"การเรียนรู้เป็นสิ่งที่บุคคล หน่วยงาน องค์การ ชุมชน สังคมและประเทศชาติปรารถนา"
บทเรียนจากต่างประเทศ
จากการศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับมหานครแห่งการเรียนรู้เป็นเรื่องทันสมัย
โดยเฉพาะงานวิจัยขององค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(Organization for Economic Cooperation and Development - OECD)
และศูนย์วิจัยและนวัตกรรมทางการศึกษา (Center for Education Research
and Innovation - CERI) ในปี พ.ศ. 2534
สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวและมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเครือข่ายนครแห่งการเรียนรู้ของสหราชอาณาจักรเป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 เครือข่ายดังกล่าวได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
โดยจำนวนของนครที่สนับสนุนได้ขยายจากกลุ่มย่อยที่เป็นแกนกลางจนกลายเป็นกลุ่มเครือข่ายนครที่มีขนาดใหญ่
จำนวนถึง 20 แห่ง
เครือข่ายดังกล่าวถือเป็นเวทีสำคัญในการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้
มีการเชื่อมโยงการเรียนรู้ตลอดชีวิตกับวงจรการเรียนรู้และการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น
กิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาและการเผยแพร่ของเครือข่ายมีส่วนสำคัญในการเพิ่มพูนความร่วมมือในด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต
วัตถุประสงค์ของนครแห่งการเรียนรู้
นครแห่งการเรียนรู้มีหลักการและวัตถุประสงค์เชื่อมโยงกัน 2 ประการ
ได้แก่
1)
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
2)
เพื่อเรียนรู้แนวทางส่งเสริมการปฏิรูปสังคมและเศรษฐกิจ
การเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึงการสนับสนุนให้บุคคล
นายจ้างและองค์กรต่างๆมีส่วนร่วมการการสนับสนุนส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
เนื่องจากลักษณะของภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ทำให้ประชาชนต้องปรับและยกระดับทักษะความรู้ตลอดชีวิต
เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในตลาดแรงงาน
ชุมชนที่มีทักษะสูงจะดึงดูดการจ้างงาน
นครใหญ่และนครเล้กที่ประสบความสำเร็จในการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะเป็นสถานที่ที่น่าอยุ่น่าอาศัย
การเรียนรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรวม
ยิ่งประชาชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้
ทั้งในลักษณะที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการมากขึ้นเท่าใด
ชุมชนนั้นจะยิ่งมั่งคั่ง
ประสบความสำเร็จและน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น
การปฏิรูปสังคมและเศรษฐกิจ
นครแห่งการเรียนรู้จำเป็นต้องทราบบริทบของการเปลี่ยนแปลง
เพื่อประโยชน์ในการกำหนดลักษณะของการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิด
"สังคมแห่งความรู้"
เพื่อการวางแผนสำหรับอนาคต
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายประชากร
ความเติบดตและความเสื่อมถอยของพื้นฐานทางเกษตรกรรม
อุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมตลอดจนผลกระทบของเทคโนโลยีใหม่ๆที่มีต่อระบบการสื่อสาร
ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่ชุมชนต่างๆ
ซึ่งอยู่ในกระบวนการปฏิรูปจำเป็นต้องเรียนรู้
ไม่ใช่เพื่อพัฒนาทักษะของประชาชนเพียงอย่างเดียว
แต่เพื่อทำความเข้าใจองค์ประกอบต่างๆในชีวิตของนครแห่งการเรียนรู้ทั้งด้านเศรษฐกิจ
สังคม การเมือง ศิลปวัฒนธรรม
ภารกิจของนครแห่งการเรียนรู้
การทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ชุมชนต้องเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ความร่วมมือแบบหุ้นส่วน
ระหว่างหุ้นส่วนต่างๆในรูปแบบใหม่
รวมทั้งวิธีการให้สาธารณชนมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
แสดงความคิดเห็น ภารกิจนี้ได้แก่
1) ความร่วมมือแบบหุ้นส่วน
เป็นภารกิจช่วงต้นของนครแห่งการเรียนรู้ กล่าวคือ
การสร้างความร่วมมือแบบหุ้นส่วนระหว่างสถาบันและส่วนต่างๆ
เพื่อกระตุ้นความร่วมมือและความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของสมาชิกชุมชนทุกคน
ลักษณะของความร่วมมือแบบหุ้นส่วนได้แก่
1.1
พัฒนากิจกรรมการรวมกลุ่ม/องค์กรทุกแห่งทั่วทั้งชุมชน
เพื่อประสานงานระหว่างหุ้นส่วนทั้งภาครัฐบาลและเอกชนที่เกี่ยวข้อง
1.2 ประสานแนวทางต่างๆ
สำหรับการเรียนรู้หลากหลายประเภทที่ชุมชนให้บริการ
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ในระบบ หรือการเรียนรู้นอกระบบ
และการเรียนรู้โดยใช้ที่ทำงานเป็นฐาน
1.3
ติดต่อประสานงานระหว่างส่วนต่างๆในทุกระดับการศึกษาและการจ้างงาน
1.4
ใช้สื่อประเภทต่างๆในการส่งเสริมผลสัมฤทธิ์และสร้างความกระตือรือร้นในการเรียนรู้
2) การมีส่วนร่วม
ชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริงต้องเรียนรู้วิธีการใหม่ๆที่โน้มน้าวประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการปกครองและการเปลี่ยนแปลงชุมชน
กระบวนการดังกล่าวเรียกร้องให้ประชาชนที่มีทักษะแสดงออกถึงความต้องการและความคาดหวัง
ในขณะเดียวกันทักษะดังกล่าวมีความจำเป็นต่อการทำงานและการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
"ในสังคมซึ่งอยู่ในภาวะแห่งการเปลี่ยนแปลง
ระบบการศึกษามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการก้าวไปสู่วัฒนธรรมการเรียนรู้"ดังกล่าวข้างต้น
เงื่อนไขของนครแห่งการเรียนรู้
หากชุมชนใดประสงค์จะเป็น
"นครแห่งการเรียนรู้"
ต้องมีความสร้างสรรค์โดยอาศัยแนวทาง ดังต่อไปนี้
1)
การเรียนรู้เพื่อคิดหาวิธีการใหม่ในการเรียนรู้
โดยอาศัย
1.1
การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนให้มีความหลากหลายและมีความยืดหยุ่น
1.2
การรับรู้และการให้คุณค่าต่อการเรียนรู้ทุกรูปแบบที่ช่วยให้เกิดความก้าวหน้าในชุมชน
การเรียนรู้ในที่นี้
ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการศึกษาในระบบ
หากรวมถึงการเรียนรู้ที่หลากหลายประเภท ทั้งในสถานที่ทำงาน
องค์กรอาสาสมัคร และในครอบครัว
โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยให้ชุมชนเป็นสถานที่ที่น่าอยู่อาศัยมากขึ้น
2) การเรียนรู้วิธีการเรียนรู้
ควรคิดไตร่ตรองดังนี้
2.1 ในอดีต
ชุมชนเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเผชิญอยู่อย่างไร?
2.2
ชุมชนได้เรียนรู้เรื่องดังกล่าวมากน้อยเพียงใด?
2.3
คุณค่าของการเรียนรู้ที่ชุมชนได้รับเพิ่มมีมากน้อยเพียงใด?
กรณีศึกษา
"นครแห่งการเรียนรู้"ของสหราชอาณาจักร
นครต่างๆ
แสดงให้เห็นถึงวิการเรียนรู้ในลักษณะต่างๆที่ชุมชนใช้ในการปฏิรูป
หรือการเผชิญหน้ากับอนาคต
โดยเฉพาะนครต่างๆในสหราชอาณาจักรที่นำแนวคิดเรื่องนครแห่งการเรียนรู้มาใช้
ได้เข้าร่วมโครงการต่างๆ
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และเชื่อมโยงการปฏิรูปเข้ากับการัฒนาทักษะที่จำเป็น
อาทิเช่น
ลิเวอร์พูล
ใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงนักเรียนและผู้เรียนในชุมชน
เซาท์แฮมตัน
กำหนดเป้าหมายในการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้แก่ประชาชนทั้งหมด
สวอนซี
พัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
โดยใช้เงินทุนสนับสนุนของยุโรป
เชฟฟีลด์
พัฒนาเครือข่ายยกระดับท้องถิ่นของศูนย์การเรียนรู้ เรียกว่า
"Citinet" เชื่อมโยงครัวเรือน โรงเรียน
ธุรกิจ และศูนย์ต่างๆ
ของชุมชนในลักษณะที่เสมือนว่าโลกอยู่ที่ปลายนิ้วมือของทุกคน
อยุธยา
"มหานครแห่งการเรียนรู้"
จากสภาพความเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม
การเมืองและความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
ทำให้มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทั้งทางโตรงและทางอ้อม
การปรับตัวให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ต้องอาศัยกระบวนการจัดการความรู้ที่เป็นระบบ
เป็นเครือข่าย สอดประสานสัมพันธ์กันทุกภาคส่วนตั้งแต่ระดับครอบครัว
ชุมชน องค์กร หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
และภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนการจัดการความรู้ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปสู่การเป็น
"สังคมแห่งการเรียนรู้" และ
"มหานครแห่งการเรียนรู้" ต่อไป
ปฐมพงศ์ ศุภเลิศ
26 ก.พ.49