หัวข้อ
1.ความสำคัญของการใช้ผลการวิจัย
2.ประวัติและความเป็นมาของการใช้ผลการวิจัยทางการพยาบาล
3.ขั้นตอนของการใช้ผลการวิจัยทางการพยาบาล
การใช้ผลการวิจัยมีความสำคัญอย่างไร ????
1.เป็นข้อกำหนดตามมาตรฐานวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
2.เป็นข้อกำหนดตามนโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(เน้นคุณภาพและความคุ้มค่า)
3.เป็นความคาดหวังของสังคม (เกิดผลสัมฤทธิ์และมีความปลอดภัย)
ดังนั้น พยาบาลต้องมี
คำตอบสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว
โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์สนับสนุนผลลัพธ์ของการใช้ผลการวิจัย
Burns & Grove (2001) ระบุว่า
การปฏิบัติโดยใช้ความรู้จากงานวิจัยเป็นฐาน (research based practice)
จะทำให้เกิด Best practice
Best Practice : การปฏิบัติที่ทำให้เกิดผลลัพธ์เป็นเลิศ
หรือผลลัพธ์ดีที่สุดที่ทำให้องค์กรนั้นๆประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
ลักษณะของ best practice
1. เกิดการพยาบาลที่มีคุณภาพ
2. เกิดผลลัพธ์ทางคลินิกที่ดี
3. เกิดความพึงพอใจของผู้ป่วยและครอบครัว
4. เกิดความคุ้มทุนคุ้มค่า
5. เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน (คนในองค์กรเจริญเติบโต)
ประวัติความเป็นมาของการใช้ผลการวิจัยเพื่อพัฒนาการปฏิบัติการพยาบาล
เริ่มต้นจากการพัฒนาคุณภาพการบริการในสหรัฐอเมริกา
- 1952 การจัดตั้ง The Joint Commission on Accreditation of
Hospital (JCAHO) จึงทำให้เกิดการแสวงหาวิธีการที่ทำให้เกิดงานคุณภาพ-
ในช่วงปี ค.ศ.1970-1980
มีความตื่นตัวมากในเรื่องการนำผลการวิจัยมาใช้ในการปฏิบัติการพยาบาล
(Research Utilization)
เพราะเป้าหมายสุดท้ายของการวิจัยทางการพยาบาล คือ
1.การนำผลการวิจัยไปใช้
2.ไม่ว่าจะเป็นการใช้เดี่ยวๆ หรือใช้เป็นกลุ่มของงานวิจัย
3.เพื่อ improve nursing
serviceเชื่อว่าเป็นวิธีที่ช่วยพัฒนาคุณภาพการพยาบาลได้
และในช่วงเวลานั้น(ค.ศ.1970-1980)ยังพบว่า
มีการทำวิจัยทางการพยาบาลมากแต่การนำผลการวิจัยไปใช้ ในการปฏิบัติ
ยังค่อนข้างน้อย เกิดช่องว่างระหว่างการทำวิจัย
กับการนำผลการวิจัยไปใช้
ตัวอย่างของช่องว่างระหว่างการทำวิจัยกับการใช้ผลการวิจัย
ตัวอย่างนอกวิชาชีพการพยาบาล (ศิริอร สินธุ ,
2544)
- การคัดเลือกสายพันธ์ข้าวโพดใช้เวลา 25 ปี
จึงมีการนำมาใช้ปฏิบัติ
- การค้นคว้า pacemaker ใช้เวลา 32 ปีก่อนนำมาใช้จริง
- การค้นพบยาคุมกำเนิด เมื่อ 1951 นำมาใช้เมื่อ 1960
ตัวอย่างของช่องว่างระหว่างการทำวิจัยกับการใช้ผลการวิจัย
ตัวอย่างของวิชาชีพการพยาบาล (Polit & Hungler, 1997)
-
การค้นพบเวลาที่เหมาะสมสำหรับการวัดอุณหภูมิด้วยปรอทแก้วทางปากจากงานวิจัย
เมื่อก่อนปี 1970 แต่เมื่อสำรวจในปี 1975
พบว่ามีพยาบาลเพียง 1 คน จาก 87 คนที่ใช้วิธีการนี้
พัฒนาสู่โครงการใช้ผลการวิจัยต่างๆ
The Western Interstate Commission
for Higher Education (WICHE) Project
จึงได้จัดตั้งขึ้นโดยได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
เพื่อเป็นโครงการ
ในการดำเนินงานเพื่อให้มีการนำผลการวิจัยทางการพยาบาลมาใช้
ขึ้นเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา
The CURN project
ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน The Conduct and Utilization
Of Research in Nursing (CURN) project นำโดย Dr.Joanne Horsley &
Dr.Joyce Crane ได้ถูกจัดตั้งขึ้น ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างมากใน
USA เพื่อนำ ผลการวิจัยมาใช้สร้างเป็น protocol ต่างๆในการปฏิบัติ
การพยาบาล protocol อันเป็นที่แพร่หลายได้แก่ (1981-1982)
-การป้องกัน urinary tract infection ด้วย closed drainage
system
-Preoperative teaching protocol
ค.ศ. 1978 Horsley,Crane & Bingle เขียนบทวิเคราะห์
โดยการสนับสนุนจาก CURN และสรุปว่า
การนำงานวิจัยไปใช้ในการปฏิบัติการพยาบาลนั้น
จะสำเร็จได้ด้วยการสนับสนุนจากองค์กร
หากขาดการสนับสนุนจากองค์กร ก็จะไม่เกิด
การนำผลการวิจัยไปใช้ในการปฏิบัติ
ข้อตกลงเบื้องต้นของ CURN
Projectก่อนดำเนินโครงการนำผลการวิจัย
ไปใช้ในการปฏิบัติ
1. องค์กรต้องเห็นด้วยและให้การสนับสนุนตลอด
กระบวนการของการดำเนินงานในทุกรูปแบบ
2. มีกลไกการดำเนินการที่ชัดเจน
3. มีทรัพยากรที่จำเป็นอย่างครบถ้วน และเพียงพอ
4.
มีการวางแผนล่วงหน้าสำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปฏิบัติในองค์กร
5. ต้องมีการใช้งานวิจัยตั้งแต่ 2
เรื่องขึ้นไปเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงการ
ปฏิบัติการพยาบาล
ขอบคุณนะ ที่นำความรู้เกี่ยวกับ การวิจัยทางการพยาบาล มานำเสนอให้ทราบ
ขอบคุณท่ีนำความรู้มาวางไว่้ให้อ่านอยากรบกวนขอรายละเอียดRUของการพยาบาลว่ามีโมเดลอย่างไรบ้างใช้อย่างไรขอบคุณล่วงหน้าค่ะ