วงมโหรี
วงมโหรี
เป็นวงดนตรีอีกประเภทหนึ่ง
ที่ประสมกันระหว่างเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์กับเครื่องดนตรีในวงเครื่องสาย
แต่เครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์สร้างขนาดให้เล็กลงกว่าเดิม
เพื่อให้เสียงเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์
ดังกลมกลืนกับเครื่องดนตรีในวงเครื่องสาย
เพราะเสียงเครื่องดนตรีในวงเครื่องสายดังเบากว่าเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์
ส่วนขนาดของวงยึดถือขยาดของวงปี่พาทย์เป็นหลัก
แต่เนื่องจากขนาดของวงปี่พาทย์มี ๓ ขนาด และขนาดของวงเครื่องสายมี ๒
ขนาด จึงต้องจัดประสมดังนี้
--
วงมโหรีเครื่องห้า
ประสมกันระหว่างวงปี่พาทย์เครื่องห้ากับเครื่องสายวงเล็ก
--
วงมโหรีเครื่องคู่
ประสมกันระหว่างวงปี่พาทย์เครื่องคู่กับวงเครื่องสายวงใหญ่
-- วงมโหรีเครื่องใหญ่
ประสมกันระหว่างวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่กับวงเครื่องสายวงใหญ่
วงมโหรี คงเป็นวงดนตรีที่มีมาแต่โบราณ
อย่างน้อยตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
ซึ่งมีกล่าวไว้ในกฏมณเฑียรบาลสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า
“ ในการพิธีจองเปรียงชุดลอยโคมนั้น ( พระเจ้าอยู่หัว )
เสด็จลงเรือพระที่นั่ง มีเรือจะเข้แนมสองข้าง แล้วระบุว่า (
เรือด้าน ) ซ้ายดนตรี ( เรือด้าน ) ขวามโหรี “
มิได้บอกลักษณะของวงมโหรี ว่ามีคนร้องและคนเล่นอย่างไร
แต่พอจะทราบได้ว่า ( วง ) มโหรี กับ ( วง )
ดนตรีที่กล่าวถึงในที่นั้นคงแตกต่างกัน จึงจัดไว้ในเรือคนละลำ
และเรียกชื่อวงต่างกัน สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ทรงอธิบายไว้ว่า “
มโหรีในชั้นเดิมคงเล่นกันเพียง ๔ คน คือ
-- คนขับร้องลำนำและตีกรับพวงให้จังหวะเอง ๑
-- สีซอสามสายประสานเสียง ๑
-- ดีดกระจับปี่ให้ลำนำ ๑
-- ตีทับประสานกับลำนำ ๑
แล้วทรงอธิบายต่อไปอีกว่า “
มโหรีทั้งสี่สิ่งที่พรรณามานี้ พึงสังเกตุเห็นว่า มิใชอื่น
คือเอาเครื่องบรรเลงพิณกับเครื่องขับไม้มารวมกันนั่นเอง
เป็นแต่ใช้กระจับปี่ดีดแทนพิณ
ตีทับแทนไกวบัณเฑาะว์
และเติมกรับพวงสำหรับให้จังหวะเข้าอีกอย่างหนึ่ง “ เช่น
ที่กล่าวถึงในพระราชนิพนธ์บทละคอนอิเหนา ( เล่ม ๒ หน้า ๓๑๑ ) ว่า “
ทรงสดับขับไม้มโหรี ซอสีส่ง เสียงจำเรียงราย “
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอธิบายต่อไปว่า “
ตั้งแต่มีมโหรีวงผู้หญิงเกิดขึ้น
ก็เห็นจะชอบเล่นกันอย่างแพร่หลาย
จึงเกิดเป็นเหตุให้คนคิดเพิ่มเติมเครื่องมโหรีขึ้นตามลำดับ
เครื่องดนตรีที่เพิ่มเติมขึ้นเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา (
สังเกตุตามปรากฏในภาพเขียนสมัยนั้น ) คือ รัมนา
ตีประกอบกับทับอย่างหนึ่ง และ ขลุ่ย
สำหรับเป่าให้ลำนำอย่างหนึ่ง วงมโหรีวงหนึ่งจึงกลายเป็น ๖
คน
ภาพเขียนในสมัยรัชกาลที่ ๑
ที่ฝาผนังด้านตะวันตก
ในพระที่นั่งพุทไธสวรรค์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
เขียนรูปวงมโหรีหญิงมีคนเล่น ๖ คน
ภาพเขียนดังกล่าวนี้
อาจเขียนตามลักษณะวงมโหรีครั้งกรุงศรีอยุธยา
หรือเขียนตามที่ยังมีบางวงนิยมเล่นอยู่ในสมัยนั้น
จากหลักฐานต่อมาพบว่า
วงมโหรีได้เพิ่มเครื่องดนตรีเป็นลำดับ จากวงหนึ่งมี ๖ คน
เพิ่มเป็น ๙ คน จนถึง ๑๔
คนในสมันรัตนโกสินทร์
โดยมีการนำเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์เข้ามาประสมวงด้วย เช่น ฆ้อง
ระนาดไม้ ระนาดแก้ว ระนาดทุ้ม
โดยย่อขนาดเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์ให้เล็กลง
เพื่อให้เสียงดังกลมกลืนกับวงเครื่องสาย
ใช้บรรเลงและขับร้องมาจนถึงปัจจุบัน
นิยมใช้บรรเลงในงานมงคล
หรืองานรื่นเริงเพื่อขับกล่อมที่ไม้ต้องการเสียงดังมาก
สวัสดีครับ
ท่าน กวิน
สวัสดีค่ะ หนูมี่เรื่องอยากจาปรึกษาค่ะพอดีว่า อาจารให้ทำงานเกี่ยวกับวงมโหรีสมัยก่อนสุโขทัย สุโขทัยอะค่ะ หนูรองหาดูเเล้วเเต่ไม่พบเลยคุณครูช่วยหน่อยนะค่ะ
ผมชอบมากครับผมอยากได้รูป
สู้ตายนะครับผมผมอยากได้รูปมากๆๆๆครับรูปวงมโหรีครับ
ดีงับ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดี
ดีดีดี
ด่รห่ากนห้
กพ้ะวัย
โลกร้อนเราซ้อมได้เคยอ่านกันไม่ครับคนสวย