ป้าเนียร
นาง จำเนียร ป้าเนียร แตงนารา

พาครอบครัวไปปฏิบัติธรรมช่วงปิดเทอม


เรียนรู้ธรรมะในวัยเด็ก

         หลังจากทัวร์ธรรมะและศึกษาดูงาน การพัฒนาเครือข่ายบริการปฐมภูมิ รพ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี  และเลยไปเที่ยวตามวัดต่างๆอีกมากมายจนถึงจ.กาญจนบุรีเมื่อ29 กุมภาพันธ์ และ           1 มีนาคม  2551 มีวัดถ้ำเสือ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี วัดตั้งอยู่บนเขา  การขึ้นลงจะลำบากทางวัดมีบริการให้ขึ้นรถรางสลิงก์ขาขึ้นสนุกมาก ตื่นเต้นดี จุดเด่นของวัดถ้ำเสือคือมีศิลปะ ไทย-จีนผสมอยู่อย่างกลมกลืน การก่อสร้างงดงาม น่ามาเที่ยวชม ชาวศูนย์สุขภาพชุมชนประทับใจตามๆกัน                                                                                                                                    หลังไปวัดกับคณะทำงานแล้ว15 -21 มีนาคม 2551 ได้มีโอกาสพาลูกสาว 2 คน และหลานสาวอีกคน รามป้าเนียรด้วย เป็น 4 คนไปปฏิบัติธรรมที่ศุนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติสวนพุทธธรรมเวฬุวัน        วัดวังหิน ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก เหตุที่การพาลูกหลานไปปฏิบัติธรรมเพราะเป็นช่วงปิดเทอม ทุกคนยอมเป็นข้อตกลงของครอบครัว
        วักแรกเด็กๆอดทนมากเพราะอากาศร้อน  อีกอย่างฝึกร่วมกับผู้ใหญ่ ที่มีความตั้งใจมาฝึกมาธิ ทุกคนเงียบ ทุกคนเคร่ง เด็กซนก็ไม่ได้ คนที่มาฝึกใหม่ๆ พระอาจารย์เบิ้ม จะช่วยเรื่องการส่งอารมณ์ พระอาจารย์ให้ความสำคัญกับเด็กพูดคุยดี อย่างสนุกๆ ชมน้องไข่มุกว่าเก่ง น้องไข่มุกได้แต่ทำท่าอาย เขินตลอดเวลา ครอบครัวเราไม่ได้นอนพักที่วัด เราพาเด็กๆกลับบ้านค่ะ มาถึงบ้าน ทุกเพลียอาบน้ำแล้วหลับสบายๆตามๆกัน  แต่....  ดึกๆแล้วน้องไข่มุก tel.บอกยายเนียรว่ายายจ๋าไข่มุกไม่ไปวัดแล้ว ยายถามว่าทำไมล่ะมุกเหนื่อยจ๊ะ ไม่เป็นไรนะนอนก่อนนะ จ๊ะบ๊ายบาย หวัดดีค่ะ มุกตอบ                            ต่อมาเช้า 16มีนาคม วันอาทิตย์น้องแพงมาบอกแม่ว่าแม่ น้องแพงท้องเดินค่ะ ไม่ไปวัดนะแม่   อีกคนน้องพอมาบอกว่า ถ้มุก แพง ไม่ไปวัด น้องพอก็ไม่ไปด้วย  ความเป็นแม่ใจหาย คิดว่าทำไง จะให้เด็กๆไปวัดได้ จึงพูดกับเด็กๆไปว่า แม่เสียใจนะ เพราะพระอาจารย์เบิ้มต้องถามหาเด็กๆแน่เลยที่เด็กหายไป
   และพูดต่อวาเวลาเด็กชวนแม่ไปห้าง ดูหนังฟังเพลง แม่ยังพาไปเลย แต่เวลาแม่ชวนไปวัดไม่เห็นให้ความร่วมมือเลย ได้ผลค่ะ เด็กเปลี่ยนใจไปวัด  โล่งใจ พอไปถึงวัดมีพระอาจารย์จากวัดใหญ่ มาสอน การฝึกสมาธิ ผู้ใหญ่จะฟังรู้แต่เด็กจะยากหน่อย เด็กๆงอแงบ้างแต่ยอมเดินเจริญสติ และนั่งสมาธิต่อจนจบภาคเช้า พอบ่ายๆฝึกต่อได้อีก และการส่งอารมณ์ก็มาถึง พระอาจารย์เบิ้มให้เด็กๆ 3 คนส่งอารมณ์ก่อนพร้อมกัน เราเป็นแม่เป็นยายเป็นห่วงมาก ประมาณ 20 นาทีทั้ง3คนกลับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม และบอกแม่ว่า ส่งอารมณ์สนุกมาเลย พระอาจารย์บอกเด็กๆว่าการทำสมาธิเหมือนการกินพิชซ่าให้พิจารณาว่าอร่อยมั๊ย ให้รู้อารมณ์ว่าอร่อย ถ้าเปลี่ยนพิชซ่าเป็นหน้าอื่นๆ ก็ให้พิจารณาเช่นเดิม โฮ้โหอะไรจะโดนใจขนาดนั้น เด็กๆชอบใจ สนุกกับการเจริญสติได้ สาธุ ๆๆ จากนั้นเด็ก 3คนสมัครใจทำความสะอาดวัดต่อด้วย จนพ่อ tel.ตามว่าจะกลับบ้านยัง
     สรุปได้ว่าการพาลูกหลานเข้าวัด ต้องให้เวลาเขาหน่อย พระอาจารย์ท่านมองอารมณ์เด็กรู้และเข้าใจเด็ก มาก  วันอื่นๆไม่ต้องพูดถึงเด็กขอไปวัดเอง ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 ทำให้ครอบครัวของเราพาลูกหลานเรียนรู้ธรรมะได้สำเร็จ   คงเป็นช่วงปิดเทอมที่มีคุณค่าของเด็กๆ

หมายเลขบันทึก: 172591เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2008 22:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

น่าชื่นใจนะครับ อีกหน่อยเค้าคงจะขอตามพี่เนียรไปวัดบ่อยๆ

ปีหน้าฝากหลานน้ำมนต์ไปวัดกับป้าเนียร บ้างนะคะ จะได้เก่งๆเหมือนลูกพี่เนียร

นอกจากพาลูกไปวัดแล้ว พี่เนียรยังชวนน้องแพง ทำหน้าที่เยาวชนจิตอาสาที่ศูนย์สุขภาพเมืองด้วย น้องแพงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เลยล่ะค่ะพี่เนียร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท