กิจกรรมที่เด็กต้องทำขณะอยู่ที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือในชุมชน ในช่วงวันหยุด หรือวันพิเศษต่าง ๆ)
ครู สิริกร พลายงาม

ขออนุญาตนำคำสอนที่ดีของคุณแม่ของท่าน ดร.ไปให้นักเรียนอ่านเผื่อนักเรียนจะได้ซึบซับสิ่งที่ดีบ้างไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ

เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สุพักตร์ ที่เคารพ

รู้สึกโชคดีมากที่วันนี้(๒๓ ส.ค.๕๖)ได้มีโอกาสรับฟังสิ่งดีดีจากท่านอาจารย์ ทำให้รู้ตัวเลยว่าที่ทำมาหลายปีนั้นยังไม่นับได้ว่าตัวเองนั้นเป็นครูที่ดี สาระที่ได้รับฟังวันนี้มีคุณค่าต่อความเป็นครูมืออาชีพมากเลยค่ะ และรู้ได้อีกอย่างหนึ่งว่าท่านเป็นลูกกตัญญูมาก ท่านถึงได้ประสบความสำเร็จ คำสอนของคุณแม่ของอาจารย์ที่อาจารย์ได้เผยแพร่แก่คนอื่นนั้น สามารถสร้างมุมมองใหม่ที่ดีให้แก่ตัวดิฉัน

จากที่ได้ฟังเรื่องที่ท่านเล่าวันนี้ ประทับใจความเป็นครู(มืออาชีพ)ประจำชั้นของท่านมากค่ะ 

ด้วยความเคารพอย่างสูง

ศรัณย์ภรณ์ 

เพ็ญนภา จำปาสิทธิ์

ตอนนี้ได้บรรจุทที่ใหม่มา2เดือนแล้วค่ะแต่ไม่ค่อยมีเพื่อน...หนูเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส..มีไรก็แบ่งเค้า...ซื้อของมาฝาก...ทักทายยกมือไหว้เสมอ....แต่ก็ยังไม่มีไรเปลี่ยนแปลง...หนูจะทำไงดีเพื่อให้ภายในร.ร.เข้ากันได้ดีคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท