“บ้าชะมัด จะกินให้อร่อยซะหน่อย หมดมู๊ดเลย”
เสียงบ่นกระปอดกระแปด กับท่าทางอารมณ์บ่จอยของเพื่อนทำให้ต้องชวนเสวนา เพื่อสร้างบรรยากาศหลังอาหารกลางวันให้ดีขึ้น จะได้ทำงานช่วงบ่ายด้วยกันอย่างมีความสุข
เธอออกไปกินข้าวข้างนอกกับลูกค้ามาค่ะ เจอกิริยาอาการกินแบบสุดจะทนทั้งจากลูกค้าของตัวเอง และลูกค้าของร้านอาหารที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ กัน เลยกินไม่อร่อยแถมเสียอารมณ์อีก
ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร คนบางคนอาจไม่รู้สึกใดๆ กับเรื่องที่เธอพบเจอ แต่สำหรับหลายๆ คนแล้ว อาจสร้างความหงุดหงิดใจได้ไม่เบาเลยทีเดียว
กิริยาท่าทางในการกินหลายอย่างสามารถสร้างความรำคาญ พาลเลยไปถึงบ่อนทำลายบรรยากาศดีๆ และอาหารอร่อยๆ ได้ชะงัด โดยที่เจ้าตัวต้นเหตุไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรสักนิด เพราะตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีใครบอกหรือว่ากล่าวตักเตือนมาก่อน หรือคนรอบข้างก็ทำเหมือนๆกัน!
และที่เพื่อนวีนมากกว่าปกติก็เพราะแขกร่วมโต๊ะเรียนจบตั้งปริญญาโท เธอว่าทำอย่างนั้นได้ยังไง ?!?
เราเลยบอกไปว่าคงไม่เกี่ยวกันกระมัง เพราะเท่าที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นใครลงเรียนวิชามารยาทในการกินที่มหาวิทยาลัยเลยสักคน
เรื่องอารมณ์เสียของเธอเกี่ยวกับเสียงที่เกิดจากอากัปกิริยาเวลากินค่ะ
เป็นการกระจายเสียงออกจากปากเท่านั้นนะคะ ไม่ใช่จากช่องทางอื่นๆ
เสียงที่เธอเผชิญมาเป็นอันดับแรกคือ เสียง แจ่บๆ จากการเคี้ยวอาหารโดยไม่ยอมปิดปากให้สนิทของลูกค้าซึ่งนั่งประจัญหน้าตรงกันข้ามกับเธอ แถมระหว่างเคี้ยวก็พูดไปด้วย เธอเห็นแล้วอยากเมิน แต่ก็เกรงจะเสียมารยาท
ความจริงการพูดในขณะที่มีอาหารคำเล็กๆ อยู่ในปากนั้นทำได้ค่ะ ไม่ถือว่าผิดอะไร แต่ถ้ากินคำโตๆละก็ ขออย่าได้เปิดปากพูดเด็ดขาด ยิ่งเคี้ยวแล้วเปิดปากพร้อมส่งเสียงแจ่บๆ ด้วยแล้ว โปรดอย่าได้ทำเลยนะคะ
ต่อมาเป็นเสียง จิ๊กแจ๊ก เกิดจากการดูดฟันเวลามีอาหารติด ซึ่งลูกค้ารายนี้คงมีปัญหาเรื่องฟันอยู่ด้วย จึงทำให้เศษอาหารติดฟันเป็นระยะๆ เสียงจิ๊กแจ๊กจึงบรรเลงสลับกับเสียงแจ่บๆ ให้เธอได้ยินเป็นช่วงๆ
ในกรณีนี้ ถ้ากำจัดไม่ได้ด้วยการใช้ลิ้นกวาดหรือดุนออกอย่างเงียบๆ ก็ควรลุกออกจากโต๊ะ และไปส่องกระจกดูในที่ที่สามารถกำจัดเศษอาหารออกจากฟันได้โดยลำพังจะดีกว่าค่ะ แต่ถ้าติดเป็นระยะๆ อย่างพ่อคนนั้น ก็ควรปล่อยให้ติดไปเถอะ ยกยอดไปขจัดซะทีเดียวตอนกินเสร็จแล้วที่ห้องน้ำ
ทีนี้ก็ถึงเสียง ซู้ดๆ จากการซดแกงจืด ดูน่าอร่อยอยู่หรอกค่ะ แต่บังเอิญไม่ใช่ธรรมเนียมญี่ปุ่น เสียงซดดังๆ จึงไม่งามเลย จิบเบาๆ แบบไร้เสียงไม่ใช่เรื่องยาก และถ้าน้ำแกงหรือซุปร้อนเกินไปที่จะซด ก็ปล่อยทิ้งไว้ให้อุ่นซะหน่อยก่อน ไม่ต้องทำท่าเป่าให้เกิดเสียง พู่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก
ระหว่างอดทนกับเสียงกินที่บรรเลงอยู่ตรงหน้า เธอก็ได้ยินเสียงประสานด้วยค่ะ จากโต๊ะข้างๆ ที่ส่งเสียงเฮฮา และคุยกันแบบไม่สนใจว่าจะมีแขกโต๊ะอื่นๆ อยู่ในร้านด้วย แถมยังพากันปล่อยสารพัดสัตว์เลื้อยคลานเพ่นพ่านไปหมด เพราะมากันหลายคนและมีเบียร์หลายขวดวางเรียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่ขนาดมื้อกลางวันนะเนี่ย เพื่อนครวญว่าอุตส่าห์เลือกร้านเกรดดีแล้วเชียวนา
ทำยังไงได้ล่ะคะ ร้านเกรดดีแค่ไหน ก็คงจะคาดเดาไม่ได้ว่าลูกค้าที่เดินเข้ามาใช้บริการนั้นจะเกรดดีด้วยหรือเปล่า
เสียงสุดท้ายปิดฉากการกินคือ เสียง เอิ้กๆ ของการเรอเพราะความอิ่ม เพื่อไล่ลมในกระเพาะที่ดันขึ้นมา
ธรรมเนียมชาติอื่นอาจถือเป็นเสียงสวรรค์ เจ้าภาพจะดีใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเสียงเรอของแขกหลังอาหาร แต่นี่เมืองไทยค่ะ และหลักสากลเองก็ถือว่าไม่งามเช่นกันที่จะส่งเสียงเรอเอิ้กอ้ากหลังอาหาร
เพื่อนอธิบายไปพลาง ออกลีลาประกอบไปด้วย ทำให้เราต้องหัวเราะ พอจบเรื่อง เพื่อนก็อารมณ์ดีขึ้น เรื่องหงุดหงิดกลายเป็นเรื่องขำขัน แถมสั่งเราว่า “ช่วยเอาไปเขียนหน่อยซิ”
ค่ะ เขียนให้แล้วนี่ไง แต่ไม่รู้ว่าคนประเภทที่ทำแบบนี้จะอ่านหรือเปล่า และถ้าอ่านแล้วจะเลิกทำได้มั๊ย เพราะเคยชินซะแล้ว
เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะคะ ใครอยากเห็นลูกหลานกิริยางดงามก็ช่วยอบรมกันหน่อย ไม้อ่อนดัดง่ายกว่าเยอะ