เมื่อวาน ผมได้คุยกับอาจารย์เก่าแก่สายปรัชญาท่านหนึ่ง ท่านได้กล่าวถึงความไม่ยุติธรรมหลายเรื่อง เช่น ความไม่ยุติธรรมของอาจารย์ที่ปล่อยให้นักศึกษาบางคนเข้าสอบทั้งที่เวลาเลยกติกาของการเข้าสอบแล้ว ขณะที่อาจารย์บางคนไม่ให้สอบ ความไม่ยุติธรรมในการบริหารจัดการโดยให้ความเอื้อเฟื้อต่อลูกหลานของตัวเองก่อนก่อนที่จะเผื่อแผ่ให้ลูกคนอื่นทั้งที่สิ่งนั้นเป็นของกลางไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
จริงๆ แล้วความยุติธรรมนั้น ควรสร้างให้เด็กแต่ละคนซึมซับตั้งแต่เยาว์ แต่พ่อแม่บางคนที่ไม่เห็นความยุติธรรมว่าสำคัญ ก็ใช้อำนาจบาดใหญ่หรือไม่ก็เงินตราสอนให้เด็กได้เห็นว่าความยุติธรรมมันไม่สำคัญ พูดไปพูดมาท่านก็สรุปลงที่ว่า เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
ผมเคยเขียนเรื่องราวบางเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่เป็นแม่ การเป็นแม่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะเป็นได้ และการเป็นแม่ของคนทั้งโลกเป็นเรื่องยากกว่าการเป็นแม่ของคนๆเดียว
หากอาจารย์ยังไม่มีวินัยและไม่รู้จักรักษากติกาในตัวเองแล้วจะสอนให้เด็กนักศึกษามีวินัยและรู้จักกติกาได้อย่างไร
เหมือนครูพลศึกษาตอนสมัยยังเป็นเด็กจำได้ว่า ครูจะสอนในห้องเรียนวิชาสุขศึกษาว่าเสมอ เหล้าเป็นสิ่งไม่ดี บุหรี่เป็นสิ่งไม่ดี แต่ทุกครั้งที่มีงานโรงเรียนก็จะเห็นครูเหล่านั้นแหละทั้งสูบบุหรี่และกินเหล้า
เฉลย : คำอ้างและเหตุผล
เมื่อคนบางคนได้ทำสิ่งใดลงไป และสิ่งนั้นดูเหมือนจะเป็นที่ยอมรับของคนหมู่มาก คนบางคนนั้นก็จะอ้างว่า แล้วทำไม คนโน้นยังทำได้ นี้คือคำอ้างและเหตุผล เมื่อพิจารณา น่าคิดไหมว่า ทำไมคนมักอ้างสิ่งที่ตกต่ำมาเป็นเหตุผลเพื่อให้ตนพ้นจากความไม่พึงประสงค์ของสังคม คำอ้างนั้น เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล....โอ..น้ำเมื่อไหล มักไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ
คำอ้าง คือการยกคำของคนอื่นมากล่าวอย่างสมเหตุสมผล และน่าเชื่อถือ ต่างจากเหตุผลที่คนมักจะนำมากล่าวเพื่อยืนยันว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่เหตุผลจะกลายเป็นคำแก้ตัวทันที หากนำมาพูดหลังจากการกระทำ ยกตัวอย่างเช่น นายมนตรี เปลี่ยนชื่อเป็น นายนเรศมันต์ เสียแล้ว เหตุผลเพราะชอบคุณอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นักร้องชื่อดังที่มาเล่นการเมืองในปัจจุบัน
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงคำอ้างนี้ก็จะกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้คนยอมรับได้ว่าเป็นเช่นนั้นเอง... คิดถึงมากครับหนึ่ง