Dialogue กับการทำ KM ที่ฝ่ายการพยาบาล ร.พ.จุฬาฯ


ผู้ที่จะเอา Dialogue ไปใช้ได้นั้น คงต้องมีความเชื่อว่า "ที่ช้าก็เพื่อจะเร็ว" เพราะ Dialogue นอกจากจะทำให้ได้ Sharing สิ่งต่างๆ แล้ว ยังเป็นการสร้าง Trust สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งใน Long-Run แล้ว สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ทุกอย่าง "เร็ว" ได้นั่นเอง

      เมื่อวานผมได้ไปฟัง หัวหน้าพยาบาล ร.พ. จุฬาลงกรณ์ อาจารย์ลดาวัลย์ รวมเมฆ เล่าให้ฟังถึงการใช้ Dialogue หรือ สุนทรียสนทนาเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ทำ Knowledge Sharing ในฝ่ายการพยาบาล ...ทำให้ได้เห็นชัดว่า นี่ก็เป็นการทำ KM อีกแนวหนึ่งซึ่งเริ่มต้นกันที่การฝึก "คน" ก่อนเป็นอันดับแรก เทคนิค Dialogue จะเน้นให้ผู้พูด พูดออกมาจากใจ ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะได้สิ่งที่ "สดๆ" แล้ว ยังจะทำให้ Tacit Knowledge ไหลออกมาได้โดยง่าย และเป็นธรรมชาติอีกด้วย

      แต่สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์สูงสุดในการทำ Dialogue ก็คือการฝึกฟังครับ ...เป็นการฝึกฟังอย่างมีสติ (ได้ฝึกตรวจสอบ Mental Model ของตัวเอง) เป็นการฟังแบบไม่ด่วนสรุป ฟังแบบไม่ตัดสินความ ...เป็นการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) ฟังแบบเอาตัวเราเข้าไปเป็นตัวผู้พูด การใช้ Dialogue ที่ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เห็นได้ชัดว่าสามารถทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนรู้ระหว่างกัน (Team Learning) ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ขยายขอบเขตจากที่ตอนแรก Share กันเฉพาะใน "กลุ่มงาน" มาเป็นการ Share แบบ "สหสาขา" ทำให้ผู้ที่มีส่วนร่วมได้มีโอกาสฝึกฝนเรื่อง "ความเชื่อมโยง" หรือ "Systems Thinking" ได้อีกด้วย

      ตามที่ได้ยินมา หลายคนบอกว่า Dialogue นั้นใช้ไม่ค่อยได้ในผลในองค์กรเอกชนหรือภาคธุรกิจ ผมคิดว่าคงเป็นเพราะ Dialogue เป็น Slow Process เป็นกระบวนการแบบ "ค่อยเป็นค่อยไป" ไม่ใช่ Fast Process ซึ่งภาคธุรกิจ (เอกชน) มักจะต้องการอะไรๆ ที่เร็วๆ เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในเวลาสั้นๆ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น Dialogue อาจจะไม่เหมาะ ผู้ที่จะเอา Dialogue ไปใช้ได้ คงต้องมีความเชื่อที่ว่า "ช้าเพื่อเร็ว" เพราะ Dialogue นอกจากจะทำให้ได้ Sharing สิ่งต่างๆ กันแล้ว ยังเป็นการสร้าง Trust สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งใน Long-Run แล้ว สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ทุกอย่าง "เร็ว" ได้เอง

      จะเห็นได้ว่ากระบวนการที่เราใช้กันโดยทั่วไป มักจะเป็นกระบวนการ "เร็วเพื่อช้า" ...ไม่เชื่อก็ลองนึกภาพการประชุมทั่วไปดูก็ได้ ...พูดกันมากมาย ไอเดียกระฉูด โต้เถียงกันหน้าดำหน้าแดง ...ต่อสู้กันทางความคิด พยายามจะหาคำตอบที่ดีที่สุด ...ครั้นพอออกมานอกห้อง บางคนก็เริ่มมีอาการ ...ไม่เห็นด้วยกับคำตอบหรือข้อตกลงนั้น บางคนต้อง "ยอมทำ" ไปตามข้อสรุปที่ได้ในที่ประชุม ทั้งๆที่ตัวเองไม่มี "ความเชื่อมั่น" ในสิ่งนั้นเลย ...เห็นไหมครับว่าในที่สุดก็ "ช้าอยู่ดี" ถึงแม้ในตอนประชุม ความคิดหรือคำพูด จะโลดแล่น รวดเร็วเพียงใดก็ตาม

     ผู้ใดสนใจการทำ KM ของฝ่ายการพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาฯ ...คงจะได้มีโอกาสได้อ่านเรื่องเหล่านี้ใน Blog ...เพราะผมกำลังเชียร์หลายๆ ท่านในฝ่ายการพยาบาลให้ เปิด Blog แชร์ประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าว ...หวังว่าคงจะไม่นานเกินรอนะครับ (ถ้าเปิด Blog แล้ว ช่วยบอกกล่าว โดยใส่ Link ไว้ใน Comment ข้างล่างนี้ ก็จะดีมากเลยครับ ...จะได้ "คลิก" ไปอ่านได้ทันที)

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 17203เขียนเมื่อ 1 มีนาคม 2006 08:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 17:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

 

ต้องขอโทษด้วยนะค่ะสำหรับการตอบที่ล่าช้า  อาจเป็นเพราะว่าการสื่อสารผ่านทางอินเตอร์เน็ตขององค์การยังมีไม่มากนัก  ทำให้บุคลากรในองค์การไม่สามารถเปิดได้ทุกคน

ขอบคุณท่านอาจารย์ประพนธ์ที่มาสร้างสีสัน  เนื้อหาสาระ  สรุปประเด็นที่เข้าใจง่ายและลึกซึ้ง  แถมยังเป็นการทิ้งท้ายไว้ให้องค์การอย่างฝ่ายการพยาบาลคิดอีกว่า  เราจะทำอะไรต่อไปเพื่อที่จะสร้างให้เป้นองค์การแห่งการเรียนรู   อาจารย์สร้างคอนเซ็ปต์ของการแวปปิ้งได้ดีจริงๆ   ด้วยตนเองไม่เคยนำแนวคิดของการทำDialougeมาเชื่อมโยงกับ Model ขององค์การแห่งการเรียนรู้เลยซักครั้ง อาจเป็นเพราะมองข้ามสิ่งที่ตนเองคิด เพราะขณะทำไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะเกิดอะไร  จะเกิดการจัดการความรู้หรือไม่  ตนเองก็ยังรู้สึกว่าใช่แต่ไม่ทั้งหมด  ผู้บริหารของฝ่ายการพยาบาลทำ Dialouge อย่างไม่หวังผลมากนัก ผู้บริหารมักจะบอกเสมอว่าไปช้าๆแต่มั่นคงนะ ต้องปรับพฤติกรรมและทัศนคติคนของเราให้พร้อมเสียก่อน  สำหรับผปู้ปฏิบัติงานมีความรู้สึกว่า  ท่านมาถูกทางค่ะเพราะท่านปรับให้เราฟังกันมากขึ้น คิดมากขึ้น  ทำให้อาการหลงตัวเองว่าข้าแน่  ข้าเก่งลดลงอย่างมากด้วยค่ะ  การรับฟังผู้อื่นไรบพูดก็ทำให้เราได้อะไรดีๆที่ไม่เคยคิดอย่างมากเลยค่ะ

หลังจากการบรรยายฝ่ายการพยาบาลเป็นสถานที่ศึกษาดูงานในเรื่องของ Dialogue เลยนะค่ะ

แต่สิ่งที่อาจารย์ทิ้งท้ายทำให้ยังนึกคำตอบไม่ออกเลยค่ะว่าอาจารย์หมายถึงอะไร  คงต้องขอคำแนะนำจากอาจารย์อีกนะคะ

หากต้องการที่จะแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเกี่ยวกับการทำ Dialouge  มีคำถามหรือข้อมูลที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนส่งมาได้นะค่ะ

ขอบคุณในความกรุณาของอาจารย์ประพนธ์อีกครั้งนะค่ะ

นำดี

...แล้วอย่าลืม "เปิด blog" ด้วยนะครับ

ต้องขอโทษอาจารย์เป็นคนที่ 2 ต่อจากนำดีนะคะ  จริงๆ แล้ว ได้เขียนไว้ใน blog ของตัวเองค่ะ  และพอได้อ่านที่ อ.เขียนปุ๊บก็ได้เรียนท่านหัวหน้าทันที และท่านก็ได้นำที่อ.เขียนไว้ใน blog ไปปิดที่กระดาน KM แล้วค่ะ   และก็ได้จัดการเปิด Blog ให้หัวหน้าพยาบาลแล้ว  content กำลังมาค่ะ  ส่วนที่ฝ่ายการพยาบาล รพ.จุฬาฯ ตอนนี้เท่าที่ทราบตอนนี้มี blog แล้ว 3 คนนะคะ  นำดีจะเป็นคนที่ 4 ค่ะ แต่ยังไม่มีอะไรมาก เป็นมือใหม่หัดขับค่ะ...

www.cnochula.gotoknow.org

www.chulanurse.gotoknow.org

www.acadermicnurse.gotoknow.org

อยากเชียร์ให้ Share เรื่องงานกันมามากๆ ครับ จะได้เป็นอีกเวทีหนึ่งในการ Dialogue ...ขอบคุณ คุณ icetim ที่ช่วยกระตุ้นให้คนในฝ่ายหันมาใช้ GotoKnow

อยากลองทำ Dialogue หรือ สุนทรียสนา อย่างที่ท่านอาจารย์เขียนข้างต้น ไม่ทราบจะเริ่มอย่างไรคะ เข้าไปลองอ่านๆดู ยังไม่มีใครเขียน วิธีการ เลยค่ะ

เนาวรัตน์

 

คุณเนาวรัตน์ลองเข้าไปที่ช่อง "ค้นหา" ใน GotoKnow ที่อยู่ด้านบน แล้วลอง search คำว่า "Dialogue" ใน "บันทึก" ดู จะพบว่ามีผู้เขียนเรื่องนี้ไว้มากมาย ผมลองหยิบ link มาให้ดูหนึ่งเรื่องครับ เป็นขอคุณธวัช ที่ สคส. ลองอ่านดูนะครับ ที่ ...http://gotoknow.org/archive/2006/02/10/11/15/52/e15015
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท