ตอนบ่ายหลังธนาคารปิด ผมก้าวออกมาจากประตูธนาคาร (กรุงศรีอยุธยา) สาขาย่อยมน. ได้เห็นภาพที่ไม่เคยเห็น (ถ่ายภาพไม่ทัน) คือแม่หมา (ขอใช้คำนี้) คาบลูกหมา (บริเวณคอหลังท้ายทอย) วิ่งข้ามถนนเข้าไปในตัวอาคาร (คณะเภสัชศาสตร์ มน.)
หลังจากนั้นแม่หมาก็คลอเคลียร์กับลูก ทำให้ได้แง่คิดหลาย ๆ อย่าง
ต่อไปนี้เป็นภาพที่ผมถ่ายมา โดยใช้เทคนิคที่คุณโอเขียนไว้ในบันทึกนี้ <Click> ลองชมฝีมือของ beeman บ้างครับ
หมายเหตุ บันทึกนี้เป็นบันทึกที่ 300 กับจำนวนข้อคิดเห็น 332 ครับ
นางนมยานตัวนี้แหละที่เห่าเสียดังเอ็ดตะโลลั่นบ้านแตก เมื่อเราบังเอิญเดินหลงไปในดินแดน(ที่คาดว่าจะเป็น)อาณาเขตของเจ้าหล่อน--ตรงบริเวณอาคารทำฟัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 27 ก.พ
แม้จะตกใจและวิตกจริตว่ามันคงกัดแน่นอน คิดล่วงหน้าไปว่าเดือนนี้ต้องมีแต่ความรักซิ แต่เราคงจะโดนกัดหรือเนี่ย น่านคิดล่วงหน้าไป
ที่จริงจะว่าหล่อนก็ใช่ที่ เหตุเกิดเพราะเราเดินเลี่ยงต้นไม้ที่มีนกเอี้ยงจับจองอยู่เต็มต้นยามย่ำค่ำ เลยคิดเล่นๆ แต่เดินเข้าไปจริงๆ ตรงนั้น คุยโทรศัพท์ไปพลางเดินแกว่งแขนแบบออกกำลังกายไปพลาง เดินไปบนฟุตบาทหลังตึกนั้น ซึ่งที่จริงบริเวณนั้นเข้าข่าย "อโคจร" ที่ไม่มีใครเขาเดินกัน นางนมยานหล่อนคงเห็นความไม่ชอบมาพากล ก็เลยวิ่งเร็วรี่เข้ามา แล้วก็แผดเสียงดังกัมปนาท ขนาดเสียงแผดเข้าไปถึงปลายสาย คนฝ่ายโน้นก็ว่า อ้าวโดนหมาไล่ กิก กิก
พร้อมความตกใจ เราก็ยกมือขึ้นประมาณปางห้ามญาติ แล้วก็ถอยกลับมาหลายก้าว แบบตั้งหลักพร้อมโกย นางนมยานหยุดเล็กน้อยแต่ก็ไม่เลิกลา เราหนีมันมาได้หวุดหวิด เหตุการณ์ตามมาด้วยบริวารของมันเป็นหมาใหญ่หลายตัวเห่ากันขลม...
ที่จริงนางนมยานนี้วิ่งกลับไปกลับมาอยู่ระหว่างอาคารเภสัชฯกับท้ายตึกทัณตกรรม วิ่งทีนมก็แกว่งไปทั้งสองข้าง เราก็เดาว่าเจ้าหล่อนน่าจะมีลูก เห็นจากภาพแล้ว เจ้าหล่อนน่าจะหวงลูกอยู่ และน่าจะเกิดเหตุลักพาลูกหมาได้ทุกเมื่อ ถ้าอาจารย์ไม่ตกแต่งภาพให้ลูกหมาน่ารักเกินจริง
อ.เล็กเติมเต็มเรื่องราวของหมาตัวนี้ได้ดีครับ และยังเป็นนักเขียนที่มีแฟนล้นหลาม ติดตามได้ใน swiftletNU ครับ