การจัดระบบบริหารและสารสนเทศ
ข้อมูลและสารสนเทศนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่สำคัญต่อการพัฒนาองค์กรไม่ว่าระดับใดก็ตาม เนื่องจากข้อมูลและสารสนเทศจะชี้ให้เห็นถึงสภาพจุดเด่นและจุดด้อยขององค์กรซึ่งจะช่วยให้เห็นแนวทางของการพัฒนาองค์กรได้เป็นอย่างดี หากข้อมูลและสารสนเทศที่มีไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ไม่เป็นปัจจุบัน และไม่สะดวกต่อการใช้แล้ว การวางแผนพัฒนาองค์กรก็จะไม่ถูกทาง ดังนั้นจึงต้องพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศให้ถูกต้อง ครอบคลุม และเป็นปัจจุบันอยู่เสมอในการจัดระบบบริหารและสารสนเทศนั้น สิ่งที่ผู้ดำเนินการควรทราบมีอยู่ 3 ประการ คือ ข้อมูล (Data) สารสนเทศ(Information) และระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารการจัดการศึกษา(School education management system : school EMS)
1. ความหมาย
1.1 ข้อมูล (Data) หมายถึง จำนวนหรือคุณลักษณะที่บ่งชี้ข้อเท็จจริงทั้งที่เป็นตัวเลขสัญลักษณ์และตัวหนังสือ แทนปริมาณที่อธิบายสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น จำนวนเด็กในวัยเรียน จำนวนนักเรียนยากจน จำนวนนักเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นต้น ซึ่งยังไม่ได้ทำการวิเคราะห์หรือประมวลผล
1.2 สารสนเทศ(Information) หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์หรือสังเคราะห์หรือประมวลผลแล้ว อยู่ในเรื่องต่าง ๆ ได้ตามวัตถุประสงค์ เช่น อัตราการเกณฑ์เด็กเข้าเรียน ร้อยละของนักเรียนที่มีผลการประเมินน่าพอใจ
1.3 ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารการจัดการศึกษา(School education management system : school EMS) หมายถึง ระบบซึ่งรวบรวมสารสนเทศต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการบริหารจัดการสถานศึกษา โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อรวบรวม จัดเก็บ และใช้สารสนเทศตามความต้องการของหน่วยงาน ทั้งนี้ต้องการมีการจัดเป็นระบบไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บเป็นแฟ้มเอกสาร หรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการจัดเก็บก็ตาม
2. สารสนเทศจำเป็นสำหรับการพัฒนาสถานศึกษา สารสนเทศที่จำเป็นสำหรับสถานศึกษานั้น ควรพิจารณาจัดเก็บให้สอดคล้องกับลักษณะของมาตรฐานการศึกษากำหนด โดยทั่วไปแล้วนิยมพิจารณาตามการวิเคราะห์เชิงระบบ ซึ่งมีอยู่ 3 องค์ประกอบ คือ ด้านปัจจัย กระบวนการ และผลผลิต
3. กระบวนการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ การพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศของสถานศึกษามีกระบวนการในการดำเนินงานดังนี้
3.1 กำหนดความต้องการร่วมกันระหว่างบุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ว่ามีข้อมูลใดบ้างที่จำเป็นต้องใช้ในสถานศึกษา
3.2 วางแผนการเก็บข้อมูล ผู้บริหารสถานศึกษาและคณะครูร่วมกันวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยระบุข้อมูลลักษณะของข้อมูล วิธีการและเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล และแหล่งข้อมูล เป็นต้น
3.3 จัดหาและหรือสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล
3.4 เก็บรวบรวมข้อมูล โดยคำนึงถึงความถูกต้องเป็นปัจจุบันของข้อมูล
3.5 วิเคราะห์ข้อมูลและเก็บรักษาข้อมูลที่จัดเก็บมา โดยจัดข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ ใช้ได้สะดวก และนำไปใช้ประโยชน์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์
3.6 ปรับปรุงและพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง
4. การนำข้อมูลและสารสนเทศไปใช้ประโยชน์ เมื่อสถานศึกษาได้พัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง ครอบคลุมทั้งด้านการบริหารจัดการศึกษา การจัดการเรียนรู้ การพัฒนาตนเองดังนี้
4.1 สถานศึกษา
4.1.1 พัฒนาผู้เรียน สามารถใช้ข้อมูลสารสนเทศในการวางแผนการเรียนรู้ ตลอดจนการสำรวจความสนใจ ตรวจสอบความรู้พื้นฐานของตนเอง จัดแผนการเรียนรู้และร่วมจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
4.1.2 พัฒนาผู้สอน สามารถใช้ข้อมูลสารสนเทศในการวางแผนการเรียนรู้ ตลอดจนการสำรวจความสนใจ ตรวจสอบความรู้พื้นฐานของตนเอง จัดแผนการเรียนรู้และร่วมจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
4.1.3 พัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา สามารถใช้ข้อมูลสารสนเทศสำหรับการกำหนดเป้าหมายนโยบาย วางแผนปฏิบัติงาน จัดสิ่งอำนวยความสะดวก นิเทศ และติดตาม ประเมินผล และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรในสถานศึกษา
4.2 ผู้ปกครองและชุมชน ผู้ปกครองและชุมชน สามารใช้ข้อมูลและสารสนเทศสำหรับการร่วมจัดทำหลักสูตร ร่วมจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการจัดการเรียนรู้ นิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผล ตลอดจนการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน
4.3 หน่วยงานจัดการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานจัดการศึกษาในพื้นที่สามารถนำข้อมูลและสารสนเทศไปใช้เพื่อตรวจสอบ ทบทวนและปรับปรุงคุณภาพของสถานศึกษา การประเมินภายใน การส่งเสริมจุดเด่นและปรับปรุงแก้ไขขุดด้อยของสถานศึกษา
4.4 องค์กรภายนอก องค์กรภายนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพสถานศึกษา (สมศ.) สามารถนำข้อมูลและสารสนเทศไปใช้ในการศึกษาคุณภาพของโรงเรียนพร้อมทั้งยืนยันผลการดำเนินงานของโรงเรียน เพื่อนำข้อมูลเสนอแนะต่อโรงเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเสนอผลต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อนิเทศ ติดตาม และช่วยเหลือการดำเนินงาน เพื่อพัฒนาคุณภาพของโรงเรียนต่อไป
ท่านรอง วิทยาลัยต่อเรือ ข้าน้อยขอกราบเป็นศิษย์น้องได้ใหมขอรับ
วาสนา คชไกร