พลโท ศ.ดร.สมชาย Share เรื่อง KM ที่ สตง. กับสภาที่ปรึกษาฯ


สตง. มีคนดีอยู่เยอะ แต่ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะคนเหล่านี้ไม่ได้รับโอกาส พอ Workshop เปิดให้มีการทำ Dialogue ได้เปิดใจกัน และเมื่อผู้บริหารได้ให้ความสำคัญกับพวกเขา รับฟัง เปิดโอกาส...... ก็ทำให้ศักยภาพ และความดีที่ซ่อนอยู่ปรากฏออกมา

       วันนี้ไปบรรยาย (อีกแล้ว) ให้กับสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรฐกิจและสังคมแห่งชาติ  เรื่อง "แนวคิดการจัดการความรู้ในองค์กร"  ผมได้ Show Video "KM โรงพยาบาลบ้านตาก"  แทนการอธิบายว่า KM คือ อะไร  นอกจากนั้นยังได้เชิญ พลโท ศ.ดร. สมชาย  วิรุฬหผล  หนึ่งในคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ในฐานะที่ท่านเป็นประธานอนุกรรมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ช่วย Share ประสบการณ์การนำ KM เข้าไปใช้ใน สตง. ให้ทุกท่านฟัง

       ศ.ดร. สมชาย ได้เล่าประสบการณ์/ วิธีการที่ท่านใช้นั้น สรุปได้หลักๆ ดังนี้ครับ

 (1) เสาะหาผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็น "Change Agent"  ซึ่งในรอบแรกนี้ท่านหามาได้ 31 คน  Spec ของท่านก็คือ ต้องเป็นพวกที่ "ดื้อ" ผมตีความคำว่า "ดื้อ" ของท่าน ว่าหมายถึง พวกที่ค่อนข้างจะเป็น "ตัวของตัวเอง" ไม่ยินยอมตามเจ้านายไปเสียทุกอย่าง กล้าคิด กล้าขัด กล้าแย้ง

 (2) นำทั้ง 31 คนนี้ มาเข้า Workshop ปรับกระบวนทัศน์ (Shift Paradigm) ซึ่งปรากฎว่าได้ผลเกินคาด.... จนผมเองก็ประหลาดใจ แต่ทั้งนี้ผมเชื่อว่าเป็นเพราะ สตง. มีคนดีอยู่เยอะ  แต่ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะคนเหล่านี้ไม่ได้รับโอกาส  พอ Workshop เปิดให้มีการทำ Dialogue ได้เปิดใจกัน และเมื่อผู้บริหารได้ให้ความสำคัญกับพวกเขา รับฟัง เปิดโอกาส...... ก็ทำให้ศักยภาพ และความดีที่ซ่อนอยู่ปรากฏออกมา  เกิดการร่วมมือร่วมใจ ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เกิดกิจกรรมต่างๆ ขึ้น มีการจับกลุ่มคิดเรื่องงาน จัดห้องกาแฟสำหรับทำ Sharing  ใครมีประสบการณ์ มีปัญหาอะไรและแก้ไขไปอย่างไร ก็เอามา Share กัน  มีการออก Road Show เผยแพร่เรื่องนี้ไปยังที่ สตง. สำนักงานภาค  โดยเริ่มที่ชลบุรีก่อนเป็นภาคแรก   ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก

 (3) การเริ่มทำ KM ของ สตง. นั้น ท่านมองไปที่ประโยชน์ของบุคลากรก่อนเป็นอันดับแรก ในการ Share Knowledge ได้ มีการ Encourage ให้เอา Knowledge นี้ไปจัดทำเป็นคู่มือ หรือ Guideline ที่ใช้ในการทำงาน  โดยจะถือว่าเป็นผลงานวิชาการที่สามารถนำไปใช้ปรับเลื่อนซีได้ด้วย

 (4) ความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมานี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวแต่ละคนก่อนเป็นันดับแรก   ศ.ดร. สมชาย   ใช้คำว่า "ต้องมองตัวเองให้ออก ต้องบอกตัวเองให้ได้ ต้องใช้ตัวเองให้เป็น"  อีกทั้งท่านยังได้กล่าวถึงคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำว่า ผู้นำที่ดีจะต้องมี "พรหมวิหาร 4"  คือมี เมตตา กรุณา  มุฑิตา  อุเบกขา  และจะต้องระวังตน ทำตัวให้พ้นจาก "พรหมวินาศ 4"  ซึ่งก็คือ "หลงตัว  มัวเมาอำนาจ  ฉ้อราชบังหลวง  หลอกลวงลูกน้อง"

       ตกลงการบรรยายของผมในวันนี้ ที่ได้ผลดีคงเป็นเพราะว่ามีกรณีศึกษาของโรงพยาบาลบ้านตาก และ สตง.  มาช่วยไว้ และผมคงต้องให้เครดิต ท่านเลขาธิการ  คุณพรรณราย  ขันธกิจ   ที่ท่านได้ให้ความสำคัญและอยู่ร่วมงานโดยตลอด  คงอย่างที่ ศ. ดร. สมชาย  บอกแหละครับว่า ถ้าเบอร์ 1 ขององค์กรเอาจริง สิ่งที่บอกว่ายาก  ก็เป็นไปได้ครับ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 17509เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2006 16:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 22:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เคยคุ้นเคยกับ พลโท ศ.ดร. สมชาย  วิรุฬหผล  สมัยผมเป็นนักข่าว เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ท่านเป็นนักบริหารที่มาดดีทีเดียวครับ และดูเอาจริงเอาจังกับงานมาก

