ผู้กระหายความจริง


พฤติกรรมของคนยุคนี้ว่าขวนขวายแสวงหาข่าวสารมาเติมปัญญาเพื่อแยกแยะ ถูก-ผิด ดี-ชั่ว ควร-ไม่ควร กันอย่างไร ลงทุนลงแรงแค่ไหน

ในยุคที่โลกาภิวัฒน์เข้าถึงทุกหย่อมหญ้าในสังคม ยุคที่โทรศัพท์มือถือรับชมการแข่งขันฟุตบอลอีกซีกโลกได้ ยุคที่ราคาหุ้นขึ้นหรือลงเรารู้ได้แค่ใช้ปลายนิ้วกดปุ่ม แต่เราให้ “คุณค่าของความจริง” มากแค่ไหน ยอมละจากการรับชมฟุตบอลทีมโปรด ยอมหันเหจากละครโทรทัศน์เกาหลีมาตรวจสอบความจริงกันบ้าง จะสักกี่คน จะมีสักกี่หลังคาเรือนในสังคมไทยวันนี้
 นั่งยัน ยืนยันตรงนี้ว่า เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับสิบเก้าล้านเสียงแต่ประการใด
 แต่เป็นผลการสำรวจความตื่นตัวในการรับรู้ข่าวสารของผู้คนยุคนี้ ซึ่งนักนิเทศศาสตร์หรือคนกลุ่มที่ศึกษาศาสตร์แห่งการสื่อสารเพื่อทำรายการโทรทัศน์ วิทยุ หรือ โฆษณา เขาเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของคนยุคนี้ว่าขวนขวายแสวงหาข่าวสารมาเติมปัญญาเพื่อแยกแยะ ถูก-ผิด ดี-ชั่ว ควร-ไม่ควร กันอย่างไร ลงทุนลงแรงแค่ไหน นำเสนอเป็นแผนภูมิรูประฆังคว่ำดังนี้

 

๑๐๐ คน มี ๒-๓ คนเท่านั้น ที่ขวนขวายหาข่าวสาร ข้อมูล นำมาเรียงใส่แฟ้ม เปรียบเทียบ วิเคราะห์ สิ่งที่ผู้มีอำนาจ คิด-พูด-ทำ ว่าสอดคล้องกันหรือไม่ คนกลุ่มนี้สู้เพื่อให้ความจริงปรากฏ โดยความเชื่อว่ากรรมหรือการกระทำคือเครื่องสื่อเจตนา จึงปะติดปะต่อเชื่อโยงพฤติกรรมกับความคิด ความเชื่อ เอะ! ทำไมพูดอย่าง ทำอย่าง อธิบายอีกอย่าง พอแก้ตัวก็ไปอีกเรื่อง ท่านพระครูพิทักษ์นันทคุณ ประธานมูลนิธิฮักเมืองน่าน ท่านเรียกว่ากลุ่มที่ที่ขวนขวายนี้ว่า พวกหัวไวใจสู้ ถ้าจะนำบัวสี่เหล่ามาเปรียบเทียบโดยไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลุ่มนี้คือ บัวพ้นน้ำ


 กลุ่มที่เห็นพวกหัวไวใจสู้ เขาพูดแล้วสนใจสิ่งที่เขาพูดแล้วบอกต่อ ตนจึงเกิดความตื่นตัว หาข้อมูลข่าวสารมาพินิจพิจารณา กลุ่มนี้คือ พวกตื่นตัว มีร้อยละ ๑๓.๕ ถ้ารวมกับกลุ่มหัวไวใจสู้จะเป็นร้อยละ ๑๖ ถ้าจะนำบัวสี่เหล่ามาเปรียบเทียบกลุ่มนี้คือ บัวปริ่มน้ำ


 กลุ่มต่อมาคือ “พวกพร้อมตาม” ต้องรอคนอื่นเขาสำแดงฤทธิ์เดช แสดงท่าที ออกแถลงการก่อนจึงเริ่มตื่น พวกที่ตื่นเร็วมีร้อยละ ๓๔  ส่วนอีกกลุ่มคือ พวกตื่นช้า ถ้าไปเพลิงไหม้บ้านก็รอจนเกือบวอดทั้งหลัง จึงตื่นหนีหรือหาน้ำมาดับไป กลุ่มนี้มีร้อยละ ๓๔ นับรวมกันสองกลุ่ม ได้ร้อยละ ๖๘ ที่เป็นบัวกลางน้ำ พวกตื่นเร็วก็อยู่ใกล้ผิวน้ำดอกบัวพร้อมบานถ้าให้เวลารอให้ตั้งตัวตั้งสติ แต่พวกตื่นช้าอยู่น้ำลึก เผลอๆ ดอกบัวจะไม่ได้บาน เพราะถูกเต่า ปลา กินเป็นอาหาร แต่คนกลุ่มนี้คือคนกลุ่มใหญ่ในสังคมทุกวันนี้ บอกว่าตนเป็นกลาง เพราะยังมึนๆ งงงง ไม่ตื่นเต็มที่ บางที่เรียกว่า “พลังเงียบ” ผู้ที่ให้ความจริงปลุกพลังเงียบให้ตื่นได้ ย่อมได้เปรียบ ธรรมจะชนะอธรรมได้เพราะกลุ่มพลังเงียบเทใจมาช่วยเหลือ แม้จะงัวเงียก็ยังมีพลังมากเพราะเป็นคนกลุ่มใหญ่ของสังคม

