ข้อบังคับพิเศษ หมวด 1
ข้อบังคับสำหรับเรือกำปั่นและเรือต่าง ๆ
ที่บรรทุกสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้
มาตรา 189 (1)
ให้เจ้าท่าโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีอำนาจประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษากำหนดชั้นของสิ่งของและสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้
มาตรา 190 (2)
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนด
หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบรรจุหีบห่อ การจัดเก็บการจัดแยก
การจัดทำและแสดงเครื่องหมาย การจัดให้มีเอกสารที่จำเป็น
และการขนถ่ายสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ในการขนส่งตามหมวดนี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา
191 (3) การขนถ่ายสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้
จากเรือลำหนึ่ง ไปยังเรืออีกลำหนึ่ง การขนถ่าย จากเรือขึ้นบก
หรือการขนถ่ายจากบกลงเรือ นายเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือต้อง
แจ้งให้เจ้าท่าทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนการขนถ่าย
และห้ามมิให้ขนถ่ายจนกว่าจะ
ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าให้อธิบดีกรมเจ้าท่าโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีอำนาจประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษายกเว้นเรือชนิดใดหรือการขนถ่ายประเภทใดที่จะไม่ต้องอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติตามวรรคหนึ่งได้
มาตรา 192 (4)
ให้อธิบดีกรมเจ้าท่าโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีอำนาจ
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เรือชนิดหนึ่งชนิดใดที่บรรทุกสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้
ต้องชักธงหรือแสดงเครื่องหมายหรือต้องให้สัญญาณใด ๆ
ตามที่กำหนดได้
มาตรา
193 (5) ในการส่งสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้โดยทางเรือ
ผู้ส่งต้องจัดให้มีฉลากแสดงสภาพอันตรายของสิ่งของนั้นให้ชัดเจนที่หีบห่อ
และต้องแจ้งเป็นหนังสือเกี่ยวกับสภาพอันตราของสิ่งของนั้น
ตลอดจนชื่อและที่อยู่ของผู้ส่งให้นาย
เรือทราบในขณะหรือก่อนการนำสิ่งของนั้นขึ้นเรือห้ามมิให้ผู้ใดส่งหรือรับขนโดยทางเรือซึ่งสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ที่มิได้มีการ
ปฏิบัติให้ถูกต้องตามวรรคหนึ่ง
หรือมีการปฏิบัติตามแต่มีข้อความอันเป็นเท็จ
มาตรา 194 (6)
นายเรือต้องตรวจสอบอย่างระมัดระวังตามควรแก่กรณีมิให้มีการนำสิ่ง
ของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ขึ้นบนเรือโดยฝ่าฝืนกฎกระทรวงที่ออกตามความใน
มาตรา 190ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการลักลอบนำสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ขึ้น
บนเรือ นายเรืออาจปฏิเสธที่จะรับหีบห่อนั้นได้
เว้นแต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองจะให้เปิดหีบห่อเพื่อ
ตรวจดู
มาตรา 195 (1)
ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 192
หรือ มาตรา 194
วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
มาตรา 196 (2)
ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 190
มาตรา 191
หรือ มาตรา 193
วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 197 (3)
ยกเลิก
มาตรา 198 (4)
ยกเลิก
มาตรา 199
เรือกำปั่นถังทุกลำที่เข้ามาถึงในเขตท่าหรือแม่น้ำใด ๆ
ในประเทศไทย
และมีน้ำมันปิโตรเลียมอย่างบรรทุกในถังระวางมาในเรือท่านว่าเรือนั้นต้องรีบ
ไปยังที่ท่าขนสินค้าซึ่งได้รับอนุญาตสำหรับขนน้ำมันปิโตรเลียมอย่างนั้นโดยพลัน
และห้ามมิให้เรือลำนั้นถอยไปจากที่นั้นโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า
มาตรา 200
ในระหว่างเวลาที่เรือกำปั่นถังลำใด
ซึ่งมีน้ำมันปิโตรเลียมอย่างบรรทุกใน
ถังระวางอยู่ในเรือยังพักอยู่ในเขตท่าหรือลำแม่น้ำตำบลใด ๆ
ในประเทศไทย ท่านห้ามมิให้ใช้
ไฟหรือโคมนอกจากโคมไฟฟ้าบนเรือหรือในที่ใกล้ชิดกับเรือลำนั้น
ในขณะที่ถังระวางหรือ
ห้องบรรทุกน้ำมันปิโตรเลียมยังเปิดอยู่หรือกำลังถ่ายหรือรับน้ำมันปิโตรเลียม
หรือในขณะที่ฝาครอบปากยังเปิดอยู่
และห้ามบรรดาคนในเรือนั้นทุกคนมิให้สูบยาหรือมีไม้ขีดไฟอยู่กับตัว
แต่ที่บังคับไว้เหล่านี้
ต้องถือว่าไม่เป็นการห้ามไฟครัวหรือไฟในห้องเครื่องจักรสำหรับให้เกิดสติมพอให้เรือถอยเข้าหรือ
ถอยออกที่ท่าขนสินค้าเช่นว่ามาแล้วหรือออกไปยังทะเล
หรือเพื่อให้มีแรงสติมสำหรับทำการถ่าย
น้ำมันปิโตรเลียมที่ยังมีอยู่นั้นออกจากเรือ
มาตรา 201 (5) ยกเลิก
มาตรา 202 (6) ยกเลิก
มาตรา 203 (7) ยกเลิก
มาตรา 204 (8) ผู้ใดเท ทิ้ง
หรือปล่อยให้น้ำมันปิโตรเลียมหรือน้ำมันที่ปนกับน้ำรั่ว
ไหลด้วยประการใด ๆ ลงในเขตท่า แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบ
หรือทะเลภายในน่านน้ำไทย ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา
205 ในไม่ว่าเวลาใด
ห้ามมิให้เรือกำปั่นถังเข้าไปยังท่าหรือเข้าจอดเทียบ
ท่ามากกว่าลำหนึ่งและในขณะที่เรือกำปั่นถังลำใดกำลังถ่ายน้ำมันปิโตรเลียมจากเรือ
หรือรับน้ำมันปิโตรเลียมลงบรรทุกในเรือ
ห้ามมิให้เรือกำปั่นหรือเรือลำอื่นหรือเรือสำเภาลำ
หนึ่งลำใดอยู่เทียบท่าเดียวกัน
หรือเทียบกับเรือกำปั่นถังลำนั้นเป็นอันขาด
มาตรา 206
เรือกำปั่นถังลำใดที่บรรทุกน้ำมันปิโตรเลียมอยู่ในถังระวางเรือหรือ
ที่พึงจะเสร็จการถ่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่บรรทุกมาเช่นนั้นจากเรือก็ดี
ท่านห้ามมิให้เคลื่อนจากที่ ๆ จอดอยู่นั้นโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า
ถ้าและเจ้าท่าเห็นเป็น ที่พอใจว่าเรือกำปั่นถังลำ
ใดไม่มีน้ำมันปิโตรเลียมอยู่ในเรือ
และได้ล้างชำระเปิดให้อากาศเข้าออกในถังระวางเรือโดยสะอาดสนิทแล้ว
เจ้าท่าอนุญาต ให้เรือลำนั้นเลื่อนไปจอดยังที่ใดตามที่
ี่จะกำหนดให้ไว้นั้นก็ได้
มาตรา 207 (9) ยกเลิก
มาตรา 208 (10) ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 199
มาตรา 200
มาตรา 205
หรือ มาตรา 206
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาท
ถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา www.kodmhai.com
ไม่มีความเห็น