ผมเกิดในชนบทที่ห่างไกลจากความสะดวกในวิถีชีวิตทั้งปวง ยกเว้นความสะดวกในเรื่องพืชผักและปลาในท้องนาเพื่อการยังชีพ(สะดวกมาก สามารถหาได้จากข้างบ้าน และทุ่งนาใกล้หมู่บ้าน โดยไม่ต้องซื้อ) คุณพ่อเป็นครูประชาบาล(จบ ม.3) คุณแม่เป็นแม่บ้าน จบ ป.4(ทราบจากคุณแม่ว่า คุณตาไม่สนับสนุนให้เรียนหนังสือ) ฐานะทางครอบครัวค่อนข้างเดือดร้อน ในวัยเด็กจำได้ว่า ในขณะที่คุณพ่อไปเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนใกล้บ้าน คุณแม่จะขายขนมจีนน้ำยาอยู่ที่หน้าบ้านของตนเอง เรามีพี่น้อง รวม 7 คน
ในวัยเด็ก ขณะเรียนระดับประถมศึกษา ปีที่ 1-4 กระบวนการหล่อหลอมที่ผมได้รับจากคุณพ่อ-คุณแม่ที่สำคัญ ๆ และมีผลต่อชีวิตผมเป็นอย่างยิ่งก็คือ 1) คำสั่งให้ตื่นนอนแต่เช้า ไม่มีใครในบ้านของเราที่มีสิทธิ์ตื่นสายกว่า 06.00 น. ในสภาพที่เป็นจริง คุณพ่อจะปลุกทุกคนก่อน 05.30 น. ถือเป็นเรื่องที่เข้มงวดมากในครอบครัวของเรา จนผมติดนิสัยมาจนทุกวันนี้ และ 2) การช่วยงานบ้าน ทุกคนต้องมีหน้าที่ช่วยงานบ้าน ตั้งแต่ระดับปฐมวัยและประถมศึกษา งานที่เริ่มปลูกฝัง คือ การต้องคอยดูแล-บริการคุณยาย คุณปู่ คุณย่า เมื่อท่านมาค้างที่บ้านเรา(สิ่งนี้ได้ปลูกฝังค่านิยมกตัญญูน่ะ) นอกจากนั้นก็เป็นงานบ้าน ตามสภาพความพร้อมด้านร่างกายของเด็กระดับปฐมวัยและประถมศึกษา
.....ในเรื่องการสร้างให้เป็นผู้จัดการครอบครัว/รับผิดชอบงานบ้าน หรือเรียนวิชา "การดูแลรักษาบ้าน" โดยฝีมือคุณแม่ ป.4 จนผมสามารถเป็นช่างในบ้านและทำงานบ้านทุกอย่างได้จนถึงทุกวันนี้ ผมจะเล่าในตอนต่อไปนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ ชอบใจบทความของอาจารย์มากๆ ค่ะ ครอบครัวที่อบอุ่นและเอาใจใส่ซึ่งกันและกันนั้นยิ่งกว่ามีเงินมีทองล้นหัวแต่ลูกเกเรค่ะ
ตอนเด็กๆ คุณพ่อดิฉันเลี้ยงควายแถวๆ บางกระดี่ กทม. ค่ะ อ่านหนังสือบนหลังควายจนสอบเข้าเรียนสวนกุหลาบได้ค่ะ แต่ด้วยว่าไม่มีเงินก็เลยไม่ได้ต่อมหาวิทยาลัยค่ะ ก็เลยจบแค่ ปวส. เพาะช่าง ส่วนคุณแม่ก็จบ ป.4 ค่ะ เพราะก๋งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาไม่มีเงินส่งให้เรียนเช่นกันค่ะ
ความขยันอดทน ความรัก ความเอาใจใส่ ของพ่อแม่ ทำให้เป็นดิฉันเช่นทุกวันนี้ค่ะ :)
อาจารย์คะ
ดิฉันเห็นอาจารย์ไปเขียนในอนุทินแล้ว อยากอ่านก็เลยตามมาพบบันทึกนี้ เขียนอีกนะคะ ดิฉันอยากอ่านต่อคะ
ขอบคุณมากคะ ที่นำประสบการณ์มาแบ่งปันกันคะ :)
เพิ่มเติมคะ
ดิฉันเพิ่งสังเกตว่าอาจารย์ลบบันทึกเก่า เพื่อจัดหมวดบล็อกใหม่ ต้องขอโทษด้วยคะ จริงๆ สามารถย้ายบันทึกจากบล็อกเดิม มายังบล็อกใหม่ได้ ตามบันทึก เพิ่มเติมระบบ "ย้ายบันทึก" และ "ลบบล็อก" ดิฉันลืมแนะนำไป ต้องขอโทษด้วยคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องเล่านี้
สวัสดีค่ะอาจารย์
ครูอ้อย ก็ติดตาม อ่านค่ะ
และเป็นลูกศิษย์อาจารย์ด้วยค่ะ
กราบสวัสดีปีใหม่ไทย..(ย้อนหลังค่ะ) ท่านอ.สุพักตร์
โชคดีที่หนูมาอ่านบล็อกของอาจารย์...ดีใจที่จะได้ฟังแง่คิด มุมมอง และประสบการณ์ของอาจารย์อีก...หนูยังจำข้อคิด และเกร็ดต่างๆ ที่อาจารย์เล่าให้ฟังช่วงสัมมนาเข้มได้คะ....แล้วจะติดตามพร้อมประชาสัมพันธ์ให้เพื่อน stou ทราบคะ
รุจิดา สุขใส (C&I)
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ประวัติของอาจารย์ขออนุญาตยกเป็นตัวอย่าง
ให้นักเรียนได้ศึกษาเพื่อเป็นแบบนะคะ เพราะเป็น
บุคคลที่ควรแก่การเป็นแบบอย่างของเด็กยุคใหม่
พวกเด็กๆที่รู้สึกว่าตนเองด้อย เขาจะได้รู้ว่าหากเขาสู้ ๆ
เขาก็จะประสบความสำเร็จ ....ชื่นชมจริงๆค่ะ
เรียน อ.preeda
รู้สึกดีค่ะที่ได้อ่าน จะได้เรื่องเก่าไปเล่าใหม่ ให้นักเรียนฟัง เผื่อได้แง่คิดดี ๆ อีกนะคะ ...จารุวรรณ