 กลุ่มต่อมาคือ “พวกพร้อมตาม” ต้องรอคนอื่นเขาสำแดงฤทธิ์เดช แสดงท่าที ออกแถลงการก่อนจึงเริ่มตื่น พวกที่ตื่นเร็วมีร้อยละ ๓๔  ส่วนอีกกลุ่มคือ พวกตื่นช้า ถ้าไปเพลิงไหม้บ้านก็รอจนเกือบวอดทั้งหลัง จึงตื่นหนีหรือหาน้ำมาดับไป กลุ่มนี้มีร้อยละ ๓๔ นับรวมกันสองกลุ่ม ได้ร้อยละ ๖๘ ที่เป็นบัวกลางน้ำ พวกตื่นเร็วก็อยู่ใกล้ผิวน้ำดอกบัวพร้อมบานถ้าให้เวลารอให้ตั้งตัวตั้งสติ แต่พวกตื่นช้าอยู่น้ำลึก เผลอๆ ดอกบัวจะไม่ได้บาน เพราะถูกเต่า ปลา กินเป็นอาหาร แต่คนกลุ่มนี้คือคนกลุ่มใหญ่ในสังคมทุกวันนี้ บอกว่าตนเป็นกลาง เพราะยังมึนๆ งงงง ไม่ตื่นเต็มที่ บางที่เรียกว่า “พลังเงียบ” ผู้ที่ให้ความจริงปลุกพลังเงียบให้ตื่นได้ ย่อมได้เปรียบ ธรรมจะชนะอธรรมได้เพราะกลุ่มพลังเงียบเทใจมาช่วยเหลือ แม้จะงัวเงียก็ยังมีพลังมากเพราะเป็นคนกลุ่มใหญ่ของสังคม


 กลุ่มสุดท้าย หรือบัวใต้หิน หรือ พวกช่างมันฉันไม่สน ไม่แคร์ แม้จะชักแม่น้ำทั้งห้า วิงวอน ปูผ้ากราบก็แล้วสาบานก็แล้ว เอาช้างมาฉุดก็ยังยืนยันความคิด ความเชื่อเดิม มีร้อยละ ๑๖ หรือ ร้อยคนมีผู้ที่ไม่สนใจ ไม่ฟัง ไม่รับรู้ อยู่ ๑๖ คน มันเป็นตถตา เป็นเช่นนี้เองตั้งแต่พุทธกาลแล้ว จึงถือว่ามีตัวตนเพียงแค่ประดับโลกให้เหล่าบัณฑิตได้ปลงว่ามีบุคคลเช่นนี้ด้วย
 ผลการสำรวจที่นำมาเสนอนั้นเขาถือว่าคนในสังคมมีโอกาสได้รับข่าวสารที่เป็นจริง ซึ่งไม่มีการบิดเบือน ไม่มีอคติ ไม่ถูกกลั่นแกล้งได้ข้อมูลที่ครบถ้วนขึ้นกับความพยายาม ความขวนขวาย พยายามมากก็ย่อมได้ข้อมูลละเอียด ถ้ามีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ย่อมตัดสินใจได้ไม่ผิดพลาดถ้าจะพลาดก็พลาดหนแรกหนเดียว ถือว่าผิดเป็นครู


 แต่ถ้าขาดสติหรือไม่มีหลักยึด เช่น จะเลือกผู้จะมาทำหน้าที่แทนเรานั้นท่านให้ดูเจตนาและผลงาน แต่กลับไปดูว่าคนนั้นหล่อคนนั้นสวยหรือไม่ แล้วจะได้คนดีมาอย่างไร
 ยิ่งถ้าได้ข้อมูลไม่ครบ ข้อมูลเพี้ยนหรือถูกเสกสรรปั้นแต่ง การรับรู้ รับทราบ และตัดสินใจย่อมทรามเสื่อมไปตามความรุนแรงของการบิดเบือนข้อความความจริงนั้นๆ


 ในวันนักข่าวที่เวียนมาบรรจบขอคารวะผู้สื่อความจริงทุกท่าน ความจริงทำให้ท่านเป็นนิรันดร แต่ผู้บิดเบือนความจริง วันใดที่ความจริงปรากฏ ผู้บิดเบือนย่อมตายจากความรู้สึกผู้คนทั้งๆ ที่ยังมีลมหายใจ เพราะในประวัติศาสตร์มีการตายทั้งเป็นเกิดขึ้นเสมอๆ
 ชีวิตนิรันดร์ กับ การตายทั้งเป็น จึงขึ้นกับว่า จะเสนอความจริงอย่างไร

หมายเลขบันทึก: 17777เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2006 17:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท