ไดอารี่...บันทึกที่ไร้รูป ไร้ร่าง แต่ไม่ไร้ซึ่งความหมายภายใน


บันทึกฉบับนี้เกิดแรงดลใจเมื่อได้อ่านบันทึกฉบับหนึ่งของคุณชายขอบ

เป็นเรื่องที่เมื่อก่อนผมก็มองไม่ออกว่าบันทึกส่วนตัว หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ไดอารี่" จะเอามาเป็นเครื่องมือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้อย่างไร?   

แต่เมื่อมาทำงานที่ สคส.   สิ่งหนึ่งที่กลับมาจากการทำงาน  หรือการประชุมใดๆ  หรือทำกิจกรรมอะไรมา  ก็แล้วแต่  ต้องมาลงบันทึกย่อๆ  ที่สร้างขึ้นในตาราง Excel ที่แสนจะธรรมดานี่เอง    ทุกคนเข้าใจกติกาทำต่อๆกันเรื่อยมา    ประโยชน์ของมันอย่างหนึ่งที่เห็นคือ  ทุกคนในที่ทำงานเข้าไปดูได้ว่ามีอะไรที่ไหนเมื่อไร  แต่ประเด็นว่าทำอย่างไรนั้นในรายละเอียดต้องไปคุยนอกรอบกับผู้บันทึกอีกที    อีกอันหนึ่งที่ถูกหยิบไปใช้คือ  ทุกครั้งของการประชุมคณะกรรมการนโยบาย สคส.   ไดอารี่ประจำรอบช่วงเวลาระหว่างนั้น  ก็จะถูกพิมพ์ออกมาประกอบในรายงานการประชุมด้วยทุกครั้ง   คณะกรรมการก็เห็นว่าเราเคลื่อนไหวอะไรอย่างไร

ต่อมาเข้าสู่ช่วงพัฒนาที่สูงขึ้น    รู้จัก Weblog  ไดอารี่ไซเบอร์   เราก็เริ่มบันทึกเรื่องราวการทำงาน  เรื่องราวส่วนตัว  เรื่องราวบ้านเมือง  เรื่องจิปาถะแล้วแต่ใครจะหยิบอะไรมาบันทึก    ประมาณว่าใครจะนิราศอะไรก็ตามที่ผ่านมาแล้ว  สิ่งที่ค่อยๆห่างออกไปกลายเป็นอดีต     ทำให้เราเห็นลีลา  ท่วงวาทีการเขียนที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน    สำหรับผมแล้วทำผมรู้จักอีกอย่างหนึ่ง คือ  ความเป็นอิสระในการบันทึก  

เมื่อใดที่ผมอยากมี   อิสระที่จะคิด  ที่จะเขียน  ที่จะพูด  ที่จะแสดง  ผมก็จะต้องหาพื้นที่เล็กๆให้กับตัวเองเสมอเพื่อได้ถ่ายทอดรวบรวมเก็บไว้เป็นตัวหนังสือ  เป็นรูปภาพ  ไม่รู้เหมือนกันว่าเก็บเอาไว้จะเอาไปทำอะไรได้บ้าง   อาจจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างก็อาจเป็นได้  แต่นั่นต้องหมายความว่า  คนอื่นต้องได้อ่านบันทึกของเรา    หากย้อนดูประวัติศาสตร์เรื่องราวโดยละเอียดของโลกตะวันตกมักจะถูกเก็บเอาไว้ในไดอารี่  หรือบันทึกส่วนตัว   การสืบค้นเรื่องราวได้จากตรงนี้เยอะพอสมควรเหมือนกัน   บ้านเราก็มีแต่ไม่มากเท่าที่เขามี   รายละเอียดมันจึงขาดหายไปเยอะ

พูดถึงอิสรภาพ   ผมเชื่อว่า  โดยสัญชาติญาณทุกคนมีสิ่งนี้    เช่น ผมรู้สึกอยากมีอิสระเมื่อตอนที่เริ่มเข้าโรงเรียน ป.1   แต่ตอนนั้นคงไม่รู้จักว่าอิสระคืออะไร       ผมเริ่มรู้จักสมุดที่มีเส้นบรรทัด   กับสมุดวาดเขียนที่ไม่มีเส้นบรรทัด   ผมอยากมีสมุดที่ไม่มีเส้นแต่คงไม่ได้  เพราะ หนึ่ง ครูไม่อนุญาต  สอง หาซื้อสมุดแบบนั้นไม่ได้ในสมัยนั้น  ตอนนั้นถึงตอนนี้ผมก็ยังชอบสมุดที่ไม่มีเส้นบรรทัด   ถึงแม้ว่าจะเขียนเอียงไปบ้างบางครั้ง    เพราะบางที่ได้วาดรูปและเขียนปนไปด้วยกันมันไม่มีเส้นขวางให้บดบังบางอย่างที่เราต้องการเขียนได้     จนมีโอกาสได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเป็นยุคที่กระดาษ A4 สำหรับถ่ายเอกสารหาได้ง่ายขึ้น   ผมเลือกที่จะใช้กระดาษ A4 บันทึกในชั่วโมงเรียนแล้วเอาไปรวบรวมเป็นเล่มอีกที   ความชอบโดยส่วนตัวของคนเราจึงอาจจะไม่เหมือนกัน  แต่พฤติกรรมบางอย่างของตัวเองทำให้เรารู้จักตัวเองในภายหลังว่า "ตัวตน" ของเรานั้นเป็นอย่างไร? 

พูดถึง "เกณฑ์การให้รางวัล"  กับ "เกณฑ์การเขียน"  ดูเหมือนเป็นเครื่องมือที่จะเข้ามาจัดการอะไรบางอย่าง     คำถามต่อไปก็คือ   "ผมยังต้องการคงความเป็นอิสระของผมไว้ต่อไปหรือไม่?"  หรือ  "ผมยังต้องการคงความเป็นตัวตนของผมไว้ต่อไปหรือไม่?"  ถ้าคำตอบว่า "ยังคงไว้ 100%"  ผมก็จะทำต่ออย่างที่ผมชอบ   แต่ถ้าคำตอบว่า  "ยังคงไว้ส่วนใหญ่"  ผมก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามเกณฑ์บ้างบางส่วน   หรือ "เปลี่ยนไปตามเกณฑ์เลย"  ก็เปลี่ยนยกเครื่องกันไปเลย    แต่ในโลกความเป็นจริงบางครั้ง กฎเกณฑ์มันมาทิศทางเดียวกับที่เราเป็นอยู่  อย่างนี้ก็เข้าล็อก  เข้าทางเราเลย   แต่หลายครั้งมันไม่เป็นอย่างนั้น  ก็ต้องย้อนคำถามกับตัวเองอย่างเดิม

แต่ที่ผมชอบประเด็นของคุณชายขอบ คือ  (ผมตีความเอาเองนะครับ  ถ้าไม่ตรงตามที่คุณชายขอบพยายามสื่อก็บอกด้วยนะครับ)     "คนนำความรู้/ภูมิปัญญาที่ฝังลึกออกมาให้มากที่สุด"     ตรงนี้ โดนใจ (หากมีปุ่มโหวต ผมก็จะกดแล้วครับ)    เพราะผมเชื่อว่า  ความรู้ฝังลึก  ต้องอาศัย  ความเป็นอิสระโดยธรรมชาติของมนุษย์ภายในจิตใจจริงๆ   แล้วมันจะค่อยๆออกมา  

อย่างน้อยที่สุด  ผมรู้จักตัวเองจากการบันทึกเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งว่า  "ผมยังต้องการอิสระ  มากกว่าสิ่งอื่นใด"

คำสำคัญ (Tags): #freedom
หมายเลขบันทึก: 16484เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2006 10:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2012 20:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อิสระ...

"มนุษย์"...ต่างโหยหา..แต่ก็มักวิ่งวน...เข้าไป
เพื่อครอบครอง...แล้วกลับมาต่อรอง..
ว่า "อิสระ"...อยู่ที่ไหน...
จริงๆ...อิสระ..คือ...ปราศจากเงื่อนไขใดใด
แต่...ไม่สูญหาย...หรือต้องขายไป...ในเรื่อง "จิต-วิญญาณ"
ดีใจค่ะ...
ที่...หลายคน...พยายามมองลึกลงไป
ในตัวตน..แต่หาใช่สร้าง "อัตตา" ไม่
เพราะ...จุดกำเนิด..หากเริ่มในส่วนลึกที่เป็นตัวเรา
จะทำให้ "มนุษย์"..เรามอง..ส่วนรอบข้าง
ด้วย Mind'eye มากยิ่งขึ้น...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท