เรื่องเล่าเร้าพลังจากกลุ่ม 6: เคล็ดลับของนักขายฝัน- คุณรุ่งเรือง


เลือกปัญหาที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นปัญหา ให้ความสำคัญกับคนหน้างานเป็นหลัก

ในกิจกรรมกลุ่ม เรื่องเล่าเร้าพลัง ในการสัมมนาเมื่อวันที่ 11-12 ก.พ. ตนเองได้รับมอบหมายให้เป็นคุณลิขิตประจำกลุ่ม 6  หลังจากที่พี่เม่ยได้ทยอยถ่ายทอดเรื่องเล่าน่าประทับใจของหลายคนในกลุ่ม 5 ไปแล้ว วันนี้ กลุ่ม 6 ก็ขออวดเรื่องดีๆ ของกลุ่มบ้าง

คุณรุ่งเรือง จารุมโนกุล นักเทคนิคการแพทย์จากหน่วย seroฯ  เป็นหัวหน้างานหน่วย sero และเป็นทีมนำของภาควิชาในการผลักดัน ISO 15189  คุณรุ่งเรืองเล่าว่า "ตนเองไปดูงานที่แล็บอื่นมา มีเรื่องดีๆ ก็อยากมาขาย idea ให้ในหน่วยทำบ้าง เคยพยายามหลายครั้ง (ชักชวนแล้ว ชักชวนอีก) ก็ไม่ค่อยได้รับการตอบสนอง ทำยังไงดีที่จะให้เขาเอาด้วย ก็กลับมาวิเคราะห์ดู พบว่าจุด pre-analytic (ขั้นตอนก่อนการตรวจวิเคราะห์) เป็นจุดที่ต้องพัฒนา และคิดว่าจุดนี้น่าจะขายได้ เพราะทุกคนเห็นตรงกันว่า เป็นจุดที่ sero มีปัญหา"  พอถามลึกเข้าไปอีกว่ามีวิธีการพิเศษอะไรหรือเปล่า ที่ให้เขารับ idea เรา  คุณรุ่งเรืองก็บอกว่า "ก็ใช้การพูดคุยในกลุ่ม พูดหลายๆครั้งกับคนที่รับผิดชอบในหน้างานเป็นหลัก คนอื่นเป็นตัวร่วม และเมื่อขาย idea ได้แล้วก็ต้องมีกิจกรรมรองรับ idea นั้น พอดีภาคฯ มีโครงการ Patho Otop ก็เลยเอามาสวมกันพอดี และดีที่เป็นกิจกรรมที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้"  จึงเป็นที่มาของโครงการ  "การปรับปรุงกระบวนการจัดเตรียมตัวอย่างตรวจทาง serology" โดย ทีม Sero OK

สรุปเคล็ดลับความสำเร็จในการขาย idea (ฝัน?) ให้เกิดการยอมรับและเกิดเป็นผลในทางปฏิบัติ (ทุกคนในภาคฯ ต่างก็รู้กันว่า คุณรุ่งเรื่องเป็นนักขายฝันตัวยง เพราะเธอมักไปเสาะแสวงหาสารพัดความรู้มาจากภายนอก) คือเลือกปัญหาที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นปัญหา ให้ความสำคัญกับคนหน้างานเป็นหลัก  พูดซ้ำๆ (ตื้อ) และหากิจกรรมรองรับฝันนั้น  แล้วฝันก็จะกลายเป็นจริงในที่สุด

หมายเลขบันทึก: 16841เขียนเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2006 21:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
วิธีขาย idea ให้มีคนรับซื้อโดยง่าย.. เคล็ดลับคือ ขายแบบมีการ demonstrate (ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง) ..ผู้ซื้อมองเห็นเป็น  "รูปธรรม"  ได้ผลดีนักแล..ค่ะ ท่าน CKO
เหตุที่ไม่รับ idea นั้น   ส่วนหนึ่งก็คือ  ฟังแล้วไม่ get   ค่ะ    อันนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่คนขายหรือคนซื้อ    คงจะอยู่ที่คนซื้อมากกว่าล่ะมั๊ง  ไม่ค่อยจะมีพื้นเท่าไหร่   เพราะฟังแล้วก็มักจะมีคำถามต่อเสมอๆ ว่า   แล้วยังไงต่อคะ   ยกตัวอย่างเช่น.... อะไร ?   สุดท้ายก็ยังไม่ get อยู่ดี    เหมือนดูรูป abstract   ดูแล้วก็มองไม่เห็นความสวยงามอย่างที่เค้าว่าไว้
นั่นไงคะ..ที่คุณ"nidnoi"เขียน..ความหมายก็คือ..มอง..ไม่เห็นเป็นรูปธรรม..คงต้องให้คนขาย demon' ค่ะ
บางครั้งการเป็นนักขายที่ดี ก็ต้องพยายามพูดแล้วพูดอีกค่ะ ฟังเรื่องเล่าของอาจารย์ แล้วนึกถึงการขายฝันของตัวเอง เรื่องโครงการใช้ Primary tube สำหรับเครื่องวิเคราะห์ Hitachi 917 (ใช้หลอดเลือดเข้าเครื่องตรวจวิเคราะห์โดยตรง แทนที่จะดูด serum ใส่ cup ทุกราย ซึ่งช่วยให้ได้ความถูกต้อง ประหยัดเวลา ประหยัดการล้าง เป็นต้น) ใช้เวลาในการพูดขายฝันของตัวเองประมาณ 2 -3 ปี ค่ะกว่าจะสำเร็จ  เพราะการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างหรือการจะขายอะไรก็ตาม ดูเหมือนว่าต้องใช้ความพยายามและความอดทน รวมทั้งมีทีมร่วม ที่เห็นด้วยบ้างจะมีกำลังใจค่ะ
อยากขายเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะขายอะไร เกิดมาไม่ค่อยฝันเสียด้วยซิ จะรอให้ฝันแล้วค่อยเอาไปขายคงไม่ work เอ! ขายอะไรดีนะ

ขอเสริมความคิดของคุณ nidnoi เรื่องฟังแล้วไม่ get ค่ะ เพราะเรื่องเล่าในบันทึกนี้ ก็ฟังอยู่นานกว่าจะจับประเด็นได้ และผู้เขียนก็ต้องใช้คำถามหลายๆ คำถามอยู่เหมือนกัน แต่เห็นว่ามีแววจะเป็นเรื่องดี ก็เลยพยายามถามให้ได้เรื่อง ดังนั้น หากพอจะเห็นเจตนาดีของเขา ก็ใช้ความพยายามจูนเข้าหากันสักหน่อย (หรือมาก?) ก็จะเป็น win-win situation ได้นะคะ

เห็นด้วยกับวิธีขายฝันของพี่เม่ยคือ ขายแบบมีการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ว่าเป็นวิธีที่สุดยอดแน่นอนค่ะ ดังที่ภาคฯ ได้ทำตัวอย่างให้ทุกคนเห็นประโยชน์ของการใช้ KM เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร ผ่านการทำกิจกรรม Patho Otop แต่ในบางสถานการณ์ บางบริบท ที่เราไม่สามารถทำตัวอย่างให้เห็นก่อนได้ ก็อาจต้องใช้วิธีของคุณรุ่งเรือง ก็ไม่เลวนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท