ประวัติความเป็นมาของกีฬาฟุตบอล


ประวัติความเป็นมาของกีฬาฟุตบอล

ประวัติความเป็นมาของกีฬาฟุตบอล

 

ฟุตบอล (Football) หรือ ซอกเกอร์ (Soccer) เป็นกีฬาที่มีคนสนใจในการเล่น และเข้าชมสูงที่สุดของโลก แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า กีฬาฟุตบอลถือกำเนิดมาจากชนชาติใด โดยเฉพาะเป็นกีฬายอดนิยมสูงสุดของโลก ก็ยิ่งทำให้ทุกๆ ประเทศมีวิวัฒนาการทางการกีฬา ยืนยันว่าเป็นกีฬาที่เกิดจากประเทศของตนทั้งสิ้น แต่ประเทศที่อ้างว่าเป็นกีฬาที่เกิดขึ้นจากตนเอง ก็ไม่สามารถหาหลักฐาน  ยืนยัน จึงเพียงแต่กล่าวว่า น่าจะเป็นไปได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ จะเป็นจริงหรือไม่อย่างใดนั้น สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเกิดจากที่ใด สรุปได้ดังนี้คือ

เมื่อประมาณ 2,500 ปีมาแล้ว มีหลักฐานบันทึกไว้ว่า ในประเทศจีนมีการเล่นเกมอย่างหนึ่ง เรียกว่า ซูจู (Tsu Chu) ซึ่งหมายถึง เกมที่ใช้เท้าเตะลูกบอล โดยมากการเล่นเกมนี้ จะเป็นการเล่นถวายพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ชนะจะได้รางวัลอย่างงาม ส่วนผู้แพ้บางครั้งจะถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยน

ชาวญี่ปุ่นก็เป็นอีกชาติหนึ่งที่มีเกมการเล่นในลักษณะที่ใช้เท้าเล่น เรียกว่า เกมาริ (Kemari) โดยมีการกำหนดขอบเขต และมุมของสนามด้วยต้นสน ต้นเชอรี่ ต้นเมเปิล หรือต้นวิลโล เป็นแนวเขตธรรมชาติ

ชาวโรมันในสมัยโบราณมีเกมการเล่นชนิดหนึ่งเรียกว่าฮาร์พาสเตียม (Harpastium) โดยใช้กระเพาะปัสสาวะของหมูเอามาสูบลมแล้วนำมาเตะกัน นอกจากจะเตะแล้วอาจใช้การผลัก ถือ วิ่ง ชก ขว้างปา ให้ลูกบอลไปถึงที่หมายของฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ซึ่งคล้ายกับกีฬารักบี้ฟุตบอล ในสมัยปัจจุบัน

ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี มีเกมคล้าย ๆ กันนี้ เรียกว่า กัลโช (Calcio) โดยเล่นกันที่เปียซซ่า เดลลา โครเก (Piazza della Croce) มีผู้เล่นข้างละ 27 คน แต่ละทีมจะสวมชุดเครื่องแต่งกายประจำถิ่นหรือหมู่บ้านนั้น ๆ ตามความนิยมในสมัยนั้น ปัจจุบันเกมนี้ยังคงได้รับการฟื้นฟูจากทางการของอิตาลีจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

เชื่อกันว่าชาวโรมันเป็นผู้นำเกมการเล่นแบบเตะลูกบอล(Harpastium) มายังประเทศอังกฤษ แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด จนกระทั่งหลายศตวรรษ หลังจากโรมันได้จากเกาะอังกฤษไปแล้ว ในประมาณปี พ..1343 กองทัพเดนมาร์ค ได้ยกเข้าโจมตีที่มั่นของอังกฤษที่เมืองคิงสตัน (Kingston) นักประวัติศาสตร์บางท่านบอกว่าเป็นที่มั่นเมืองเชสเตอร์ (Chester) ทหารอังกฤษที่ประจำอยู่ที่มั่นดังกล่าว ได้ต่อสู้เป็นสามารถ ในที่สุดเมื่อได้รับการสนับสนุนจากเมืองหลวง คือ ลอนดอน (London) ก็สามารถตีกองทัพเดนมาร์คแตกพ่ายไป แม่ทัพเดนมาร์คถูกฆ่าตาย และทหารอังกฤษได้ตัดเอาศีรษะของเขามาเตะเล่นกันไปรอบ ๆ ค่ายทหาร วันที่อังกฤษได้รับชัยชนะนั้น คือ วันมาดิกราส์ (Shrove Tuesday) ซึ่งต่อมาถือเป็นวันสำคัญแห่งชาติอังกฤษไป เกมการเตะศีรษะคนก็เปลี่ยนมาเป็นเกมการเตะลูกบอลที่ทำด้วยหนัง กลายเป็นกิจกรรมสำคัญสำหรับฉลองในเทศกาลวันสำคัญดังกล่าว และแพร่หลายไปตามชนบท คนทั้งหมู่บ้านออกมาเตะฟุตบอลเล่นกัน ผู้เล่นสามารถใช้ทุกส่วนสัมผัสลูกบอลได้ ประตูซึ่งอาจจะเป็นประตูเมือง หรือต้นไม้ จะอยู่ห่างกันหลายร้อยเมตร เป็นการเล่นที่รุนแรง (ถูกนำมาใช้) ทำให้เกิดความเสียหายและบาดเจ็บต่อผู้เล่นเป็นจำนวนมาก จนบางครั้งดูเป็นความโหดร้ายป่าเถื่อน จนถึงขึ้นการจลาจลบ่อย ๆ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 และพระเจ้า     ริชาร์ดที่ 3 จึงได้ทรงห้ามไม่ให้มีการเล่นเกมฟุตบอลที่โหดร้ายนี้อีกต่อไป แต่ก็ยังมีการเล่นอยู่ประปราย

ความรุนแรงของการเล่นฟุตบอลค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งปี พ..2243 โรงเรียนที่มีชื่อเสียงในอังกฤษ เช่น โรงเรียนรักบี้ (Rugby) และโรงเรียนอีตัน (Eton) ก็นำเกมฟุตบอลมาฟื้นฟู มีการพยายามกำหนดกฎ กติกาการเล่น แต่ก็ยังไม่เป็นมาตรฐาน เพราะแต่ละแห่งจะสร้างกติกา เพื่อประโยชน์ของทีมตนเองทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎกติกาการเล่นของแต่ละแห่งทำให้นักกีฬาใหม่ขึ้นมาอยู่ 2 ลักษณะ คือ ไปในแนวทางรักบี้ฟุตบอล (Rugby Football) และฟุตบอล (Soccer or Association Football)

ปี พ..2343 กีฬาฟุตบอลได้รับการพัฒนาให้มีการเล่นที่สุภาพมากขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น มีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี พ..2406 โดยการรวมกลุ่มของสโมสรฟุตบอลในลอนดอน 11 แห่ง เพื่อร่วมกันปรับปรุง แก้ไข กฎ กติกา การเล่นให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันอันถือว่าเป็นการเริ่มต้นการเล่นกีฬาฟุตบอลในรูปแบบปัจจุบัน

การเล่นฟุตบอลในประเทศอังกฤษได้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการเผยแพร่ของทหารบกและทหารเรือของอังกฤษ ซึ่งขณะนี้มีประเทศที่เป็นอาณานิคมอยู่แทบทุกหนทุกแห่ง จึงได้มีการก่อตั้งสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (The Federation International de Football Association) หรือเรียกว่า ฟีฟ่า (F.I.F.A.) โดยมีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประเทศสมาชิกก่อตั้ง 7 ประเทศ ปัจจุบันนี้มีประเทศต่าง ๆ สมัครเป็นสมาชิกเกือบ 200 ประเทศ

ปัจจุบันฟุตบอลถือได้ว่าเป็นกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่ง มีการจัดการแข่งขันรายการต่าง ๆ มากมาย ทั้งระดับภายในประเทศ ระดับนานาชาติ และ ระดับโลก การแข่งขันที่ถือว่าเป็นสุดยอดของรายการแข่งขันฟุตบอล ได้แก่ การแข่งขันฟุตบอลโลก (World Cup)  ซึ่งจะมีการแข่งขันทุกๆ   4 ปีต่อครั้ง โดยเริ่มจัดการแข่งขันครั้งแรกที่ประเทศอุรุกวัย เมื่อปี พ.. 2473 และอุรุกวัยเป็นประเทศแรกที่ชนะเลิศฟุตบอลโลก ได้ครองถ้วย จูล ริเมต์ (Jules Rimet) ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มให้มีการแข่งขันฟุตบอลโลกขึ้น และประกอบกับท่านเป็นประธานสหพันธ์ฟุตบอลโลก หรือ F.I.F.A. ในขณะนั้นด้วย ต่อมาถ้วยใบนี้ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศบราซิล เมื่อบราซิลเป็นประเทศแรกที่ชนะเลิศฟุตบอลโลกครบ 3 ครั้ง เมื่อปี พ..2513 ที่ประเทศเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพ F.I.F.A.      จึงได้จัดทำถ้วยใบใหม่เพื่อจัดการแข่งขันต่อไป ซึ่งทวีปเอเชียได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี พ.. 2545 ณ ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และ ปี พ.ศ. 2549  ประเทศเยอรมัน ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน  มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้าย  32  ทีม จากทุกทวีป

นอกจากการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว ยังมีการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติที่น่าสนใจ และมีชื่อเสียงหลายรายการ ดังนี้

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของทวีปยุโรป แข่งขันทุก ๆ 4 ปีต่อครั้ง

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของทวีปอเมริกาใต้

ฟุตบอลเยาวชน อายุไม่เกิน 19 ปี

ฟุตบอลโอลิมปิกฤดูร้อน

                ฯลฯ

ประเทศที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับฟุตบอล มักจะอยู่แถบทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ แต่ละประเทศจะจัดดำเนินการแข่งขันรายการฟุตบอลภายในประเทศเป็นระบบอาชีพ (Professional Football) โดยจัดตั้งเป็นสโมสร (Club) มีสมาชิก (Fan-Club) ให้การสนับสนุนและคอยให้กำลังใจผู้เล่นของสโมสรที่ไปทำการแข่งขันสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในทวีปยุโรป มีหลายสโมสรที่น่าสนใจ ดังนี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล อาร์เซนัล นิวคาสเซิล จากประเทศอังกฤษ

เอ.ซี มิลาน  จูเวนตุส อินเตอร์มิลาน จากประเทศอิตาลี

บาเยิร์น มิวนิค เอฟซี โคโลญ ซอลเก้ 04 จากประเทศเยอรมัน

บาร์เซโลน่า เรียล แมดริด คอรุนยา  จากประเทศสเปน

อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม  พีเอสวี ไฮนโอเพ่น จากประเทศฮอลแลนด์

เอฟซี ปอร์โต  เบนฟิก้า จากประเทศโปรตุเกส

การจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี มีดังนี้

ฟุตบอล กัลโช ซีรีส์ เอ (Calcio Series A) ของ อิตาลี

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก (Primier League) ของ อังกฤษ

ฟุตบอล บุนเดสลิกา (Bundesliga) ของ เยอรมัน

สโมสรในทวีปต่าง ๆ ยังมีการนำเอาแชมป์ของสโมสรในประเทศมาแข่งขันกันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งของสโมสรในแต่ละทวีปด้วย ในทวีปยุโรปจัดการ แข่งขัน ดังนี้

ฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์ยุโรป (European Champion Clubs Cup) เป็นการเอาแชมป์สโมสรดิวิชั่น 1 ของประเทศมาแข่งขันกัน

ฟุตบอลยูฟ่าคัพ (U.E.F.A. Cup) เป็นการนำเอาแชมป์ฟุตบอลลีกคัพ ของแต่ละประเทศ และอัน 1, 2 หรือ 3 ของฟุตบอลดิวิชั่น 1 ของแต่ละประเทศมาแข่งขันกัน

ฟุตบอลคัพ วินเนอรส์ คัพ (Cup-Winners-Cup) เป็นการนำเอาแชมป์ฟุตบอล เอฟ.เอ.คัพ ของแต่ละประเทศมาแข่งขันกัน

สำหรับฟุตบอลในทวีปเอเชีย มีรายการฟุตบอลอาชีพภายในประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่ ฟุตบอล เจ.ลีก ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรวบรวมเอานักเตะที่มีชื่อเสียงของโลก ร่วมกับนักเตะที่เด่น ๆ ของญี่ปุ่นเองมาทำการแข่งขันเป็นรายการฟุตบอลอาชีพ นอกจากนี้ ก็มีรายการฟุตบอลในประเทศเกาหลีใต้ และจีน ด้วย

ในสหรัฐอเมริกา หลังจากล้มเหลว ในการจัดตั้งสโมสรและจัดการ แข่งขันฟุตบอลลีก เมื่อปี พ..2513 ต่อมาเมื่อสหรัฐเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก (World Cup) ในปี พ..2537     ก็ได้มีการรื้อฟื้นการแข่งขันฟุตบอลลีกขึ้นใหม่ ภายใต้ชื่อว่า เมเจอร์ ลีก (Major Leaque) เริ่มทำการแข่งขันในปี พ..2539

                                            คัดลอกบทความมาจากมา นายวีระ ปิ่นเจริญ  โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1
หมายเลขบันทึก: 170590เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2008 21:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 20:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

ถ้าโสภณ ย่อสรุปบทควมของวีระมาให้อ่านสั้นๆ จะขอบคุณมาก ครูจะรออ่านเรื่องต่อๆไปค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ...ต้องการทำไปส่งอาจารย์พอดี...ตุ๊กตา ขอนแก่นวิทยายนค่ะ

ต้องการทำไปส่งอาจารย์พอดีครับ ขอบบคุณคับ

ขอบคุณมากนะค่ะ กำลังต้องการพอดีเลยค่ะ อิอิอิ

ข้อมูลน้อยจัง น่าจะมีมากกว่านี้นะครับ

กำลังหาข้อมูลส่งคุณครูพอดี ขอบคุณคะ

ขอบคุณนะคะ ที่ให้ข้อมูลดีๆ คุณครูให้ทำส่งพอดี

อยากข้อมูลมีการกล่าวถึงกติกาการเล่นด้วย

ขอบคุณคาบที่นำสาระน่ารู้มาให้

ธนะศักดิ์ นอขุนทด

ขอบคุนที่ให้ความรู้นะครับ

ธนะชัย ปรางเปรมปรี

ประวัติความเป็นมาของกีฬาฟุตบอล

ฟุตบอล (Football) หรือ ซอกเกอร์ (Soccer) เป็นกีฬาที่มีคนสนใจในการเล่น และเข้าชมสูงที่สุดของโลก แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า กีฬาฟุตบอลถือกำเนิดมาจากชนชาติใด โดยเฉพาะเป็นกีฬายอดนิยมสูงสุดของโลก ก็ยิ่งทำให้ทุกๆ ประเทศมีวิวัฒนาการทางการกีฬา ยืนยันว่าเป็นกีฬาที่เกิดจากประเทศของตนทั้งสิ้น แต่ประเทศที่อ้างว่าเป็นกีฬาที่เกิดขึ้นจากตนเอง ก็ไม่สามารถหาหลักฐาน ยืนยัน จึงเพียงแต่กล่าวว่า น่าจะเป็นไปได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ จะเป็นจริงหรือไม่อย่างใดนั้น สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเกิดจากที่ใด สรุปได้ดังนี้คือ

เมื่อประมาณ 2,500 ปีมาแล้ว มีหลักฐานบันทึกไว้ว่า ในประเทศจีนมีการเล่นเกมอย่างหนึ่ง เรียกว่า ซูจู (Tsu Chu) ซึ่งหมายถึง เกมที่ใช้เท้าเตะลูกบอล โดยมากการเล่นเกมนี้ จะเป็นการเล่นถวายพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ชนะจะได้รางวัลอย่างงาม ส่วนผู้แพ้บางครั้งจะถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยน

ชาวญี่ปุ่นก็เป็นอีกชาติหนึ่งที่มีเกมการเล่นในลักษณะที่ใช้เท้าเล่น เรียกว่า เกมาริ (Kemari) โดยมีการกำหนดขอบเขต และมุมของสนามด้วยต้นสน ต้นเชอรี่ ต้นเมเปิล หรือต้นวิลโล เป็นแนวเขตธรรมชาติ

ชาวโรมันในสมัยโบราณมีเกมการเล่นชนิดหนึ่งเรียกว่าฮาร์พาสเตียม (Harpastium) โดยใช้กระเพาะปัสสาวะของหมูเอามาสูบลมแล้วนำมาเตะกัน นอกจากจะเตะแล้วอาจใช้การผลัก ถือ วิ่ง ชก ขว้างปา ให้ลูกบอลไปถึงที่หมายของฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ซึ่งคล้ายกับกีฬารักบี้ฟุตบอล ในสมัยปัจจุบัน

ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี มีเกมคล้าย ๆ กันนี้ เรียกว่า กัลโช (Calcio) โดยเล่นกันที่เปียซซ่า เดลลา โครเก (Piazza della Croce) มีผู้เล่นข้างละ 27 คน แต่ละทีมจะสวมชุดเครื่องแต่งกายประจำถิ่นหรือหมู่บ้านนั้น ๆ ตามความนิยมในสมัยนั้น ปัจจุบันเกมนี้ยังคงได้รับการฟื้นฟูจากทางการของอิตาลีจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

เชื่อกันว่าชาวโรมันเป็นผู้นำเกมการเล่นแบบเตะลูกบอล(Harpastium) มายังประเทศอังกฤษ แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด จนกระทั่งหลายศตวรรษ หลังจากโรมันได้จากเกาะอังกฤษไปแล้ว ในประมาณปี พ.ศ.1343 กองทัพเดนมาร์ค ได้ยกเข้าโจมตีที่มั่นของอังกฤษที่เมืองคิงสตัน (Kingston) นักประวัติศาสตร์บางท่านบอกว่าเป็นที่มั่นเมืองเชสเตอร์ (Chester) ทหารอังกฤษที่ประจำอยู่ที่มั่นดังกล่าว ได้ต่อสู้เป็นสามารถ ในที่สุดเมื่อได้รับการสนับสนุนจากเมืองหลวง คือ ลอนดอน (London) ก็สามารถตีกองทัพเดนมาร์คแตกพ่ายไป แม่ทัพเดนมาร์คถูกฆ่าตาย และทหารอังกฤษได้ตัดเอาศีรษะของเขามาเตะเล่นกันไปรอบ ๆ ค่ายทหาร วันที่อังกฤษได้รับชัยชนะนั้น คือ วันมาดิกราส์ (Shrove Tuesday) ซึ่งต่อมาถือเป็นวันสำคัญแห่งชาติอังกฤษไป เกมการเตะศีรษะคนก็เปลี่ยนมาเป็นเกมการเตะลูกบอลที่ทำด้วยหนัง กลายเป็นกิจกรรมสำคัญสำหรับฉลองในเทศกาลวันสำคัญดังกล่าว และแพร่หลายไปตามชนบท คนทั้งหมู่บ้านออกมาเตะฟุตบอลเล่นกัน ผู้เล่นสามารถใช้ทุกส่วนสัมผัสลูกบอลได้ ประตูซึ่งอาจจะเป็นประตูเมือง หรือต้นไม้ จะอยู่ห่างกันหลายร้อยเมตร เป็นการเล่นที่รุนแรง (ถูกนำมาใช้) ทำให้เกิดความเสียหายและบาดเจ็บต่อผู้เล่นเป็นจำนวนมาก จนบางครั้งดูเป็นความโหดร้ายป่าเถื่อน จนถึงขึ้นการจลาจลบ่อย ๆ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 และพระเจ้า ริชาร์ดที่ 3 จึงได้ทรงห้ามไม่ให้มีการเล่นเกมฟุตบอลที่โหดร้ายนี้อีกต่อไป แต่ก็ยังมีการเล่นอยู่ประปราย

ความรุนแรงของการเล่นฟุตบอลค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งปี พ.ศ.2243 โรงเรียนที่มีชื่อเสียงในอังกฤษ เช่น โรงเรียนรักบี้ (Rugby) และโรงเรียนอีตัน (Eton) ก็นำเกมฟุตบอลมาฟื้นฟู มีการพยายามกำหนดกฎ กติกาการเล่น แต่ก็ยังไม่เป็นมาตรฐาน เพราะแต่ละแห่งจะสร้างกติกา เพื่อประโยชน์ของทีมตนเองทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎกติกาการเล่นของแต่ละแห่งทำให้นักกีฬาใหม่ขึ้นมาอยู่ 2 ลักษณะ คือ ไปในแนวทางรักบี้ฟุตบอล (Rugby Football) และฟุตบอล (Soccer or Association Football)

ปี พ.ศ.2343 กีฬาฟุตบอลได้รับการพัฒนาให้มีการเล่นที่สุภาพมากขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น มีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ.2406 โดยการรวมกลุ่มของสโมสรฟุตบอลในลอนดอน 11 แห่ง เพื่อร่วมกันปรับปรุง แก้ไข กฎ กติกา การเล่นให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันอันถือว่าเป็นการเริ่มต้นการเล่นกีฬาฟุตบอลในรูปแบบปัจจุบัน

การเล่นฟุตบอลในประเทศอังกฤษได้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการเผยแพร่ของทหารบกและทหารเรือของอังกฤษ ซึ่งขณะนี้มีประเทศที่เป็นอาณานิคมอยู่แทบทุกหนทุกแห่ง จึงได้มีการก่อตั้งสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (The Federation International de Football Association) หรือเรียกว่า ฟีฟ่า (F.I.F.A.) โดยมีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประเทศสมาชิกก่อตั้ง 7 ประเทศ ปัจจุบันนี้มีประเทศต่าง ๆ สมัครเป็นสมาชิกเกือบ 200 ประเทศ

ปัจจุบันฟุตบอลถือได้ว่าเป็นกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่ง มีการจัดการแข่งขันรายการต่าง ๆ มากมาย ทั้งระดับภายในประเทศ ระดับนานาชาติ และ ระดับโลก การแข่งขันที่ถือว่าเป็นสุดยอดของรายการแข่งขันฟุตบอล ได้แก่ การแข่งขันฟุตบอลโลก (World Cup) ซึ่งจะมีการแข่งขันทุกๆ 4 ปีต่อครั้ง โดยเริ่มจัดการแข่งขันครั้งแรกที่ประเทศอุรุกวัย เมื่อปี พ.ศ. 2473 และอุรุกวัยเป็นประเทศแรกที่ชนะเลิศฟุตบอลโลก ได้ครองถ้วย จูล ริเมต์ (Jules Rimet) ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มให้มีการแข่งขันฟุตบอลโลกขึ้น และประกอบกับท่านเป็นประธานสหพันธ์ฟุตบอลโลก หรือ F.I.F.A. ในขณะนั้นด้วย ต่อมาถ้วยใบนี้ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศบราซิล เมื่อบราซิลเป็นประเทศแรกที่ชนะเลิศฟุตบอลโลกครบ 3 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ.2513 ที่ประเทศเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพ F.I.F.A. จึงได้จัดทำถ้วยใบใหม่เพื่อจัดการแข่งขันต่อไป ซึ่งทวีปเอเชียได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี พ.ศ. 2545 ณ ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และ ปี พ.ศ. 2549 ประเทศเยอรมัน ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้าย 32 ทีม จากทุกทวีป

นอกจากการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว ยังมีการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติที่น่าสนใจ และมีชื่อเสียงหลายรายการ ดังนี้

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของทวีปยุโรป แข่งขันทุก ๆ 4 ปีต่อครั้ง

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของทวีปอเมริกาใต้

ฟุตบอลเยาวชน อายุไม่เกิน 19 ปี

ฟุตบอลโอลิมปิกฤดูร้อน

ฯลฯ

ประเทศที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับฟุตบอล มักจะอยู่แถบทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ แต่ละประเทศจะจัดดำเนินการแข่งขันรายการฟุตบอลภายในประเทศเป็นระบบอาชีพ (Professional Football) โดยจัดตั้งเป็นสโมสร (Club) มีสมาชิก (Fan-Club) ให้การสนับสนุนและคอยให้กำลังใจผู้เล่นของสโมสรที่ไปทำการแข่งขันสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในทวีปยุโรป มีหลายสโมสรที่น่าสนใจ ดังนี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล อาร์เซนัล นิวคาสเซิล จากประเทศอังกฤษ

เอ.ซี มิลาน จูเวนตุส อินเตอร์มิลาน จากประเทศอิตาลี

บาเยิร์น มิวนิค เอฟซี โคโลญ ซอลเก้ 04 จากประเทศเยอรมัน

บาร์เซโลน่า เรียล แมดริด คอรุนยา จากประเทศสเปน

อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม พีเอสวี ไฮนโอเพ่น จากประเทศฮอลแลนด์

เอฟซี ปอร์โต เบนฟิก้า จากประเทศโปรตุเกส

การจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี มีดังนี้

ฟุตบอล กัลโช ซีรีส์ เอ (Calcio Series A) ของ อิตาลี

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก (Primier League) ของ อังกฤษ

ฟุตบอล บุนเดสลิกา (Bundesliga) ของ เยอรมัน

สโมสรในทวีปต่าง ๆ ยังมีการนำเอาแชมป์ของสโมสรในประเทศมาแข่งขันกันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งของสโมสรในแต่ละทวีปด้วย ในทวีปยุโรปจัดการ แข่งขัน ดังนี้

ฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์ยุโรป (European Champion Clubs Cup) เป็นการเอาแชมป์สโมสรดิวิชั่น 1 ของประเทศมาแข่งขันกัน

ฟุตบอลยูฟ่าคัพ (U.E.F.A. Cup) เป็นการนำเอาแชมป์ฟุตบอลลีกคัพ ของแต่ละประเทศ และอัน 1, 2 หรือ 3 ของฟุตบอลดิวิชั่น 1 ของแต่ละประเทศมาแข่งขันกัน

ฟุตบอลคัพ วินเนอรส์ คัพ (Cup-Winners-Cup) เป็นการนำเอาแชมป์ฟุตบอล เอฟ.เอ.คัพ ของแต่ละประเทศมาแข่งขันกัน

สำหรับฟุตบอลในทวีปเอเชีย มีรายการฟุตบอลอาชีพภายในประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่ ฟุตบอล เจ.ลีก ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรวบรวมเอานักเตะที่มีชื่อเสียงของโลก ร่วมกับนักเตะที่เด่น ๆ ของญี่ปุ่นเองมาทำการแข่งขันเป็นรายการฟุตบอลอาชีพ นอกจากนี้ ก็มีรายการฟุตบอลในประเทศเกาหลีใต้ และจีน ด้วย

ในสหรัฐอเมริกา หลังจากล้มเหลว ในการจัดตั้งสโมสรและจัดการ แข่งขันฟุตบอลลีก เมื่อปี พ.ศ.2513 ต่อมาเมื่อสหรัฐเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก (World Cup) ในปี พ.ศ.2537 ก็ได้มีการรื้อฟื้นการแข่งขันฟุตบอลลีกขึ้นใหม่ ภายใต้ชื่อว่า เมเจอร์ ลีก (Major Leaque) เริ่มทำการแข่งขันในปี พ.ศ.2539

THX นะคะ กำลังต้องการพอดีเลย

เยอะเวอร์(แต่ก็ดีอ่ะ)

ขอบคุณน่ะค่ะ ที่ทำให้รายงานเสร็จสมบูรณ์



ขอบคุณครับกำลังจะส่งอาจารย์พอดี

ขอบคุณสำหรับข้อมูลคร้าบ

ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆเลยนะคะต้องการทำส่งอาจารย์พอดี

เวลาเล่นฟุตบอลแล้วมีกลิ่นตัวอ่ะต้องทำยังไงดีแต่เดียวนี้ไม่กลังวลแล้วเพราะเราใช้แป้งFICที่เราซื้อมาจากทางfacebookFICใช้แล้วกลิ่นตัวไม่มีเลยดีมากๆๆๆคร่า

เราชอบเล่นกีฬามากๆๆเลยแต่เราเล่นแล้วมีอาการปวดเมื่อยตามตัว

โบว์ชอบเล่นฟุตบอลมากๆเลยค่ะ แต่ว่าปวดขาและลำตัว

อะไรไม่รุ้


อะไรไม่รุ้


ขอบคุณค่ะต้องการพอดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท