เมื่อวานประชุมจัดการความรู้แก้จนเมืองนคร
ผู้เข้าร่วมประชุมหนาตามาก
โครงการนี้ถ้ามองระยะสั้นก็ไม่น่าทำเพราะเป้าหมายใหญ่มากคือ
แก้ปัญหาความยากจนทั้งจังหวัด
วิธีการแก้ก็ยากมากคือบูรณาการหน่วยงานวางแผนทำงานร่วมกับชุมชนบนฐานข้อมูล
ความรู้
การทำงานจึงต้องกำหนดเป้าหมายระยะสั้น ปานกลาง และระยะยาว
ส่วนตัวผมในฐานะเลขานุการคณะทำงานสนับสนุนทางวิชาการด้านการจัดการความรู้เห็นว่า
เป้าหมายสำคัญของภารกิจนี้คือ พัฒนาคุณภาพคน ให้เป็นคนเรียนรู้และมีความพอเพียง
ในช่วงแรกเป็นการทำความเข้าใจแนวคิดในเกมการเล่นที่เรียกว่า"จัดการความรู้"กับผู้ร่วมขบวนทั้งภาคีราชการ
ชุมชน และองค์กรเอกชน หรือเรียกว่าจัดทัพ
โดยมีฐานความรู้จากเครื่องมือบัญชีครัวเรือนนำมาใช้เป็นกิจกรรมเรียนรู้
ซึ่งผมได้เสริมเครื่องมือสัจจะลดรายจ่ายวันละ1บาทเข้าไป
เครื่องมือแรกเชื่อว่าถ้ามีการจัดเก็บข้อมูลต้นทางด้วยความเข้าใจ
นำข้อมูลมาศึกษาวิเคราะห์ด้วยตนเอง ก็จะเกิดการเรียนรู้ (รับรู้
เข้าใจ ตระหนัก เกิดการเปลี่ยนแปลง) เพื่อไปสู่ความพอเพียง
กลไกจัดการใช้แกนนำ 8 คนกับกลุ่มเป้าหมาย 80 ครัวเรือน (1:10)
โดยการถ่ายทอดความรู้(แนวคิด แบบสำรวจ
วิธีการสำรวจ)ผ่านการอบรมแกนนำกลุ่มใหญ่ 2
ครั้งๆละ1,600คนซึ่งมีข้อจำกัดมาก
ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติม สรุปข้อมูลให้ครบถ้วน
นำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อจัดเวทีประชาคมสร้างการเรียนรู้ขั้นที่2
-เรียนรู้ระหว่างกัน (ขั้นแรกเจ้าของข้อมูลเรียนรู้ด้วยตนเอง)
ครูชบเชื่อว่า ถ้าคนมีสัจจะจะเกิดพลังในการทำกิจทุกเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจมากสำหรับงานพัฒนาที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม
ในวันประชุมที่7มีนาคมที่ผ่านมา ผมได้เชิญครูชบมาให้ความรู้กับคุณเอื้อและคุณอำนวยแล้ว เมื่อเลิกงานมาส่งครูชบที่รถ ผอ.วิมลเสนอว่าน่าจะจัดกิจกรมศึกษาดูงานสัจจะลดรายจ่ายที่สงขลา ครูชบบอกว่าที่นครศรีธรรมราชก็มีแล้ว ขอให้ไปศึกษาจากกะหรอ
ผมเห็นว่าโดยทั่วไปวัตถุมักจะเป็นฝ่ายกำหนดจิต นักจัดการความรู้ทั่วไปจึงใช้วัตถุเป็นเครื่องมือกำหนดให้จิตตกอยู่ในพันธนาการ
กุศโลบายที่ใช้วัตถุยกระดับจิตด้วยสัจจะลดรายจ่ายวันละ1บาทจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเชื่อมโยงกับฐานคิดเดิมของสังคม/ชุมชนในเรื่องทานหรือจาคะ น่าศึกษาว่าที่สงขลาโดยเฉพาะกลุ่มตำบลน้ำขาว และที่กะหรอ นครศรีธรรมราชเกิดการเปลี่ยนแปลงกับสมาชิกในเชิงคุณภาพอย่างไรบ้าง กระบวนการที่ครูชบให้ไว้มีลำดับขั้นตอนซึ่งเป็นกระบวนการขัดเกลานิสัยเคยชินเดิมของคน เช่น สัจจะเรื่องเวลา สัจจะเรื่องลดรายจ่ายวันละ1บาท ทีมวิจัยควรศึกษาลงลึกในกระบวนการที่ใช้และผลที่เกิดขึ้น นอกเหนือจากผลทั่วไปเรื่องสวัสดิการที่เกิดประโยชน์กับสมาชิกอย่างชัดเจน ผมเห็นว่ากระบวนการสร้างการเรียนรู้ให้คนเกิดความสำนึกและการเปลี่ยนแปลงตนเองในทางจิตใจที่เหนือกว่าการครอบงำของวัตถุเป็นเรื่องสำคัญที่จะนำไปสู่เป้าหมายใหญ่คือความพอเพียง และเมื่อเข้าถึงภาวะนั้นความยากจนก็จะหมดสิ้นไปอย่างแท้จริง
แม้จะเป็นเรื่องยากแต่อาจารย์ภีมก็ลุยมาได้ตั้งเยอะแล้ว เชื่อว่าอาจารย์ภีมต้องทำได้แน่นอน เพราะความมุ่งมั่นที่มีอย่างท่วมท้น เป็นกำลังใจให้สู้ๆๆๆนะคะ
ส่วนของเบียร์ก็ต้องทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ แม้พลังที่มีจะน้อยกว่าของอาจารย์สักร้อยเท่าก็ตาม ยากแต่ก็เป็นโจทย์ที่นอกจากจะใช้สมองแล้วยังต้องใช้ใจเพิ่มอีกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