ถ้า สตง. ทำ KM ได้ผลดี ผมขออาสาไปจับภาพครับ

นามแฝง "อรลดา สัมปทากรณ์"

เจ้าหน้าที่สำนักงานฯที่นี่มีโอกาสได้รับฟังการบรรยายดีๆเสมอ และมีหลักสูตรฝึกอบรมมาตลอด   ในแง่การได้รับความรู้นับว่าพวกเราโชคดีมากๆ  ความรู้ที่ได้สามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานได้จริง  แต่งานที่นี่เป็นงานที่ต้องนึกถึงผู้อื่นด้วย ทุกครั้งที่ได้รับการอบรมอย่างสมำเสมอนี้  ก็อดนึกถึงคนอีกกลุ่มที่ไม่ค่อยมีโอกาสแน่ๆ  เช่นผู้ขับขี่รถสาธารณะ  คนขับรถเมล์เขียว  มอเตอร์ไซด์รับจ้าง  แม่ค้า กลุ่มคนพวกนี้แม้อาจมีการอบรมแต่ก็คงน้อยมาก  คนขับรถต้องรู้เกี่ยวกับกฏจราจร  รู้  ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากไม่เคารพกฏกติกา  แม่ค้าต้องมีความรู้  การใช้สี  สารเคมีที่เป็นพิษ    ความซื่อสัตย์  เป็นต้น อาจเป็นการแสดงความคิดเห็นที่นอกเรื่องหน่อยแต่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณที่มีสรุปคำบรรยายของพันโท ศ.ดร.สมชายฯ เพราะได้นำมาปรับบันทึกที่ทำไว้ด้วย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

หลังจากสมัยเลขาพรรณราย แล้ว สนง. สภาที่ปรึกษา

ก็ถอยหลังไปเรื่อย ... จนมาถึงสมัยเลขาชั่งทอง

ก็ต้องดูกันต่อไป

อาจารย์ค่ะ หนูผ่านงานธนาคารดังๆมาหลายที่ แต่ละที่ก็สำนักงานใหญ่ สาทร ฮโศก ทำประโยชน์และสร้างชื่อเสียง ให้กับธนาคารก็เยอะค่ะ อยู่กทมมาหลายปี มาก เป็นคนยากจนและกำพร้าน่ะค่ะ ด้วยความพยายามและอดทน เพื่อให้ชีวิตอยู่ดำเนินต่อไปให้ได้ จึงสู้สุดชีวิต ด้วยความที่เราเป็นมุสลิม เป็นชาวใต้ มันจะมีเส้นบางขีดกั้นอยู่ ทำให้เราท้อแท้บ้างในบางครั้งที่บางธนาคารไม่ตอบรับมุสลิมทำงานสักเท่าไหร่ ที่นี้ ด้วยอายุก็เยอะแล้ว จากบ้านมาก็ไกลแสนไกล และต้องการอยากทำงานใกล้บ้าน ภาคใต้ ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า เลยสมัครเข้ธนาคารอิสลามเพื่อคนอิสลาม แต่ทำไมหนูเหมือนโดนกลั้นแกล้ง สมัครไปหลายครั้งมาก ทั้งอินเตอร์เน็ต จดหมายเอกสารสมัครงาน เดินเข้าสมัครด้วยตนเอง แต่ไม่มีใครติดต่อกลับมา กลับไปใต้ไปสมัครที่ใต้ก็ไม่ได้ผล และได้ข่าวว่ามีการล๊อกหรือบล๊อกตำแหน่งสำหรับคนมีเงิน หรือตำแหน่งโดนมอบหมายให้ญาติๆหลานเหลน ในเครือเดียวกัน จนบางครั้งท้อแท้ สิ้นหวัง หมดหนทางสู้ เพราะเราไม่มีอะไรจะไปสู้ได้ นอกจากประสบการณ์ วุฒิปริญญาโท มหาลัยแห่งหนึ่ง ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีญาติที่ใหญ่พอจะฝากฝั่งได้ จนเป็นขี้ปากเพื่อนไทยพุทธ ว่าไหนอิสลามกลัวบาป สะอาด ไม่ติดสินบน เที่ยงธรรม ยุติธรรม ไม่มีดอกเบี้ย 00…..สารพัดอย่างที่พูด อย่างไรก็แล้วแต่ หากวันนี้หนูโชคเข้าข้างท่านได้อ่านข้อความ รบกวนเมตตา พิจารณา จากแผ่นกระดาษเศษน้อยๆที่หนูได้ยื่นไปบ้าง หากโชคไม่เข้าข้าง ก็ถือว่าหนูได้ระบายความทุกข์ที่อยู่ในอก และเพื่อเป็นประโยชน์กับใครได้บาง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ทางด้านสังคม การเมือง การปกครอง การเป็นมนุษย์ที่ถูก แบ่งชนชั้น กัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท