นักวางแผนหลักสูตรควรที่จะกำหนด มโนทัศน์ ความคิด กระบวนการ และหลักการซึ่งมีความสำคัญเป็นการเฉพาะต่อนักเรียนที่จะทำความเข้าใจ วิทยาศาสตร์ที่จำเป็นสำหรับทุกคน
ยิ่งต้องตระหนักเมื่อมีรายงานต่างๆ ทางการศึกษาว่าประเทศของเรากำลังถดถอยลงไปในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ความไม่รู้หนังสือกลับเพิ่มจำนวนขึ้น มีการอ่านหนังสือน้อย เมื่อจัดลำดับเทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว จะเห็นว่ามีมาตรฐานการศึกษาต่ำกว่าหลายประเทศ การจัดลำดับการแข่งขัน ทางเศรษฐกิจ ก็อยู่ในลำดับท้ายๆ เมื่อดูสัดส่วนประชาชนที่เข้าศึกษาอุดมศึกษาทางวิทยาศาสตร์น้อยลง ไม่ได้อยู่ในสัดส่วนที่สมดุลย์ ที่อย่างน้อยควรจะมี 50 % แต่กลับมีเพียง 30%
รายงานดังกล่าวเปรียบเหมือนกับ สัญญาณเตือนภัยที่จะต้องนำมาคิดแก้ไขให้ทันท่วงที ที่ควรจะนำไปสู่การปฏิรูปอย่างจริงจัง จะต้องมีโครงการปฏิรูปจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะในกฎหมาย โดยโครงการที่มุ่งเน้นให้มีหลักการนำทางและเป้าหมาย ซึ่งจะต้องประกอบด้วย กรอบแนวคิด มาตรฐานเทียบเคียง ในส่วนของหลักสูตร
ในเป้าหมายสำหรับสถาบันการศึกษาหนึ่งๆ นั้นควรจะมีวิสัยทัศน์ที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้แทรกซึมให้ทั่วถึงในการวางแผนเข้าไปในโปรแกรมทางการ ศึกษา เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้รู้วิทยาศาสตร์เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและการนำไปใช้ในระดับสูงขึ้นต่อไป ซึ่งจะต้องพิจาณาลักษณะของวิทยาศาสตร์ศึกษาสำหรับประชาชนทุกคน และกำหนดมโนทัศน์หลักทางวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนทุกคนควรจะรู้ เมื่อตอนจบการศึกษามัธยมปลาย
นักเรียนควรจะได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นเวลา 6 ปีหลังประถมศึกษา วิชาทางวิทยาศาสตร์ในหลักสูตรเดิมให้เรียนกระจายอยูหลายปี จุดมุ่งเน้นต้องให้ไกลจากการเรียนรู้โดยการท่องจำ และเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยวิธีสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งคงต้องสะท้อนให้เห็นถึงการแนวการสอนที่เป็นไปในทางที่สอนเนื้อหาน้อยลงแต่มีความลึกซึ้งมากขึ้นตลอดช่วงเวลาการสอน ขณะที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือของการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (inquiry)
ไม่มีความเห็น