การจัดการความรู้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
วิจารณ์
พานิช
14
มิ.ย.48
การจัดการความรู้ที่เป็น “ของแท้”
ไม่จำเป็นที่ผู้ปฏิบัติจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่อง
KM วันนี้ (6 มิ.ย.48) ผมไปพบ KM
ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่ จ.ตราด
ผู้เล่าคือ คุณอาคม
ภูติภัทร์ (01-525-7606, 039-532-001)
แห่งชมรมนักพัฒนาภาคตะวันออก
จ.ตราด เล่าในการประชุม
“สร้างเสริมศักยภาพนักวิจัยและเครือข่ายเพื่อการจัดการความรู้ด้านคุณธรรม
จริยธรรม”
จัดโดยฝ่ายวิจัยและจัดการความรู้
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม)
ที่โรงแรมแก้วเจ้าจอม มรภ.สวนสุนันทา
รูปคุณอาคม (ซ้าย)
คุณอาคม มานำเสนอโครงการ
“พัฒนาทุนทางสังคมเพื่อสร้างชุมชนเป็นสุข”
วิธีมอง “ทุน”
ของคณะผู้เสนอโครงการ เข้าหลัก KM แบบ
“โดนใจ” เลยทีเดียว
คือมองทุนทางสังคมเป็นทุนชีวิต ประกอบด้วยทุน 10
ด้าน คือ
·
ผู้คนในสังคมมีจิตใจที่ดีงาม เอื้ออาทร
และเรียนรู้เท่าทันจิตใจของตนเอง (ทุนปัญญา – จิตใจ)
·
มีความรู้ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของตนเอง
และรู้เท่าทันความรู้ใหม่ ๆ
ที่จะเลือกใช้อย่างเป็นประโยชน์
และไม่ให้ตนเองตกอยู่ในวังวนของบริโภคนิยม (ทุนความรู้ –
รู้เท่าทัน)
·
มีความรู้และการปฏิบัติตนเพียงพอกับการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
และมีสมรรถนะ เหมาะสมตามวัย (ทุนสุขภาพร่างกาย)
· มีทัศนคติ
ค่านิยม และวัฒนธรรมที่ดีงาม
เพื่อเป็นวิถีปฏิบัติให้เกิดการพัฒนาในทุกด้าน (ทุนวัฒนธรรม)
·
มีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์
(ทุนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม)
·
มีความรู้ในการจัดการชุมชนร่วมกันด้านความปลอดภัย
ความเป็นธรรมในชุมชน (ทุนการเมือง)
·
มีประชาชนออกมาเสียสละ
ทำงานสาธารณะจัดการปัญหาชุมชนมากขึ้นควบคู่ไปกับคนทำงานสาธารณะในระบบ
คนที่ออกมาทำงานการเมืองของพลเมืองมากขึ้น (ทุนแกนนำ)
·
มีเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาในสาธารณะมากขึ้นในทุกพื้นที่
(ทุนเวทีสาธารณะ)
· มีเศรษฐกิจที่ดี (รายได้เพิ่ม
– รายจ่ายลด) ไม่เป็นหนี้ (ทุนเศรษฐกิจ)
·
มีกองทุนสวัสดิการกลางเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลในยามทุกข์ยาก
(ทุนเศรษฐกิจและสวัสดิการกลาง)
ถ้อยคำของทุนทั้ง 10 ข้อ
ผมลอกเอามาจากข้อเสนอโครงการคำต่อคำโดยไม่ได้แก้ไข
เพื่อให้
ท่านผู้อ่านได้เห็น “ปัญญา” ของแท้ของชมรมนักพัฒนาภาคตะวันออก
การจัดการความรู้เริ่มที่ความรู้หรือสิ่งดี ๆ
ที่มีอยู่แล้วในองค์กรหรือในชุมชน หา “ทุนเดิม”
เหล่านั้นให้พบ
และนำมาตีความแลกเปลี่ยนเรียนรู้และใช้งาน
แล้วเอาผลจากการใช้งานมาตีความแลกเปลี่ยนเรียนรู้
เกิดเป็นความรู้ใหม่รอบแล้วรอบเล่า
การเชื่อตัวหนังสือ อาจทำให้ถูกหลอก ทุนชีวิต
10
ด้านตามเอกสารข้อเสนอโครงการอาจเป็นตัวหนังสือที่เขียนขึ้นให้จับใจ
เพื่อล่อเอาทุนสนับสนุนก็ได้
ข้อพิสูจน์
“ของแท้”
ปรากฏในขั้นตอนการสนทนาแลกเปลี่ยนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ซึ่งได้แก่
1.
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมระดับบุคคลในการลด ละ เลิก อบายมุข
และเพิ่มคุณธรรมพื้นฐานคือ สะอาด ขยัน
ประหยัด ซื่อสัตย์ เสียสละ
กตัญญู และอ่อนน้อมถ่อมตน
2.
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีงามระดับครอบครัว
ในกิจกรรมทุนทางสังคมทั้ง 9 ทุน
3.
พัฒนากิจกรรมกลุ่มที่เป็นรูปธรรม การสร้างทุนทางสังคม
4.
เชื่อมโยงกิจกรรมกลุ่มของทุนทางสังคมต่าง ๆ
ในชุมชนและตำบลเพื่อเรียนรู้การจัดการชุมชนร่วมกัน
คุณอาคมเล่าเรื่องการดำเนินการของกลุ่มตนในพื้นที่ 2
ตำบล ใช้วิธีไปเรียนรู้
แลกเปลี่ยนเรียนรู้
กับปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสาน
ทำบัญชีรับจ่ายครอบครัว มีเวทีมาพบกันทุก 15
วัน หรือทุกเดือนแล้วแต่พื้นที่
เพื่อเรียนรู้จากต้นแบบหรือผู้ที่ประสบความสำเร็จตามการปฏิญาณตนของแต่ละคนว่าจะลดละอบายมุข
ยกตัวอย่างตนเอง อบายมุขที่ตนมีคือ
“กามสุข”
ตนถูกกัลยาณมิตรที่มาร่วมเวทีเตือนว่าชักจะอ้วนเกินไปแล้วนะ
ทำให้ได้สติที่จะลดละอบายมุขที่เป็นกามสุข
คือชอบกินข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ก็จะต้องลด ละ
เลิก บางคนก็ติดอบายมุข “มานะ อัตตา”
เห็นภาพ
“การจัดการความรู้”
ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไหมครับ
ผมได้เสนอแนะให้มีการบันทึกเรื่องราวไว้ในรูปของถ้อยคำตามที่สนทนากันจริง
ๆ ไม่มีการขัดเกลาสำนวน จะทำให้ได้
“ความรู้ในคน” (tacit knowledge) สำหรับการขัดเกลาตนเอง
เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม
ตอนรับประทานอาหารเที่ยง
ผมนั่งคุยกับคุณอาคม
คุณอาคมบอกว่าเรื่องที่กลุ่มชมรมนักพัฒนาภาคตะวันออกขาดแคลนมากคือวิชาการ
หาที่พึ่งยาก ตนได้โทรศัพท์คุยกับ ดร. ประพนธ์
ผาสุขยืด ไว้แล้ว
ว่าจะขอให้ไปช่วยเหลือชมรมในด้านการจัดการความรู้
เพราะ ดร. ประพนธ์ เป็นชาวจังหวัดตราด
ก็ดีซิครับ สคส. จะได้เข้าไปช่วยต่อยอด KM
ที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ
ให้ยิ่งทรงพลังยิ่งขึ้นด้วยวิธีการ KM ตามรูปแบบของ สคส.
วิจารณ์ พานิช
6 มิ.ย.48
ไม่มีความเห็น