จากการที่ได้คุยกับสาวคนหนึ่งในภาควิชาฯเรื่องการเขียนบล็อกก็ดูแล้วเห็นสนใจกันดี
แต่ทำไมหนอไม่เห็นจะมีบันทึกออกมาสักที
สุดท้ายก็เลยต้องไปหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พอจะสรุปได้เป็นข้อๆ
ได้ดังนี้
1.
แพ้ภัยตัวเอง
ความอยากเขียนยังมีไม่มากพอที่จะก้าวข้ามอุปสรรคอันใหญ่หลวง
ก็การเขียนบล็อกมันต้องพิมพ์เข้าในคอมพิวเตอร์นี่
เกิดมาพิมพ์ดีดไม่เก่ง จะหาตัวอักษรก็พอหาได้
แต่ให้จิ้มดีดบรรทัดละครึ่งชั่วโมง ไม่ไหว ๆ
ขอบายดีกว่า
เรื่องนี้เลยดูเหมือนกับว่า
ถ้าภาควิชาฯสนับสนุนเครื่องคอมเก่าๆ
แล้วจัดทำโครงการสอนให้บุคลากรฝึกพิมพ์ดีดแบบสัมผัสเป็นก็น่าสนใจเหมือนกัน
แต่ไม่รู้ว่าเอาเข้าจริงแล้วจะเหลือคนที่สนใจจริงสักกี่คน
2. เขิน
เห็นคนอื่นเขาเขียนกันเก๊งเก่ง จะไปเขียนแข่งก็อายจัง
เลยไม่เขียนดีกว่า
จริงๆแล้วอย่าไปไปสนใจเลยว่าใครจะเขียนเก่งหรือไม่เก่ง
ให้เชื่อมั่นในตัวเองไว้ เก่งไม่เก่งไม่เป็นไร เรามีดีอยู่กับตัว
ใครมันจะมารู้เรื่องอะไรของเราดีกว่าตัวเราเองเป็นไม่มี
คนอย่างเราก็มีเรื่องที่รู้ดีกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว
อย่างเช่นเรื่อง......
ก็เริ่มต้นเขียนจากเรื่องที่เรารู้ดีกว่าชาวบ้านซิ
หรืออย่างเช่นวิธีการเลี้ยงไก่เพื่อเอาไข่ การเลี้ยงปลากัด
การเลี้ยงหมู เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย การทำขนมหรืออาหาร
.......จนถ้าไม่มีอะไรแล้วก็วันนี้เราสอนลูกว่าอย่างไรก็ได้
มันเป็นเรื่องเขียนได้ทั้งนั้น และใช้เป็นบันทึกความรู้ได้ทั้งนั้น
แล้วเรื่องพวกนี้
หาอ่านจากไหนก็ไม่ได้เสียด้วยซิยกเว้นว่าต้องถามผู้รู้
แล้วก็เราเป็นผู้รู้นี่หว่าทำไมไม่เขียนให้เขาอ่านไปเลยล่ะ
จะได้ไม่ต้องไปบ่นที่ไหนว่าหาอ่านเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้
ก็เขียนให้อ่านแล้วทำไมไม่มาอ่านตรงนี้
3.
ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี นึกไม่ออก แม่เจ้าประคุณทูนหัว
หาเหตุผลได้ดีจริงๆ
ถ้าไม่รู้จะเขียนอะไร
วิธีการง่ายๆอันหนึ่ง ลองนึกความสำเร็จของตัวเรา
หรือของคนอื่นที่ได้รับฟังมา หรือจะของหน่วยงานก็ได้
ไม่ผิดกติกาแต่อย่างไร เป็นความสำเร็จเรื่องอะไร
เขาหรือเราทำอย่างไรจึงสำเร็จ มีกี่ขั้นตอน มีปัญหาอะไรบ้างไหม
ฝ่าฟันกันมาอย่างไร และอยากจะทำอะไรต่อไป .....อะไรทำนองนี้
หรืออยากจะเล่าเรื่องราวที่เราประทับใจ
ก็เล่าให้ฟังก็แล้วกันว่าเหตุการนั้นเป็นอย่างไร มีใครทำอะไร
ทำกันอย่างไร ทำกันที่ไหน ทำเมื่อไร และทำไมเราถึงประทับใจ
เล่าให้ฟังเป็นข้อๆ ว่าเราประทับใจที่เขาทำอะไรตรงไหน อย่างไร
หรือยกเหตุการณ์ในหน่วยงานที่เกิดขึ้นก็ได้
ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น เรามีความเห็นว่าอย่างนั้น ฯลฯ
......หรือแม้แต่บันทึกบรรยากาศที่เกิดขึ้นในหน่วยงาน ว่าจะสอบ
competency กันนะ บรรยากาศในหน่วยเป็นอย่างไร
แต่ละคนเตรียมตัวอะไรกันอย่างไร เห็นไหมว่ามีสารพัดที่สามารถเก็บเอามาเขียนได้
4.
ขี้เกียจ !
พอแล้วล่ะ รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
หมายเหตุ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่
แล้วไม่ต้องไปหานะว่าสาวที่ผมคุยด้วยนั้นเป็นใคร มาจากไหน
บอกได้อย่างเดียวว่า "ไม่ใช่คนที่คุณคิดอยู่ก็แล้วกัน"