(1 มี.ค. 49) ไปร่วมแถลงข่าวกับอาจารย์โคทม อารียา และอาจารย์ชัยวัฒน์
สถาอานันท์ ในหัวข้อ “ข้อเสนอการใช้แนวทางสันติวิธีกับวิกฤตทางการเมือง”
โดยใช้สถานที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นที่แถลงข่าว
สาระของคำแถลงข่าวที่พิมพ์แจกนักข่าวเป็นดังนี้
ข้อเสนอการใช้แนวทางสันติวิธีกับวิกฤตทางการเมือง
ความขัดแย้ง
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความขัดแย้งซึ่งเป็นวิกฤตทางการเมือง
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
2549ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งมีผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ตามมาตรา 215
แห่งรัฐธรรมนูญ แต่คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง
ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่
พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่
2 เมษายน 2549
แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านประกาศจะไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
จัดให้มีการชุมนุมใหญ่
เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก
หลายฝ่ายพยายามจะแก้ไขวิกฤตทางการเมืองครั้งนี้
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งแก้ก็ยิ่งถลำลึก
หรือผูกเงื่อนตายมากขึ้นทุกที
ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งประกอบด้วย
· นายกรัฐมนตรี
· พรรคไทยรักไทย
· ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรี
· พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
· ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ที่ไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรี
· พรรคร่วมฝ่ายค้าน
· ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ที่วางตัวเป็นกลางหรือไม่มีความเห็น
แต่ละฝ่ายต่างมีเป้าหมายของตนเอง
และเมื่อเป้าหมายไม่ตรงกันก็เกิดความขัดแย้งขึ้น
ความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดา
แต่การป้องกันมิให้ความขัดแย้งเปลี่ยนเป็นความรุนแรง
และการร่วมกันหาทางเลือกหรือทางออกที่ทุกฝ่ายพอใจ (win-win)
เป็นเรื่องที่ท้าทายจินตนาการของทุกคน โดยเฉพาะนักสันติวิธี
หลักการที่น่าจะเห็นร่วมกัน
แม้ฝ่ายต่าง ๆ
จะมีเป้าหมายเฉพาะหน้าต่างกันซึ่งดูเหมือนจะยอมกันไม่ได้
แต่เมื่อลองคิดดูอีกที
อาจมีเป้าหมายที่สำคัญที่เห็นตรงกันก็ได้
จึงขอเสนอหลักการที่น่าจะเห็นร่วมกันดังนี้
· ทุกฝ่ายไม่ต้องการให้เกิดภาวะความแตกแยกที่จะนำไปสู่ความรุนแรง
และการนองเลือด ในปีอันเป็นมหามงคลยิ่งนี้
· ทุกฝ่ายต้องการรักษาและพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
· ทุกฝ่ายเห็นพ้องที่จะดำเนินการภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2540 และไม่ดำเนินการใดๆอันเป็นการชักนำ
หรือส่งเสริมการใช้อำนาจอื่นนอกกติการัฐธรรมนูญ (unconstitutional
means) ให้เข้ามามีบทบาทหรือเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
ซึ่งยังคงสภาพแห่งความเป็นประชาธิปไตยอยู่
· ทุกฝ่ายต้องการจะปฏิรูปการเมืองโดยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่คำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชนเป็นสำคัญ
โดยมีคณะบุคคลที่เป็นกลางซึ่งมีที่มาที่โปร่งใส
และเป็นที่ยอมรับของประชาชนมาเป็นผู้รับผิดชอบเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
· ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่าสันติสุขและประโยชน์สุขของประชาชนสำคัญกว่าผลประโยชน์ของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดๆ
ถ้าหลักการเหล่านี้หรือทำนองนี้เป็นที่ยอมรับได้
จะต้องพิจารณาว่าทางเลือกหรือทางออกใด
เป็นไปตามหลักการเหล่านี้
และในขณะเดียวกันก็คำนึงว่าทางเลือกหรือทางออกเหล่านั้นเข้ากันได้กับเป้าหมายเฉพาะหน้าของฝ่ายต่าง
ๆ มากน้อยเพียงไร
โดยไม่หวังให้มีฝ่ายใดชนะร้อยเปอร์เซ็นต์
หรือแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทุกฝ่ายมีความพอใจในระดับหนึ่ง
ในที่นี้ขอเสนอความเห็นเพื่อให้ฝ่ายต่าง ๆ
โปรดพิจารณาเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นดังนี้
ข้อเสนอแนะ
1) การดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ควรเปลี่ยนแปลงการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ และระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยเน้นความเป็นกลางของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในช่วงเวลาการเลือกตั้ง
ซึ่งข้อเสนอทางเลือกมี ดังนี้
1.1) พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
ประสงค์จะวางมือทางการเมือง ก็เป็นจังหวะที่ดี
เพราะแสดงถึงความเสียสละเพื่อแก้ไขสถานการณ์
หากประสงค์จะดำเนินการทางการเมืองต่อไป
ก็มีเหตุผลว่าขอลาออกจากตำแหน่ง
เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบได้เต็มที่
และเพื่อจะได้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคการเมืองโดยไม่มีข้อครหาว่า
ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคของตนในช่วงการเลือกตั้ง
1.2) ก่อนการลาออกตามข้อ 1.1)
นายกรัฐมนตรีควรเปลี่ยนแปลงลำดับที่ของรองนายกรัฐมนตรีที่จะมาปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
โดยเลื่อนรองนายกรัฐมนตรีคนที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองมาไว้ในลำดับต้นเพื่อจะได้ปฏิบัติหน้าที่แทนในช่วงเลือกตั้งอย่างเป็นกลางที่สุด
ไม่ให้คุณให้โทษแก่พรรคการเมืองใดโดยเฉพาะ
หากต้องกำชับกำกับดูแลให้ข้าราชการทุกคนวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด
1.3) รัฐมนตรีของกระทรวงที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง
เช่นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม
รัฐมนตรีผู้ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ และสื่อมวลชนของรัฐ
ที่เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งควรลาออกจากตำแหน่ง
เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือไม่สมัครรับเลือกตั้งมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่ว่างลง
และรัฐมนตรีทุกคนควรมอบหมายให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติราชการแทนในเรื่องอาจมีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้ง
2) กระบวนการเลือกตั้ง
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการดำรงตำแหน่งตามข้อ 1) แล้ว
กระบวนการเลือกตั้งควรดำเนินต่อไป
โดยเน้นเรื่องการเข้าร่วมของพรรคการเมืองตลอดจนความสุจริตและเที่ยงธรรมของการเลือกตั้ง
ซึ่งข้อเสนอทางเลือกมี ดังนี้
2.1) พรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรครัฐบาล
และพรรคร่วมฝ่ายค้านจัดทำข้อตกลงร่วมกันในการปฏิรูปการเมืองหลังการเลือกตั้ง
2.2) พรรคร่วมฝ่ายค้านทบทวนมติการไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
2.3) หากเป็นความประสงค์ร่วมของพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรครัฐบาล
และพรรคร่วมฝ่ายค้านก็อาจขอให้มีการออกพระราชกฤษฎีกา
เลื่อนวันเลือกตั้งออกไป เช่นเป็นวันที่ 23
เมษายน 2549 เพื่อให้พรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัว
และหาเสียงเลือกตั้งได้ดียิ่งขึ้น
2.4) รัฐบาลส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสอดส่องดูแลการเลือกตั้ง
หากเห็นสมควร
อาจตั้งคณะกรรมการกลางสอดส่องดูแลการเลือกตั้ง
ที่ทำหน้าที่เหมือนองค์กรกลางการเลือกตั้งซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี
พ.ศ. 2535 ทั้งนี้
เพื่อมาเสริมงานขององค์การเอกชนซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองเพื่อตรวจสอบการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม
3) การปฏิรูปการเมือง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย องค์กรประชาสังคม
มหาวิทยาลัย องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอื่น ๆ ที่
เกี่ยวข้อง ทำการศึกษา รณรงค์
เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในเรื่องรัฐธรรมนูญ
และการปฏิรูปการเมืองอย่างกว้างขวาง
4) การชุมนุมโดยสันติวิธี
ขอให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยยังคงยึดมั่นแนวทางการดำเนินงานโดยสันติวิธี
ไม่มีการติดอาวุธ
ซึ่งได้ผลดีและเป็นที่ชื่นชมของสังคมไทยและนานาชาติ
ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
รศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์
นายโคทม อารียา
วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2549
หลังจากการแถลงข่าว
โทรทัศน์ช่อง “ไอทีวี” ได้ขอสัมภาษณ์ผมต่ออีกประมาณ 10 นาที
เพื่อนำไปประกอบการเสนอข่าวและรายการในตอนค่ำ
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
1 มี.ค. 49
ไม่มีความเห็น