ปัญหาที่ครูพบในการเรียนการสอน มักจะมีอยู่มากมาย ดังนั้นครูผู้วิจัยจึงมีข้อได้เปรียบนักวิจัยภายนอก เนื่องจากครูมีส่วนร่วมในฐานเป็น “คนใน” ในชั้นเรียน จึงเข้าใจสภาพโดยพื้นฐานของปัญหา สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและเลือกปัญหาที่ควรทำการวิจัยได้ดีกว่านักวิจัยภายนอก
ปัญหาวิจัยคืออะไร
ปัญหาวิจัย (research
problem) คือ
คำถามหรือโจทย์ที่ผู้วิจัยกำหนดขึ้น
ซึ่งต้องการคำตอบที่เชื่อถือได้
และการได้มาซึ่งคำตอบจะต้องอาศัยกระบวนการที่มีระบบระเบียบ
ดังนั้นปัญหาที่เรียกว่าปัญหาวิจัยต้องเป็นโจทย์ที่มีความลึกซึ่ง
ไม่ใช่เป็นเพียงคำถามโดยผิวเผินที่สามารถหาคำตอบได้โดยไม่อาศัยกระบวนการวิจัย
ดังเช่น
ถ้าเป็นปัญหาที่ครูสามารถได้รับคำตอบจากการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนครูผู้มีประสบการณ์
หรือกับผู้รู้ในวงการศึกษาเช่นนักการศึกษา หรือ
ศึกษานิเทศก์
โดยไม่ต้องอาศัยการศึกษาค้นคว้าตามระบบวิธีวิจัยโดยสมบูรณ์
ในกรณีเช่นนี้ ก็ไม่จัดว่าเป็นปัญหาวิธีวิจัย
กล่าวคือไม่เหมาะสมแก่การนำมาเป็นโจทย์เพื่อเสาะแสวงหาคำตอบด้วยวิธีการวิจัย
การสังเกตเป็นสมรรถวิสัยเบื้องต้นที่จำเป็นในการวิจัย
เพราะว่าเป็นปัญหาวิจัยเริ่มต้นจากปัญหาที่ครูสังเกตพบจริง
จนเกิดคำถามขึ้นในใจของครู
ต่อมาเมื่อได้พินิจเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจในคำถามนั้น ๆ
และกลั่นกรองปัญหาหลักที่สนใจ
ก็จะพัฒนาไปสู่ปัญหาวิจัยที่เหมาะสมได้
ปัญหาวิจัยที่ดีสำหรับการวิจัยในชั้นเรียน
มีลักษณะเบื้องต้น 3 ประการ ได้แก่
1. ปัญหาวิจัยควรมีความหมายและเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนการสอน
โดยตรง
ประเด็นนี้นับว่าเป็นหัวใจของการวิจัยเป็นชั้นเรียนดังได้กล่าวไว้แล้วตั้งแต่ต้น
ข้อสำคัญที่ควรย้ำคือปัญหาวิจัยที่ดีนั้น
เมื่อครูทำการวิจัยแล้วจะให้คำตอบที่เกิดประโยชน์ทางปฏิบัติแก่ครูผู้วิจัย
หรือทำให้เกิดความเข้าใจปัญหาดีขึ้น
นำไปสู่การปฏิบัติได้ดีขึ้นต่อไป
คำตอบที่ได้จากการวิจัยจะไม่ให้ความรู้ใหม่เชิงปฏิบัติที่ครูผู้วิจัยจะนำไปใช้ได้ทันที
หรือเป็นไปว่าปัญหาเช่นนี้มีคำตอบจากการวิจัยทางการศึกษาอยู่แล้ว
ซึ้งครูอาจหาได้จากรายงานการวิจัยทางการศึกษาต่าง ๆ เช่น
วิทยานิพนธ์ เป็นต้น
2. ปัญหาวิจัยนั้นต้องสามารถทำคำตอบได้อย่างสอดคล้องกับศักยภาพของครูมักจะพบว่า
ปัญหาในการเรียนการสอนบางปัญหาไม่อยู่ในวิสัยที่ครูจะหาข้อมูล
เพื่อตอบคำถามอย่างมั่นใจ
จึงไม่ใช่ปัญหาวิจัยที่ดีถึงแม้ว่าจะเป็นปัญหาที่มีความหมายและได้ประโยชน์ก็ตาม
นอกจากนี้ ปัญหาวิจัยที่ดีควรมีขอบเขตที่เหมาะสม
ไม่กว้างขวางหรือลึกซึ้งเกินศักยภาพของครูที่จะทำการวิจัย
ทั้งในด้านความรู้ - ประสบการณ์ เวลา
และภาระรับผิดชอบของครูที่สำคัญการดำเนินการวิจัยโดยเฉพาะในขั้นตอนการเก็บข้อมูล
ควรจะกลืนเป็นส่วนหนึ่งของการสอนของครู
ซึ่งครูจะสามารถทำการสังเกตหรือเก็บข้อมูลด้วยวิธีต่าง ๆ
ได้ง่าย
3. ปัญหาวิจัยควรสอดคล้องกับประสบการณ์
ความสนใจและความถนัดของผู้วิจัย
ประเด็นนี้เกี่ยวกับความพร้อมและแรงจูงใจในการวิจัย
เพราะถ้าครูได้ทำการวิจัยในเรื่อง
ที่มีพื้นฐานมาก่อน หรือในเรื่องที่ชอบ
ตรงกับความถนัดเฉพาะตน ย่อมจะเกิดแรงจูงใจในการทำวิจัย
ทำให้การวิจัยเป็นเรื่องสนุกและไม่ก่อให้เกิดความเครียดมากนัก
ดังนั้นถ้าเลือกได้ครูไม่ควรทำการวิจัยตามที่คิดว่าควรจะกระทำ
เท่านั้น เช่นทำตามนโยบายของผู้บริหาร
โดยที่ขัดแย้งต่อความรู้สึกของตน เป็นต้น
ทองสง่า ผ่องแผ้ว
4/04/2551
อยากทำวิจัยเรื่องเด็กไม่กินผัก แต่ยังไม่รู้ว่าจะวิธีแก้ยังไง ไม่รู้ว่าจะสร้างนวัตกรรมอะไรมาใช้ดี ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